วันหยุดยาว "สงกรานต์ 2565" โดนสั่งงานวันหยุดแต่ไม่อยากตอบไลน์ ผิดไหม?
ไม่ตอบไลน์เรื่องงานในวันหยุด "สงกรานต์ 2565" ไม่ผิด! ชวนรู้จัก "Right to Rest" (สิทธิ์ของการพัก) หรือ "Right to Disconnect" (สิทธิ์ของการหยุดเชื่อมต่อ) ที่บังคับใช้ในต่างประเทศ ส่วนในไทยก็มีกฎหมายแรงงาน มาตรา 24 กำหนดไว้เช่นกัน
ในชีวิตการทำงานของมนุษย์เงินเดือน เชื่อว่าหนุ่มสาวพนักงานออฟฟิศหลายคนคงเคยเจอเหตุการณ์หัวหน้า "สั่งงานวันหยุด" แบบกะทันหัน ทำให้ไม่ได้หยุดพักผ่อนอย่างที่ควรจะเป็น ก่อนจะถึง "วันหยุดยาว" ช่วงเทศกาล "สงกรานต์ 2565" นี้ หากใครโดนสั่งงานวันหยุด ต้องรู้ไว้! ลูกจ้างสามารถปฏิเสธได้โดยไม่มีความผิด
กรุงเทพธุรกิจออนไลน์ ชวนรู้จัก “Right to Rest” (สิทธิ์ของการได้พัก) หรือ “Right to Disconnect” (สิทธิ์ของการหยุดเชื่อมต่อ) ที่พนักงานออฟฟิศทั่วโลกควรได้รับสิทธิ์นี้ ในวันหยุดประจำสัปดาห์และวันหยุดนักขัตฤกษ์ ยกเว้น มีการตกลงทำงานล่วงเวลาไว้แต่แรก
ข่าวที่เกี่ยวข้อง :
- "มนุษย์เงินเดือน" Introvert อาจเหนื่อยเข้า "ออฟฟิศ" มากกว่าที่คิด
- มนุษย์เงินเดือน “ยื่นภาษี” เช็กด่วน! ปี 65 ใครบ้างถูก “หักภาษี ณ ที่จ่าย”
- เมื่อ "มนุษย์เงินเดือน" เสพติดงานยุ่ง เช็ค 6 สัญญาณอาการแบบไหนเข้าข่าย?
- ส่องเทรนด์ “โบนัส” และ “ค่าตอบแทน” มนุษย์เงินเดือน ปี 2021-2022
1. “Right to Rest” (สิทธิ์ของการพัก) คืออะไร?
ต้องอธิบายก่อนว่า “Right to Rest” (สิทธิ์ของการได้พัก) หรือ “Right to Disconnect” (สิทธิ์ของการหยุดเชื่อมต่อ) นั้น เป็นข้อกฎหมายของต่างประเทศ ยังไม่มีข้อกฎหมายนี้ในไทย
โดยพบว่าใน 'ฝรั่งเศส' มีการบัญญัติกฎหมาย “สิทธิที่จะตัดขาดการสื่อสารนอกเวลาทำงาน” หรือ “Right to Disconnect” ขึ้นมา และบังคับใช้เมื่อวันที่ 1 ม.ค. 2017
ส่วน 'โปรตุเกส' ก็มีการออกกฎหมายเรื่องนี้เช่นกัน โดยระบุว่าบริษัทที่มีพนักงานมากกว่า 10 คนขึ้นไป หากนายจ้างสั่งงานพนักงานนอกเวลาทำงาน นายจ้างจะถูกปรับเป็นเงินจำนวนมาก
หลักการนี้ถูกสร้างมาเพื่อสร้างความเคารพชั่วโมงการทำงานในเวลาทำงานปกติอย่างเคร่งครัด ซึ่งไม่เกิน 35 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ ดังนั้น ลูกจ้างสามารถที่จะไม่อ่าน/ไม่ตอบไลน์ นอกเวลางาน หรือปิดเครื่องมือสื่อสาร นอกเวลาทำงานได้โดยไม่มีความผิด
2. "สั่งงานวันหยุด" ไทยมี "กฎหมายแรงงาน" คุ้มครอง
สำหรับในประเทศไทย แม้ไม่ได้มีการบังคับใช้ “Right to Disconnect” แต่ก็มีกฎหมายแรงงานคุ้มครองเรื่องนี้อยู่ กล่าวคือ หากใครโดนหัวหน้า "สั่งงานวันหยุด" แล้วลูกจ้างเลือกที่จะไม่ตอบไลน์นอกเวลางานหรือในวันหยุด ก็ไม่ใช่เรื่องผิดเช่นกัน
มีข้อมูลเพจ "กฎหมายแรงงาน" โดย รศ.ตรีเนตร สาระพงษ์ อาจารย์ประจำคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี ได้ให้ความรู้ในประเด็นนี้ไว้ว่า ตามกฎหมายคุ้มครองแรงงาน มาตรา 24 กำหนดว่า การทำงานล่วงเวลาจะต้องได้รับความยินยอมจากลูกจ้างด้วย
หากหัวหน้า/นายจ้าง สั่งงานลูกจ้างผ่าน Line และ Social Media อื่นๆ หากทำ “นอกเวลางาน” หรือ “วันหยุด” ที่ทำให้ลูกน้องหรือลูกจ้าง ต้องทำงานนอกเวลางาน ลูกน้องหรือลูกจ้างมีสิทธิที่จะปฏิเสธได้ ตามที่ระบุไว้ในมาตรา 24
