สีสันงาน Oscars 2022 ที่ไม่ได้มีแค่การตบหน้ากันบนเวที
อย่าให้งานดีๆ ถูกกลบด้วยกระแสตบหน้ากันบนเวที “กรุงเทพธุรกิจ” พาคุณไปเก็บตกงานประกาศรางวัล “Oscars 2022” ที่มีเหตุการณ์ “ครั้งแรกในประวัติศาสตร์” และโมเมนท์น่าประทับใจเกิดขึ้นมากมาย
น่าเสียดายเป็นยิ่งนักหากงานประกาศรางวัลออสการ์ครั้งที่ 94 ประจำปี 2022 ซึ่งเป็นการกลับมาจัดงานเต็มรูปแบบครั้งแรกหลังยุคโควิด จะมีคนพูดถึงและจดจำแต่เหตุการณ์ที่ “วิล สมิธ” ตบหน้า “คริส ร็อค” บนเวทีระหว่างที่มีการถ่ายทอดสดไปทั่วโลก เพราะเล่นมุกแซวภรรยาของเขาที่ต้องโกนหัวเพราะโรคผมร่วงเป็นหย่อมๆ
นั่นเป็นเพราะงานออสการ์ในปีนี้จัดขึ้นได้เป็นอย่างดี และมีโมเมนต์น่าประทับใจมากมายที่เราจะมาสรุปให้ฟังกันดังนี้
ย้อนประวัติศาสตร์ 60 ปี James Bond
ปี 2022 เป็นปีครบรอบวาระสำคัญของภาพยนตร์ที่เป็นตำนานของวงการหลายเรื่อง ไม่ว่าจะเป็น เจมส์ บอนด์ ที่มีอายุครบ 60 The Godfather และ Cabaret ที่มีอายุครบ 50 ปี
งานออสการ์จึงจัดช่วงทริบิวต์ 60 Years of Bond ขึ้นด้วยการตัดคลิปรวบรวมฉากต่างๆ ในภาพยนตร์เจมส์ บอนด์ที่สร้างมาแล้วทั้งหมด 25 ภาค เริ่มจากภาคแรก Dr No (1962) ของ ฌอน คอนเนอรี ไปจนถึงภาคล่าสุด No Time to Die (2021) ของ แดเนียล เครก
โดยซีนในตำนานของบอนด์แต่ละคน ไม่ว่าจะเป็น โรเจอร์ มัวร์, เพียซ บรอสแนน, ทิโมธี ดาลตัน, ฌอน คอนเนอรี, แดเนียล เครก จะถูกเปิดคลอไปกับเพลง Live and Let Die ของวง Wings ซึ่งเป็นเพลงประกอบเจมส์ บอนด์ ภาค 8 (ปี 1973) ซึ่งบอกเลยว่าใครที่เป็นแฟนพันธุ์แท้หนังสายลับ 007 ดูคลิปนี้เข้าไปแล้วจะต้องรู้สึกเต็มตื้นในใจอย่างแน่นอน
หลังจากที่คลิปนี้จบลง “บิลลี่ อายลิช” กับพี่ชายของเธอ “ฟินเนียส” ก็ขึ้นมาร้องเพลง No Time To Die ให้ฟังกันสดๆ บนเวที แถลงเพลงนี้ยังสามารถคว้ารางวัลออสการ์สาขา “เพลงประกอบภาพยนตร์ยอดเยี่ยม” ไปครองได้อีกด้วย
3 ผู้ยิ่งใหญ่ The Godfather แห่งวงการภาพยนตร์
Credit / Robyn Beck / AFP
หนังคลาสสิกท้าทายกาลเวลาอย่าง The Godfather ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่ได้รับการเชิดชูในงานออสการ์ปีนี้ โดยหลังจากที่คลิป 50 ปี The Godfather ถูกฉายจบลง คนทั้งฮอลล์ก็ลุกขึ้นยืนปรบมือพร้อมกันเมื่อ 3 ผู้ยิ่งใหญ่ที่เป็นตำนานของวงการภาพยนตร์อย่าง ฟรานซิส ฟอร์ด คอปโปลา (วัย 82), อัลปาชิโน (วัย 81) และโรเบิร์ต เดอนิโร (วัย 78) ปรากฎตัวขึ้นบนเวทีพร้อมกัน
ทั้ง 3 คน ซึ่งเป็นผู้กำกับและนักแสดงนำใน The Godfather ได้ขึ้นมากล่าวขอบคุณเหล่าบุคคลที่ทำให้หนังเดอะ ก็อดฟาเธอร์ ถือกำเนิดขึ้นมาได้
