COLLECTIVE by Cloud 11 ครีเอเตอร์เฟสติวัลครั้งแรกในประเทศไทย
สองวันเท่านั้น COLLECTIVE by Cloud 11 ครีเอเตอร์เฟสติวัลเมืองไทย รวบรวมผลงานจากเหล่าครีเอเตอร์ดาวรุ่งกว่า 50 ชีวิต ภายใต้คอนเซปต์ Collective Creativity Empowered by Technology for Positive Change ร่วมค้นหาคำตอบเทคโนโลยีทำให้งานศิลปะ Impact และแตกต่างได้อย่างไร
Cloud 11 เปิดตัวในฐานะฮับของคอนเทนต์ครีเอเตอร์ที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียด้วยแนวคิด “Empowering Creators” (ติดปีกคอนเทนต์ครีเอเตอร์) และตั้งใจที่จะเป็นฮับของคอนเทนต์ครีเอเตอร์ที่มีระบบนิเวศการสร้างสรรค์คอนเทนต์ที่ครบถ้วน
พร้อมเปิดเวทีแสดงออกให้เหล่านักสร้างสรรค์และคนรุ่นใหม่ได้จุดประกายแรงบันดาลใจ สนับสนุนการทำงานข้ามอุตสาหกรรม และสะท้อนศิลปะวัฒนธรรมของครีเอเตอร์ไทย
ล่าสุด Cloud 11 ประเดิมจัดงาน COLLECTIVE by Cloud 11 ถือเป็นครีเอเตอร์เฟสติวัลครั้งแรกที่รวบรวมกลุ่มครีเอเตอร์ซึ่งสร้างสรรค์ผลงานและคอนเทนต์รูปแบบใหม่ๆ ผ่าน 3 วิธีการหลัก คือ
- การการดำเนินงานร่วมกัน (Synergy)
- ความร่วมมือ (Collaboration)
- การแบ่งปัน (Sharing)
เป็นผลงานและคอนเทนต์ที่เกิดจากการ Synergy, Collaboration และ Sharing ทักษะ ความรู้ ความสามารถเฉพาะตัวของครีเอเตอร์แต่ละด้าน ไม่ว่าจะเป็นศิลปะ การออกแบบ วัฒนธรรม ความคิด นวัตกรรม ร่วมกับ ‘เทคโนโลยีสมัยใหม่’ ก่อให้เกิดผลงานสร้างสรรค์อันน่าทึ่งเผยแพร่สู่สาธารณชน
ที่มาของชื่องาน “COLLECTIVE by Cloud 11”
คำว่า Collective เกิดจากการรวมกันของคำ 3 คำ ซึ่งเป็นคำที่ Cloud 11 มุ่งมั่นที่จะสร้างเทศกาลศิลปะวัฒนธรรมให้กับวงการครีเอเตอร์
- Creativity: ต้องการให้เห็นผลงานใหม่ๆ ที่สร้างแรงบันดาลใจให้ผู้คน เปิดโอกาสให้เห็นวงการ Digital Content Creation มากยิ่งขึ้น
- Collaboration: ได้เห็นการทำงานข้ามสายของต่างอุตสาหกรรม ไม่ว่าจะเป็นดนตรี การออกแบบ หรือศิลปะที่เชื่อมโยงกับเทคโนโลยี
- Community: ผลักดันวงการ Content Creation และเปิดโอกาสให้กับศิลปินหน้าใหม่ได้มีพื้นที่แสดงผลงาน โดยหวังให้งานนี้เป็นจุดเริ่มต้นของคอมมูนิตี้ (Community) สำหรับครีเอเตอร์หลากหลายวงการได้มาทำความรู้จัก แบ่งปัน และสร้างคอนเนคชั่นเพื่อต่อยอดสู่ความสำเร็จ
นำมาสู่ชื่อ Collective ซึ่งเป็นทั้งคำนาม (Noun) และคำคุณศัพท์ (Adjective) ที่มีความหมายว่า การร่วมมือกันเพื่อทำอะไรบางอย่างให้สำเร็จ
