แมลงทับ หนึ่งในหลายกลไกสร้างเศรษฐกิจชุมชนในสมเด็จพระบรมราชชนนีพันปีหลวง
เปิดประวัติความเป็นมาเส้นทางสาย 'แมลงทับ' สู่ฉลองพระองค์และศิลป์แผ่นดิน พระวิสัยทัศน์-พระอัจฉริยภาพ 'สมเด็จพระบรมราชชนนีพันปีหลวง' สร้างรายได้ สร้างเศรษกิจที่ยั่งยืนแก่ชุมชน พร้อมแนวทางอนุรักษ์แมลงทับมิให้สูญไปจากธรรมชาติ
สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ทรงมีพระมหากรุณาธิคุณและพระอัจฉริยภาพสร้างสรรค์งานจากศิลปหัตถกรรม เพื่อประโยชน์สุขของราษฎรชาวไทยมากมายนานัปการ
หนึ่งในนั้นคือการพระราชทานแนวทางนำ ปีกแมลงทับ ซึ่งมีความงดงามเป็นเอกลักษณ์มาตกแต่งงานหัตถกรรมไทยให้มีความสวยงามโดดเด่น เกิดการสร้างงาน สร้างเศรษกิจที่ยั่งยืนแก่ชุมชน โดยทรงใช้พระองค์เองเป็นเสมือนพรีเซนเตอร์ รับสั่งให้นำปีกแมลงทับประดับฉลองพระองค์
สมเด็จพระบรมราชชนนีพันปีหลวง ทรงเข็มกลัดแมลงทับ
ปัจจุบัน งานตกแต่งด้วยปีกแมลงทับซึ่งเกิดจากช่างฝีมืออันปราณีตของ ‘สถาบันสิริกิติ์’ ยังได้สร้างสรรค์ผลงานศิลปกรรมอันวิจิตรงดงามไว้มากมายกลายเป็นงานศิลป์แห่งรัชสมัยในนาม ‘ศิลป์แผ่นดิน’ ซึ่งการนำปีกแมลงทับมาประสานกับงานศิลปหัตถกรรมไทยต้องผ่านการศึกษาวิจัยหลายปี
ราษฎรภาคอีสานนำปีกและแมลงทับมาทูลเกล้าฯ ถวายสมเด็จพระบรมราชชนนีพันปีหลวง
เรื่องราวของ ปีกแมลงทับ ย้อนกลับไปเมื่อครั้งที่ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เสด็จพระราชดำเนินไปทรงเยี่ยมราษฎรในภาคอีสานนับแต่พ.ศ.2498 เป็นต้นมา
ราษฎรที่รอเฝ้าฯ ในเวลานั้น ได้นำ ปีกแมลงทับ และ แมลงทับที่ตายแล้ว แต่ยังมีปีกสีเขียวเหลือบเป็นมันวาวสวยงาม ใส่ถุงเล็กๆ มาทูลเกล้าฯ ถวายเป็นจำนวนมาก เนื่องจากสำหรับชาวบ้านภาคอีสานแล้ว ‘แมลงทับ’ ถือเป็นของมีค่าและของดีที่เขามี
ในเวลานั้น สมเด็จพระบรมราชชนนีพันปีหลวง ทรงรับไมตรีของราษฏรไว้ แต่ยังมิทรงทราบว่าจะนำแมลงทับและปีกแมลงทับมาทำอะไรได้บ้าง แต่ทรงรับไว้เรื่อยมา
ผ้าทรงสะพักของสมเด็จพระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า
ครั้นในปีพ.ศ.2525 ขณะที่ทรงสำรวจโบราณวัตถุที่พระตำหนักต่างๆ ได้ทอดพระเนตร ผ้าทรงสะพักประดับปีกแมลงทับ ของ ‘สมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า’ พระบรมราชเทวีในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 5) ซึ่งมีอายุกว่า 100 ปี ในพระที่นั่งวิมานเมฆ
ผ้าทรงสะพัก (ผ้าห่มเฉียงบ่า) ผืนดังกล่าวเป็นผ้าไหม แม้เนื้อผ้าเปื่อยไปตามเวลา แต่ปีกแมลงทับยังอยู่ในสภาพดี แวววาว เป็นเงาเหลือบสวยงาม
ทำให้ทรงรำลึกถึง ปีกแมลงทับ ที่ทรงรับมาจากราษฎรในภาคอีสาน จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตั้ง "แผนกประดับปีกแมลงทับ" ที่โรงฝึกศิลปาชีพ สวนจิตรลดา เพื่อหาวิธีใช้ประโยชน์จากแมลงทับซึ่งราษฎรมีน้ำใจทูลเกล้าฯ ถวายเป็นจำนวนมาก