“โปรเจคต์นี้เราเริ่มต้นกันเมื่อ 50 ปีที่แล้ว ด้วยความร่วมมืออย่างสุดพิเศษของเหล่าบุคคลที่เป็นตำนานมากมาย มันมากมายซะจนผมไม่สามารถจดรายชื่อของพวกเขาออกมาได้หมด แต่พวกคุณต่างรู้จักพวกเขาดี
ผมเลยอยากจะขอบคุณบุคคลเพียง 2 คนจากก้นบึ้งของหัวใจ ผมขอขอบคุณเป็นการส่วนตัวต่อ มาริโอ พูโซ ผู้แต่งนิยายก็อดฟาเธอร์ และโรเบิร์ต อีแวนส์ โปรดิวเซอร์ผู้ล่วงลับ” คอปโปลา ผู้กำกับภาพยนตร์เรื่องนี้กล่าวก่อนจะปิดท้ายว่า “ขอบคุณ วีว่า ยูเครน”
ทั้งนี้ กล้องในงานได้แพนไปจับภาพ สตีเวน สปีลเบิร์ก ยกกล้องขึ้นมาถ่ายภาพ 3 ผู้ยิ่งใหญ่บนเวทีเอาไว้ด้วย
“ชนกลุ่มน้อย” ในสังคมยังมีโอกาสและที่ยืนเสมอ
Credit / Frederic J. Brown / AFP
ชัยชนะของ ทรอย คอตเซอร์ ในสาขานักแสดงสมทบชายจาก CODA และชัยชนะของ อาเรียนา เดอโบส เจ้าของรางวัลนักแสดงสมทบหญิงยอดเยี่ยมจาก West Side Story เป็นมากกว่าการได้รับรางวัลออสการ์ของนักแสดงคนหนึ่ง เพราะมันหมายถึงโอกาสที่เปิดกว้างสำหรับคนที่ถูกจัดว่าเป็น “ชนกลุ่มน้อยของสังคม” อีกด้วย
ทั้งนี้ก็เนื่องจาก ทรอย คอตเซอร์ เป็น “นักแสดงหูหนวกชายคนแรกในประวัติศาสตร์ที่ได้รางวัลออสการ์” ขณะที่ อาเรียนา เดอโบส เป็น “นักแสดง Queer ผิวสีคนแรกที่ชนะรางวัลออสการ์”
ในตอนที่ขึ้นไปรับรางวัล ทั้งคู่ได้กล่าวคำปราศรัยเอาไว้ได้อย่างน่าประทับใจมาก โดยอาเรียนาซึ่งมีเชื้อสายละติน ผิวดำ และผิวขาวผสมกันอยู่ในตัว และประกาศตัวอย่างเปิดเผยว่าตัวเองเป็น queer (บุคคลที่ไม่จำกัดว่าจะต้องรักชอบกับเพศใดเพศหนึ่งเท่านั้น) บอกว่า
“แม้แต่ในโลกอันเหนื่อยล้าที่พวกเราอาศัยอยู่ ความฝันก็สามารถเป็นจริงได้ ถึงใครก็ตามที่ตั้งคำถามเกี่ยวกับอัตลักษณ์ของตัวเอง...ฉันขอรับประกันว่ามันมีที่สำหรับพวกเราอยู่จริง”
ในขณะที่ ทรอย คอตเซอร์ ขึ้นกล่าวคำปราศรัยโดยมีล่ามแปลภาษามือของเขาออกมาเป็นคำพูดว่า ขอมอบรางวัลออสการ์ตัวนี้ให้กับชุมชนคนหูหนวก และชุมชนผู้พิการ นี่คือช่วงเวลาของพวกเรา ทั้งยังขอบคุณผู้กำกับ เซียน เฮเดอร์ ในฐานะผู้สื่อสารที่ยอดเยี่ยมในการนำพาชุมชนคนหูหนวกออกมาสู่ภาพยนตร์ ขอบคุณโรงละครคนหูหนวกที่ทำให้เขาฝึกฝนทักษะจนกลายมาเป็นอาชีพได้
ทั้งนี้ ระหว่างที่ทรอยกล่าวคำปราศรัยนั้น คนในฮอลล์ได้ลุกขึ้นยืนขึ้นพร้อมโบกมือให้เขาแทนการปรบมือ ขณะที่ “ยุนยอจอง” ผู้ประกาศรางวัลก็ถือรางวัลออสการ์แทนทรอยเพื่อให้เขาใช้ภาษามือได้อย่างสะดวก
เกร็ดผู้ชนะรางวัลออสการ์ 2022
-
CODA โคด้า หัวใจไร้เสียง เป็นพระเอกของงาน ได้เข้าชิงออสการ์ 3 สาขา แล้วก็ได้ไปครองหมดทุกสาขา ได้แก่ ภาพยนตร์ยอดเยี่ยม, บทภาพยนตร์ดัดแปลงยอดเยี่ยม, นักแสดงสมทบชายยอดเยี่ยม (ทรอย คอตเซอร์)