โดยหัวหน้าหรือนายจ้างไม่มีสิทธิเอาเหตุผลนี้ไปใช้ประเมินผลงาน หรือหักเงินเดือน หรือเอาไปเป็นเหตุผลในการไล่ออกได้ เพราะถือว่าเป็นการ “สั่งงานนอกเวลางาน”
3. ทำงานนอกเวลา/ทำงานวันหยุด ต้องได้เงิน OT
นอกจากนี้ ตามกฎหมายคุ้มครองแรงงานของประเทศไทย มาตรา 23 กำหนดไว้ด้วยว่า ให้นายจ้างประกาศเวลาทำงาน โดยวันหนึ่งไม่เกิน 8 ชั่วโมงต่อวัน หากสั่งงานให้ลูกจ้างทำงานเกินจากเวลาทำงานปกติ 8 ชั่วโมง จะถือว่าเป็นการทำงาน “ล่วงเวลา”
หากเข้าข่ายเป็นการทำงานล่วงเวลา นายจ้างต้องจ่าย “ค่าล่วงเวลา” หรือจ่ายเงินโอที (OT) ให้ลูกจ้าง ตามที่กฎหมายคุ้มครองแรงงานในมาตรา 61,63 และมาตรา 62 กำหนดไว้ กล่าวคือ ถ้าทำงานล่วงเวลาในวันธรรมดา ต้องจ่าย 1.5 เท่า ถ้าทำงานล่วงเวลาในวันหยุดจ่าย 3 เท่า
4. นายจ้างไลน์สอบถามเรื่องอื่นๆ ไม่เกี่ยวกับงาน ทำได้!
ไม่ใช่ว่าการไลน์หาลูกจ้างในวันหยุดทุกกรณีจะเป็นความผิดทั้งหมด หากนายจ้าง/หัวหน้า มีความจำเป็นที่จะต้องติดต่อหาลูกน้อง/ลูกจ้างในวันหยุด ในเรื่องอื่นๆ ที่ไม่ใช่เรื่องงาน ก็สามารถทำได้ ไม่เข้าข่ายผิดกฎหมายคุ้มครองแรงงาน เช่น ถามที่เก็บกุญแจตู้ หรือขอรหัสผ่านคอมพิวเตอร์
ข้อมูลจาก "สำนักงานสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานกรุงเทพมหานครพื้นที่ 7" ให้ความเห็นไว้ว่า กรณีข้างต้นไม่ถือว่าเป็นการทำงานล่วงเวลา หัวหน้าหรือนายจ้างไม่ต้องรับผิดในการจ่ายค่าล่วงเวลาหรือค่าทำงานในวันหยุด
5. "วันหยุด" ต้องได้หยุด! ทำไมควรงดคุยเรื่องงานในวันพักผ่อน?
มีผลวิจัยเรื่อง "Employees who responded to work messages outside of work hours" จากมหาวิทยาลัยแห่งเซาท์ออสเตรเลีย รายงานว่า คนที่ต้องคอยตอบอีเมล-ตอบไลน์เรื่องงานในวันหยุด และทำงานนอกเวลางานนั้น จะรู้สึกเครียดกว่าเดิม 70.4% และรู้สึกเหนื่อยล้าทางจิตใจมากขึ้น 63.5%
อีกทั้งผลวิจัยจาก สำนักงานวิจัยเศรษฐกิจแห่งชาติสหรัฐฯ (National Bureau of Economic Research) ก็ชี้ชัดไปในทิศทางเดียวกัน คือพบว่า พนักงานออฟฟิศวัยทำงานกว่า 3.1 ล้านคน ที่ใช้เวลาทำงานยาวนานขึ้น (ทำงานล่วงเวลา) มีความเสี่ยงเป็นโรคหัวใจและเส้นโลหิตในสมองแตกอย่างเฉียบพลันเพิ่มมากขึ้นถึง 35% และส่งผลให้ประสิทธิภาพในการทำงานลดลงด้วย
ในทางตรงกันข้าม ผลสำรวจจากโปรตุเกสยืนยันว่า การบังคับใช้หลักการ “Right to Rest” (สิทธิ์ของการได้พัก) หรือ “Right to Disconnect” (สิทธิ์ของการหยุดเชื่อมต่อ) นั้น ได้รับผลตอบรับจากพนักงานอย่างมาก
โดยพวกเขายอมรับว่า ข้อบังคับนี้สามารถช่วยลดโอกาสในการสูญเสียพนักงาน, ทำให้วัฒนธรรมการทำงานแบบติดต่อได้ตลอดเวลา (Always-On) ทุเลาเบาบางลงไป, ทำให้พนักงานมีเวลาส่วนตัวมากยิ่งขึ้น, ช่วยลดความเครียดและแรงกดดันในการทำงานให้แก่พนักงานได้ค่อนข้างมาก
อ่านมาถึงบรรทัดนี้ ลูกจ้างทุกคนคงหาคำตอบให้ตัวเองได้แล้วว่า "วันหยุดยาว" ที่จะถึงนี้ หากเจอการไลน์เด้งมาสั่งงานในวันหยุด ควรจะตอบกลับไปอย่างไร หรือจะไม่ตอบเลยก็ได้ ถือว่าไม่ผิด!
-----------------------------------------
อ้างอิง : กฎหมายแรงงาน, jobsDB, beartai, กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน, psychology-stress