ฉลองพระองค์ปักประดับปีกแมลงทับและลูกปัด พ.ศ.2528
สมเด็จพระบรมราชชนนีพันปีหลวง ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานแนวทางให้นำ ปีกแมลงทับ มาประดับบนฉลองพระองค์และผ้าทรงสะพัก แล้วทรงฉลองพระองค์ประดับปีกแมลงทับในโอกาสสำคัญหลายครั้ง
อาทิ ในการเสด็จพระราชดำเนินไปสหรัฐอเมริกาเป็นการส่วนพระองค์ พ.ศ.2528 สมเด็จพระบรมราชชนนีพันปีหลวง ทรงฉลองพระองค์ชุดกลางวันผ้าไหม (แจ๊กเก็ต) ปักประดับด้วยปีกแมลงทับและลูกปัด ออกแบบโดย อีริก มอร์เทนเซน แห่งห้องเสื้อ บัลแมง (Pierre Balmain)
ปัจจุบัน ฉลองพระองค์แจ๊กเก็ตปีกแมลงทับองค์นี้ได้รับการเก็บรักษาโดย ผ้าพิพิธภัณฑ์ผ้าในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ
การศึกษาวิจัยทำให้รู้วงจรชีวิตแมลงทับ
เมื่อมีความนิยมนำปีกแมลงทับมาใช้มากขึ้น สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ทรงห่วงใย 'แมลงทับ' อาจสูญพันธุ์
เพราะแต่เดิม ‘แมลงทับ’ เป็นแมลงชนิดหนึ่งที่ราษฏรนิยมบริโภคอยู่แล้ว หากมีการจับแมลงทับที่ยังไม่ตายเพิ่มขึ้น ก็จะยิ่งเร่งให้สูญพันธุ์เร็วขึ้นอีก
จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เริ่มการศึกษาค้นคว้าวงจรชีวิตของแมลงทับและวิธีการเพาะเลี้ยงขึ้นตั้งแต่ พ.ศ.2525 โดยมี ดร.วาลุลี โรจนวงศ์ นักวิชาการด้านกีฎวิทยาและคณะ จากมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เป็นผู้ดำเนินงานสนองพระราชดำริ
ท่านผู้หญิงจรุงจิตต์ เล่าการทรงงานด้านแมลงทับของสมเด็จพระบรมราชชนนีพันปีหลวง
“พระองค์ท่านทรงนำแมลงทับมาทดลองเลี้ยงบนพระตำหนัก ทอดพระเนตรเห็นเลยว่าแมลงทับพอวางไข่เสร็จก็ตายเลย ไข่ฟองหนึ่งหรือสองฟอง วางไข่เสร็จก็นิ่งเลย” ท่านผู้หญิงจรุงจิตต์ ทีขะระ เลขานุการในพระองค์ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง กล่าวในการถ่ายทอดเรื่องราวเกี่ยวกับพระมหากรุณาธิคุณและพระอัจฉริยภาพในงานเปิดนิทรรศการเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ‘จากภูผา สู่มหานที’ เนื่องในโอกาสเฉลิมพระชนมพรรษา 92 พรรษา 12 สิงหาคม 2567 ณ เจริญนคร ฮอลล์ ไอคอนสยาม เมื่อวันพฤหัสฯ ที่ 8 สิงหาคม 2567
“ทรงให้นำไข่แมลงทับไปให้อาจารย์วาลุลี รับสั่งว่าให้อาจารย์ไปศึกษาหาข้อมูลวงจรชีวิตแมลงทับ เพราะว่าสวยเหลือเกิน แล้วนำมาใช้ประโยชน์ได้มากมาย หากปล่อยให้อยู่ตามธรรมชาติ ใช้กันไปใช้มา วันหนึ่งก็หมด ทุกครั้งที่พระองค์ทรงทำอะไรจะนึกถึงวัตถุดิบเสมอ” ท่านผู้หญิงจรุงจิตต์ กล่าว
ของที่ระลึกตกแต่งด้วยย่านลิเภาสอดปีกแมลงทับ (พิพิธภัณฑ์ศิลป์แผ่นดิน)
ราวพนักพระที่นั่งพุดตานถมทองซับด้วย ‘ปีกแมลงทับ’
การศึกษาวิจัยครั้งนี้ค่อนข้างยาก เพราะยังไม่เคยมีการค้นคว้าเรื่องแมลงทับที่ชัดเจนทั้งในและต่างประเทศมาก่อน