-
Dune ได้รางวัลออสการ์ไปครองมากที่สุดรวม 6 สาขา (จากที่เข้าชิง 10 สาขา) ได้แก่ กำกับภาพยอดเยี่ยม, เสียงยอดเยี่ยม, เทคนิคพิเศษยอดเยี่ยม, ออกแบบงานสร้างยอดเยี่ยม, เพลงสกอร์ยอดเยี่ยม, ตัดต่อภาพยนตร์ยอดเยี่ยม
-
ชัยชนะของ อาเรียนา เดอโบส ทำให้ผู้รับบท “แอนิตา” จาก West side Story คว้ารางวัลออสการ์สาขานักแสดงสมทบหญิงยอดเยี่ยม ไปครองได้ทั้ง 2 เวอร์ชั่นที่มีการสร้างเป็นภาพยนตร์ คือ ปี 1961 “ริต้า โรมาโน” ได้ออสการ์ไป และปี 2021 ที่ตกเป็นของ “อาเรียนา เดอโบส”
-
ปีนี้เป็นปีแรกที่งานออสการ์มีพิธีกรหญิงล้วน ซึ่งพิธีกรทั้ง 3 คน เรจินา ฮอลล์, เอมี่ ชูเมอร์, วานด้า ไซส์ ได้เล่นมุก “จ้างพิธีกรหญิง 3 คนรวมกันยังถูกกว่าจ้างพิธีกรชายคนเดียว” เพื่อจิกกัดวงการฮอลลีวู้ดที่ผู้หญิงจะได้ค่าตัวน้อยกว่าผู้ชาย
-
นักร้องตัวแม่ บียอนเซ่ ได้กลับมาโชว์ในงานประกาศรางวัลเป็นครั้งแรกในรอบ 5 ปี กับเพลง Be Alive ด้วยความที่เพลงนี้เป็นเพลงประกอบภาพยนตร์เรื่อง King Richard หนังชีวประวัติของ “ริชาร์ด วิลเลียมส์” ผู้เป็นพ่อของ วีนัส-เซเรนา วิลเลียมส์ บียอนเซ่จึงส่งตรงการแสดงสดมาจากสนามเทนนิสในเมือง Compton รัฐแคลิฟอร์เนีย ซึ่งเป็นบ้านเกิดของ 2 นักเทนนิสสาว แถมยังพาลูกสาวตัวน้อย “บลู ไอวี่” มาร่วมแสดงด้วย
-
บิลลี่ อายลิช สาวน้อยมหัศจรรย์วัย 20 ปี ได้เข้าชิงออสการ์เป็นครั้งแรกจากเพลง No Time To Die พร้อมกับ “ฟินเนียส” พี่ชายของเธอ แล้วก็สามารถคว้ารางวัล “เพลงประกอบภาพยนตร์ยอดเยี่ยม” ไปครองได้สำเร็จ โดยตอนขึ้นรับรางวัล บิลลี่ได้กล่าวขอบคุณครอบครัว 007 ที่นำเพลงของเธอกับพี่ชายไปแล้วทำให้มันมีค่าคู่ควรกับภาพยนตร์ เจมส์ บอนด์
-
“ยุนยอจอง” นักแสดงชาวเกาหลีใต้ผู้คว้ารางวัลนักแสดงสมทบหญิงยอดเยี่ยมไปครองจาก Minari เมื่อปีที่แล้ว ได้ขึ้นเวทีไปประกาศรางวัลนักแสดงสมทบชายยอดเยี่ยมประจำปีนี้ เธอบอกว่าขอโทษที่ตำหนิคนที่อ่านชื่อของเธอผิดไปเมื่อปีที่แล้ว เพราะพอตัวเองต้องมาอ่านรายชื่อผู้เข้าชิงรางวัลในปีนี้จึงทำให้รู้ว่าการออกเสียงคนที่ไม่ใช่ภาษาของตัวเองมันยากแค่ไหน และถ้าเธอออกเสียงผิดก็ต้องขออภัยด้วย
Credit / FREDERIC J. BROWN / AFP
-
Encanto คว้าออสการ์สาขาภาพยนตร์แอนิเมชันยอดเยี่ยม เป็นเรื่องที่ 4 ของ Disney (ถ้าไม่นับ Pixar) ที่คว้ารางวัลนี้ไปครองต่อจาก Frozen, Big Hero 6, Zootopia โดยรางวัลนี้เพิ่งมีขึ้นครั้งแรกเมื่อปี 2001
-
เคนเนธ บรานาห์ ได้เข้าชิงออสการ์มาแล้ว 8 ครั้ง เพิ่งมาได้รางวัล บทภาพยนตร์ดั้งเดิมยอดเยี่ยมไปครองเป็นตัวแรกในปีนี้
-
ออสการ์ทำเก๋ด้วยการจับ 3 เจ้าหญิงดิสนีย์ ได้แก่ ลิลี่ เจมส์ ผู้เล่นเป็น ซินเดอเรลลา, นาโอมิ สกอตต์ ผู้เล่นเป็นเจ้าหญิงจัสมินจาก Aladin และ ฮัลลี เบลลีย์ ที่จะมารับบทเงือกน้อย “แอเรียล” คนใหม่ ขึ้นมาทำหน้าที่ผู้ประกาศรางวัล “ภาพยนตร์แอนิเมชั่นยอดเยี่ยม” ด้วยกัน
-
ออสการ์ฉลอง 15 ปี ภาพยนตร์ Juno ด้วยการนำทีมนักแสดงขึ้นมาประกาศรางวัลบทภาพยนตร์ดั้งเดิมยอดเยี่ยม ได้แก่ เจนิเฟอร์ การ์เนอร์, เอลเลียต เพจ และ เจ.เค. ซิมมอนส์
-
ขณะที่ 3 นักแสดงจากภาพยนตร์ Pulp Fiction ได้แก่ ซามูเอล แอล แจ็คสัน, จอห์น ทราโวลตา, อูมา เธอร์แมน กลับมารวมตัวกันเป็นครั้งแรกในรอบหลายปีบนเวทีออสการ์ โดยมาทำหน้าที่แนะนำช่วง 50 ปี The Godfather
Credit / justjared.com
-
เนื่องในโอกาสครบรอบ 50 ปี ภาพยนตร์ Cabaret ออสการ์ได้จัดให้ “เลดี้ กาก้า” ควงคู่กับนักแสดงหญิงระดับตำนาน “ไลซา มินเนลลี” นางเอกเรื่อง Cabaret ขึ้นมาประกาศรางวัลภาพยนตร์ยอดเยี่ยม
Credit / Robyn Beck / AFP
-
เซอร์ แอนโทนี ฮอปกินส์ เป็นนักแสดงระดับตำนานอีกคนหนึ่งที่ได้รับเชิญมางานออสการ์ 2022 เพื่อทำหน้าที่ประกาศรางวัล “นักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยม” ซึ่งทุกคนต่างพากันลุกขึ้นยืนปรบมือให้ตอนที่เขาปรากฎตัวบนเวที
Credit / Robyn Beck / AFP
-
Drive my car เป็นหนังญี่ปุ่นที่คว้ารางวัล “ภาพยนตร์ต่างประเทศยอดเยี่ยม” ได้เป็นครั้งแรกในรอบ13ปี ต่อจากเรื่อง “โอคุริบิโตะ” ส่วนหนังเรื่องสุดท้ายที่ได้เข้าชิงออสการ์คือ Shoplifters เมื่อปี 2018
-
ปี 2022 เป็นปีแรกที่ออสการ์จัดให้มีรางวัลประเภทแฟนโหวต (ที่ไม่ใช่กรรมการโหวต) ขึ้นมา 2 รางวัล ได้แก่ รางวัล Oscars Fan Favorite และรางวัล Oscars Cheer Moment
-
ผลปรากฎว่าหนังซอมบี้เรื่อง Army of the Dead ของ Zack Snyder ที่ฉายทาง Netflix ชนะรางวัล Oscars Fan Favorite ไป
-
ส่วนรางวัล Oscars Cheer Moment มีซีนน่าประทับใจในหนังที่เข้ารอบอยู่ 5 ซีน ด้วยกัน ได้แก่ ซีนนีโอเอนหลังหลบกระสุนใน The Matrix, ฉาก Effie White ร้องเพลง "And I Am Telling You I'm Not Going" ใน Dreamgirls, ฉากที่เหล่าอเวนเจอร์รวมพลังกันสู้ทานอสใน Avengers: Endgame, ฉากสไปเดอร์แมน 3 คนรวมทีมกันใน Spider-Man: No Way Home และฉากที่ “เดอะ แฟลช” เข้าไปใน Speed Force เพื่อย้อนเวลาใน Zack Snyder's Justice League
-
ผลปรากฎว่าซีนที่น่าจดจำที่สุดที่ได้รางวัล Oscars Cheer Moment จากการโหวตของแฟนๆ ไปคือ ฉาก “เดอะ แฟลช” เข้าไปใน Speed Force เพื่อย้อนเวลาใน Zack Snyder's Justice League