แนวคิดและกิจกรรมงาน “COLLECTIVE by Cloud 11” ในปี 2023
COLLECTIVE by Cloud 11 จัดขึ้นปีนี้เป็นปีแรก โดยจัดภายใต้คอนเซปต์ Collective Creativity Empowered by Technology for Positive Change ซึ่งหมายถึงเทคโนโลยีทำให้ศิลปะ Impact มากขึ้นได้อย่างไร แตกต่างอย่างไร และหลากหลายได้อย่างไร
ภายในงานรวบรวมผลงานของเหล่าครีเอเตอร์ชื่อดังกว่า 50 ชีวิตมาไว้ในที่เดียว โดยแบ่งออกเป็น 5 โซน ได้แก่
(1.) โซน COLLECTIVE EXHIBITIONS
โซน COLLECTIVE EXHIBITIONS เป็นโซนจัดแสดงผลงานของครีเอเตอร์ในรูปแบบต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น Immersive Art จากสตูดิโอออกแบบมีชื่ออย่าง From Object to Studio ที่ทำงานร่วมกับศิลปิน Univirtar.io, Anofficerdies, และ Youth Brush
ถ่ายทอดออกมาเป็นผลงาน Sanctum: Retreat Your Mind พื้นที่ที่จะพาทุกคนล่องลอยไปกับ Avatar ที่ถูกสร้างขึ้นจากตัวของคุณเอง พร้อมกับการฉาย Projection Mapping บรรยายบรรยากาศการเปลี่ยนแปลงของย่านสุขุมวิทใต้ เสมือนได้ปล่อยให้จิตใจคุณล่องลอยไปกับความสงบท่ามกลางท้องฟ้า
ทำให้เห็นบทบาทของเทคโนโลยีการทำงานศิลปะยุคสมัยใหม่ รวมถึงทำงานร่วมกันระหว่างคนต่างสายต่างความเชี่ยวชาญ ที่สามารถร่วมสร้างผลงานที่แตกต่างออกมาได้ ซึ่งความเคลื่อนไหวนี้ยังมีส่วนร่วมขับเคลื่อนวงการสร้างสรรค์ให้มีสีสันและทลายกรอบเดิมๆ ได้
นอกจากนี้ ยังมีกลุ่ม DecideKit ที่จะมาจุดประกายการขยายขอบเขตงานศิลปะที่แตกต่าง และสร้างประสบการณ์ใหม่ๆ ภายใต้คอนเซปต์การผสมผสาน ศิลปะแห่งเสียงเพลง กับ ศิลปะแห่งภาพ เพื่อให้เข้าถึงบทเพลงของศิลปินอย่าง “ภูมิ วิภูริศ” ให้กับผู้ร่วมงานได้เข้าชม
แปรบทเพลงที่มีท่วงทำนองและความหมาย 'เยียวยาจิตใจ' ออกมาเป็นศิลปะแสงแห่งภาพ ผู้เข้าชมนิทรรศการเพียงเข้าไปยืนตรงเครื่องหมายที่กำหนดไว้บนพื้นห้อง ภาพใบหน้าของคุณจะไปปรากฏอยู่ในงานศิลปะ
ช่วงเริ่มต้นของบทเพลง DecideKit ออกแบบแสงไฟโทนสีขาวดำ เป็นตัวแทนของความตึงเครียดที่คนส่วนใหญ่ในสังคมเผชิญอยู่ในขณะนี้ จากนั้นแสงไฟจะค่อยๆ เปลี่ยนเป็นสีสันสดใส ประกอบกับบทเพลงที่มีเนื้อหาเชิงบวก ช่วยผ่อนคลายเยียวยาจิตใจ
นิทรรศการงานอินสตอลเลชั่น Dark Frequency Room ที่ผสานกับเทคโนโลยีใหม่แห่งโลกยุคดิจิทัลจาก KOB B.O.R.E.D ที่ถนัดด้าน Visual Design, Projection Mapping และ Lighting Installation Design ร่วมกับศิลปินด้าน New Media อย่าง SQUARE DOTS
รวมถึงนิทรรศการจาก Yellaban ในชื่อ Lucid Dream ที่เน้นการเชื่อมปฏิสัมพันธ์ให้ผู้ชมเข้าไปมีส่วนร่วมกับงานด้วย อีกทั้งยังเชิญศิลปินอีกหลายท่านมาร่วมตอบโจทย์แนวคิดหลักของงานที่ว่าด้วย Creativity – Collaboration และ Community ของ COLLECTIVE by Cloud 11
อาทิ STUPID SHIT, PAVEE และ CHARLIE N. ทำให้แต่ละผลงานถ่ายทอดเรื่องราวเฉพาะตัวที่น่าสนใจ และสะท้อนการใช้เครื่องมือเทคโนโลยีสมัยใหม่ให้ผสานความคิดสร้างสรรค์สู่งานศิลปะหลากหลายรูปแบบ
ไม่ว่าจะเป็น Interactive Generative Art, Immersive Interactive Installation, Audio Visual Art Installation และ Sound Installation
นอกจากนิทรรศการจากครีเอเตอร์แล้ว ยังมีโซน Arts จากศิลปินชื่อดัง อาทิ ธนชัย อุชชิน (ป๊อด โมเดิร์นด็อก), เมธี น้อยจินดา (เมธี โมเดิร์นด็อก), Nev3r, ธีธัช ธนโชคทวีพร (Tetat), KOB B.O.R.E.D, ยุรี เกนสาคู (Yuree Kensaku), MAMABLUES, แก้วตระการ จุลบล, ยูน ปัณพัท เตชเมธากุล, PPP Studio และกลุ่ม Temporary West ศิลปินสตรีทอาร์ตกว่า 10 คน
ร่วมด้วย Photo Exhibition จาก ชำนิ ทิพย์มณี ช่างภาพระดับแนวหน้าของเมืองไทยกับคอนเซปต์ Past Present Future การเปลี่ยนผันจากอดีตผ่านปัจจุบันไปสู่อนาคต พร้อมกับเหล่า Young Generation ที่มาทำให้งานนี้สมบูรณ์มากยิ่งขึ้น
เบื้องหลัง Photo Exhibition โดย SIXTYSIX หรือ พจน์ - พรพจน์ กาญจนหัตถกิจ ถ่ายทอดเสน่ห์สถาปัตยกรรมในยุค Modernism ของตึกฟีฮาแล็บ (Phihalab)
รวมถึง Art Market ร้านค้าศิลปะจากครีเอเตอร์ในหลากหลายวงการ อาทิ Tanasan Kanakasem, Dojo, TU!!, Gupoong, Praewphapa, Asin, Bonus Tmcvinn Patararin X Phannapast และผลงานจากศิลปินอื่นๆ อีกมากมาย
(2.) โซน COLLECTIVE MUSIC SHOWS
โซนจัดแสดงดนตรีจากศิลปินและดีเจชื่อดังที่จะมาร่วมสร้างสีสันกันอย่างเต็มที่ โดยในวันที่ 18 พฤศจิกายน 2566 พบกับ Whal & Dolph วงดนตรีอินดี้ป็อปสัญชาติไทยจากค่าย What the duck (16.00-16.45 น.) AUTTA แรปเปอร์อัจฉริยะ จากค่าย Yupp! (17.00-17.45 น.) และดีเจ Aopsherrrrr (18.00-19.30 น.)
วันที่ 19 พฤศจิกายน 2566 พบกับ MJMA (14.00-15.00 น.) Mae HappyAir (15.00-16.00 น.) Club Mascot (17.00-18.00 น.) Winkieb (18.00-19.00 น.) Marmosets (19.00-20.00 น.)
(3.) โซน COLLECTIVE TALKS
รวบรวมครีเอเตอร์ระดับท็อปมากประสบการณ์จากสายต่างๆ มาร่วมพูดคุยและจุดประกายไอเดียให้กับครีเอเตอร์ยุคใหม่ โดยมีกำหนดการ ดังนี้
18 พฤศจิกายน 2566 เวลา 15.00-16.00 น. : พบกับ ศรัณย์ ภิญญรัตน์ Fungjai แพลตฟอร์ม Music Streaming, Nino-เกริก ชาญกว้าง CEO and Music Producer of HYPE TRAIN GROUP, ณัฐชนก ธนาบุญยรัตน์ Head of Agency Production Lead จาก Nimit Nation และมณฑล จิรา พูดคุยในหัวข้อ Technology's impact on musicals creativity
18 พฤศจิกายน 2566 เวลา 16.20-18.20 น. : พรรณธร ลออรรถวุฒิ CEO จาก VUCA Digital, ภารุต เพ็ญพายัพ CEO จาก MQDC Idyllias, ชินธิป แต้มแก้ว ตฤณ นิลกรณ์ ผู่ร่วมก่อตั้ง AI-Deate, เมธากวี สีตบุตร ผู้มีประสบการณ์ในด้านเทคโนโลยีเพื่อการสร้างสรรค์ผลงาน พูดคุยในหัวข้อ How do you best approach the technological implementation in the creative process?
19 พฤศจิกายน 2566 เวลา 14.00-16.00 น. : พบกับ KOB B.O.R.E.D, Chanpen Koolkaew จาก DECIDEKIT, Pomme Chan สามครีเอเตอร์ตัวท็อป ร่วมพูดคุยในหัวข้อ The evolution of design and technology over the past decade
19 พฤศจิกายน 2566 เวลา 16-20-17.20 น. : ทศพร เชื้อทอง และ นุชนาฏ ประทุมสุวรรณ์ (นุช) จาก IGLOO STUDIO พูดคุยและแลกเปลี่ยนในหัวข้อ The impact of technology on storytelling: from script to screen
(4.) โซน COLLECTIVE FOOD & BEVERAGE
รวบรวมอาหารและเครื่องดื่มสัญชาติต่างๆ จากหลากหลายร้านมาไว้ในงานเดียว อาทิ ร้านอาหารจีนจาก Bahaotianmi, 8bahao ร้านอาหารฟิวชั่นจาก chunn.bkk, Mad Moa, Baanhead chef, Comfortroots ร้านอาหารเอเชียน-เกาหลีจาก Onnie recipe, Labkrung, Hosek.bkk, Soso Bangkok และร้านเบเกอรี่จาก Goutes Patissieresroom, Have a food day รวมถึงร้านเครื่องดื่มจาก ChaEn matcha, Flowers in the window.bkk
(5.) โซน COLLECTIVE NETWORKING SESSION
โซนที่เกิดจากการสร้างสรรค์ของ Studio 11206 ที่เปิดโอกาสให้ผู้ร่วมงานได้มาทำความรู้จัก และแลกเปลี่ยนความคิดเห็น โดยใช้ Talk Card เป็นสื่อกลาง ภายใต้หัวข้อ “Talk That Talk: Does AI Dream of Electric Sheep? ในการสำรวจความสัมพันธ์ และผลกระทบระหว่าง AI กับมนุษย์ ผ่านมุมมองเชิงปรัชญา ศีลธรรม จรรยาบรรณ และศาสตร์ความรู้
งาน COLLECTIVE by Cloud 11 จัดขึ้น ณ อาคารอุดมพร - ฟีฮาแล็บ (Phihalab) BTS ปุณณวิถี ทางออก 2 วันที่ 18 – 19 พฤศจิกายน 2566 ตั้งแต่เวลา 14.00 - 20.00 น. ผู้สนใจเข้าร่วมงานได้โดยไม่มีค่าใช้จ่าย และสามารถลงทะเบียนเข้าร่วมงานล่วงหน้าได้ที่ ticketmelon.com/cloud-11/collective2023