ดร.วาลุลี ใช้เวลา 7 ปีในการศึกษาแมลงทับร่วมกับปรึกษาผู้เชี่ยวชาญในต่างประเทศถึงแมลงในกลุ่มสปีซีส์ใกล้เคียงกัน ได้ผลงานวิจัยก้าวหน้าพอสมควร แต่ยังไม่บรรลุผลสมบูรณ์
“ต่อมาระยะหลัง ลูกศิษย์อาจารย์วาลุลีและนักวิชาการของเราช่วยกันทำ ตอนนี้ก็เลยไปตั้งเป็นฟาร์มเพาะเลี้ยงแมลงทับอยู่ที่จังหวัดสระแก้ว มีผู้ทูลเกล้าฯ ถวายที่ดิน” ท่านผู้หญิงจรุงจิตต์ กล่าว
ที่ดินดังกล่าวตั้งอยู่ที่บ้านคลองหมี ต.สระแก้ว อ.เมือง เป็นที่ดินที่นายเม้ง วงษ์พานิช น้อมเกล้าฯ ถวายสมเด็จพระบรมราชชนนีพันปีหลวง จำนวน 15 ไร่ 94 ตารางวา เมื่อวันที่ 7 กันยายน พ.ศ.2544
พืชอาหารยอดนิยมของแมลงทับ
ท่านผู้หญิงจรุงจิตต์ เล่าต่อไปว่า “บังเอิญมีต้นมะขามเทศบนที่ดิน ทราบว่าตรงนั้นมีแมลงทับเหมือนกัน ก็เลยไปสร้างกรงล้อมคลุมต้นไม้ไว้เลย เพื่อศึกษาวิจัย เขากินอะไร โตยังไง ได้อาจารย์จากจุฬาฯ ติดชิพให้ที่ตัวแมลงทับ ดูว่าคลานไปตรงไหนบ้าง ตายตรงไหน
กระทั่งทราบวงจรชีวิตของแมลงทับ เขาชอบกินใบไผ่เพ็ก วางไข่ในดิน เติบโตในดินแล้วค่อยโผล่เป็นตัวออกมาจากดิน ไม่ได้วางไข่อยู่ในโพรงไม้หรือเปลือกไม้
และได้กรมหม่อนไหมส่งนักวิชาการไปทำอยู่ที่นั่น ในที่สุดก็มีผลสำเร็จในการศึกษาวิจัยเบื้องต้นอย่างเป็นรูปธรรม ทำหนังสือออกมาเล่มหนึ่งเพื่ออธิบายถึงวงจรชีวิตเหล่านี้”
ส่วนหนึ่งของการศึกษาวิจัยพบว่า แมลงทับใช้ระยะเวลาเติบโตนานประมาณ 2 ปี กว่าจะโตเต็มวัย พบมากในช่วงเข้าพรรษาของแต่ละปี และเมื่อวางไข่เสร็จก็จะตายตามธรรมชาติทันที
สีสันของปีกแมลงทับ
“แมลงทับ ถ้าตายก่อนหมดอายุไข ไม่ได้ตายตามธรรมชาติ สีปีกของเขาจะเป็นสีเขียวเหลือบสีเดียว แต่ถ้าตายตามธรรมชาติ คุณก็จะได้สีปีกแมลงทับที่ถาวร คงทนไม่หลุดลอก
สีของปีกแมลงทับยังขึ้นอยู่ชนิดพืชที่กินและดินที่ลงไปฝังตัว สีเหลือบ สีทอง สีเหลืองทอง เหลืองม่วง เหลือบน้ำเงิน เหลือบเขียว ต้องปล่อยให้เขาตายตามธรรมชาติจึงได้สีสวยงามและได้หลากหลายสี ถ้าใจร้อนไปเด็ดมาก่อน ก็จะไม่ได้สีที่สวยงาม
เราก็พยายามสอนชาวบ้านอย่าทานเลย อาหารก็มีเยอะแยะ เก็บแมลงทับไว้เถอะ ให้เขามีชีวิตยืนอยู่ตามอายุไขของเขา”
ตุ๊กตาไม้โมกมัน ตกแต่งด้วยปีกแมลงทับ (พิพิธภัณฑ์ศิลป์แผ่นดิน)
ท่านผู้หญิงจรุงจิตต์ กล่าวในตอนท้ายว่า "งานแต่ละอย่างที่จะออกมาไม่ใช่ง่ายๆ ไม่ใช่วันสองวันทำได้ ใช้เวลานานเป็นปีๆ สิ่งที่คนไทยมี ของดีของบ้านเรามี เราควรจะเก็บรักษาไว้ เพราะไม่ได้สร้างขึ้นมาภายในวันเดียว เราก็ควรจะหวงแหนรักษาให้อยู่ยั้งยืนนาน"
เนื่องในโอกาสมหามงคล วันเฉลิมพระชนมพรรษา 92 พรรษา สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง 12 สิงหาคม 2567 ขอพระองค์ทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน