พบโครงกระดูกมนุษย์อายุเทียบยุคน้ำแข็ง! ที่อุทยานฯ เขาสามร้อยยอด

กรมศิลป์ - กรมอุทยานแห่งชาติฯ ร่วมกันลำดับความเป็นมาการพบโครงกระดูกมนุษย์เก่าแก่ที่สุดในไทย อายุกว่า 29,000 ปี เทียบได้กับยุคน้ำแข็ง ที่แหล่งโบราณคดีภาพเขียนสีถ้ำดิน อุทยานแห่งชาติเขาสามร้อยยอด
24 กุมภาพันธ์ 2568 นายพนมบุตร จันทรโชติ อธิบดีกรมศิลปากร และนายชิดชนก สุขมงคล รองอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ร่วมกันแถลงข่าว การพบโครงกระดูกมนุษย์ยุคน้ำแข็ง และ ภาพเขียนสี ในแหล่งโบราณคดีภาพเขียนสีถ้ำดิน อุทยานแห่งชาติเขาสามร้อยยอด อำเภอสามร้อยยอด จังหวัดประจวบคีรีขันธ์
คาดข้อมูลใหม่นี้จะช่วยให้เรื่องราวของคนก่อนประวัติศาสตร์ในบริเวณพื้นที่ชายฝั่งอ่าวไทยกระจ่างชัดเจนมากยิ่งขึ้น
อุทยานแห่งชาติเขาสามร้อยยอด ตั้งอยู่บริเวณชายฝั่งทะเลอ่าวไทย ในพื้นที่อำเภอสามร้อยยอด จังหวัดประจวบคีรีขันธ์
ที่มาของการค้นพบ
เมื่อ พ.ศ.2539 ได้มีการพบ ภาพเขียนสีโบราณ บริเวณ ‘เพิงผาฝั่งบึงบัว’ อุทยานแห่งชาติเขาสามร้อยยอด จากนั้นนายดีน สมาร์ท นักสำรวจถ้ำ กรมศิลปากร ได้เข้ามาดำเนินการศึกษา สำรวจ คัดลอกภาพเขียนสีชุดนี้ และจัดทำเป็น หนังสือชื่อ ศิลปะถ้ำเขาสามร้อยยอด ออกเผยแพร่เมื่อปี พ.ศ.2547
นับเป็นครั้งแรกที่สาธารณชนได้ทราบว่าพื้นที่เขาสามร้อยยอด จังหวัดประจวบคีรีขันธ์แห่งนี้มีร่องรอยของคนโบราณอยู่อาศัยมาตั้งแต่ยุคก่อนประวัติศาสตร์ มีอายุเก่าไปถึง 2,000 - 3,000 ปีที่แล้ว
จากนั้นในปีพ.ศ.2560 ได้มีการค้นพบแหล่งภาพเขียนสีเพิ่มใหม่ในบริเวณเทือกเขาสามร้อยยอดที่ ถ้ำโหว่ หุบตาโคตร ซึ่งมีอายุอยู่ในสมัยเดียวกับภาพเขียนสีบนเพิงผาฝั่งบึงบัว
ทำให้นักโบราณคดีสันนิษฐา นว่าบริเวณเทือกเขาสามร้อยยอดคงเป็นถิ่นฐานสำคัญของ มนุษย์โบราณ และน่าจะยังมีหลักฐานหรือร่องรอยของคนโบราณอยู่ในพื้นที่อีกหลายแห่ง
ดังนั้นในปี พ.ศ.2563 กรมศิลปากร โดย สำนักศิลปากรที่ ๑ ราชบุรี จึงเริ่มดำเนินงานโครงการสำรวจแหล่งโบราณคดีสมัยก่อนประวัติศาสตร์ในบริเวณพื้นที่ภาคตะวันตกของประเทศไทย
โดยมีพื้นที่สำรวจหลักที่ เขาสามร้อยยอด เพื่อศึกษาเรื่องราวของมนุษย์โบราณที่นี่ว่าเป็นคนกลุ่มไหน มีวิถีชีวิตแบบใด โดยดำเนินการร่วมกับเจ้าหน้าที่ของอุทยานแห่งชาติเขาสามร้อยยอด
ผลการสำรวจได้พบ ‘แหล่งโบราณคดีแหล่งใหม่’ เพิ่มเติมในพื้นที่อุทยานแห่งชาติเขาสามร้อยยอด อีกจำนวน 7 แหล่ง ซึ่ง แหล่งโบราณคดีภาพเขียนสีถ้ำดิน เป็น 1 ในแหล่งที่มีการค้นพบใหม่ในครานั้น โดยที่กรมศิลปากรได้วางแผนดำเนินการขุดค้นศึกษาทางโบราณคดีเพื่อช่วยกำหนดอายุที่แน่ชัดของภาพเขียนสีเหล่านี้ในลำดับต่อไป
สภาพทั่วไปของแหล่งโบราณคดีภาพเขียนสีถ้ำดิน
แหล่งโบราณคดีภาพเขียนสีถ้ำดิน ตั้งอยู่ในพื้นที่อุทยานแห่งชาติเขาสามร้อยยอด หมู่ 4 บ้านพุน้อย ตำบลสามร้อยยอด อำเภอสามร้อยยอด จังหวัดประจวบคีรีขันธ์
เป็นถ้ำภูเขาหินปูน ขนาดค่อนข้างใหญ่ ตัวถ้ำอยู่สูงกว่าระดับน้ำทะเลปานกลางประมาณ 125 เมตร ปากถ้ำหันหน้าไปทางด้านทิศตะวันออก
ขนาดความกว้างของปากถ้ำประมาณ 9.5 เมตร ภายในถ้ำแบ่งออกได้เป็น 5 คูหา ทุกคูหามีร่องรอยการใช้พื้นที่ของมนุษย์ใอดีต และมี 3 คูหาที่พบภาพเขียนสี
คูหาที่ 1 เป็นเพิงผาที่หันหน้าออกทางฝั่งทะเล มีขนาดขนาดไม่กว้างนัก พบภาพเขียนสีบริเวณผนังและเพดานถ้ำจำนวนมาก เขียนด้วยสีแดง ส่วนใหญ่เป็นภาพบุคคล บางคนมีเครื่องประดับร่างกาย อยู่ในท่ากางแขนขาคล้ายกระโดด หรือกำลังเต้นรำ มือด้านขวาคล้ายถือสิ่งของอยู่ บางคนอยู่ในท่าคล้ายง้างคันธนูกำลังล่าสัตว์
ภาพเขียนรูปสัตว์ที่สามารถแปลความได้ มีสัตว์ตระกูลเก้ง กวาง ลิง สัตว์เลื้อยคลาน
คูหาที่ 2 ทอดยาวลึกต่อจากคูหาแรก แต่มีแสงสว่างและอากาศถ่ายเทสะดวก พบภาพเขียนสีบริเวณผนังถ้ำอยู่ในระดับสายตา และระดับต่ำใกล้กับพื้นดิน เขียนด้วยสีแดง ยังไม่สามารถตีความได้ว่าเป็นภาพอะไร
คูหาที่ 3 เป็นเพิงผาโล่งกว้างอยู่อีกด้านโดยมีคูหาที่ 2 เป็นทางเดินเชื่อมไปคูหาที่ 1 คูหานี้เกิดจากการถล่มของถ้ำ เกิดเป็นช่องแยกขนาดใหญ่ สามารถเดินเข้าสู่ถ้ำจากทางนี้ได้อีกทางหนึ่ง
เพิงผาหินด้านนี้เป็นผนังหินยาวตลอดทั้งแนว ด้านล่างของเพิงผาเว้าเข้าไปเป็นถ้ำ ลึกประมาณ 20 เมตร เพดานค่อนข้างสูงและค่อยๆ ลาดเอียงต่ำลงไปจนสุดผนังถ้ำด้านใน พบภาพเขียนสีบริเวณผนังถ้ำด้านในเกือบทั้งแนว อยู่ในระดับสายตา และพบในระดับใกล้กับพื้นดินด้วย ภาพเขียนด้วยสีแดง เป็นภาพบุคคล ภาพสัตว์(วัว?) และบางภาพไม่สามารถอธิบายได้
ส่วนใหญ่อยู่ในสภาพชำรุดจากการหลุดร่อนของผิวหิน บนผิวดินยังพบเศษภาชนะดินเผายุคก่อนประวัติศาสตร์ตกแต่งด้วยลายเชือกทาบ ชิ้นส่วนกระดองเต่า และเครื่องมือหินกะเทาะแบบโหบินเนียน (อายุประมาณ 5,000 - 12,000 ปี) อันแสดงถึงร่องรอยการเข้ามาใช้ถ้ำนี้เป็นที่อยู่อาศัยของมนุษย์ในอดีต
คูหาที่ 4 อยู่ลึกถัดไปจากคูหาที่ 3 ยาวประมาณ 50 เมตร มีร่องรอยคนยุคปัจจุบันเข้ามาขุดลอกดินบริเวณพื้นถ้ำ กลางถ้ำมีแท่นฐานประดิษฐานรอยพระพุทธบาทสมัยใหม่ แต่ปัจจุบันได้เคลื่อนย้ายรอยพระพุทธบาทลงไปยังวัดพุน้อยแล้ว ไม่พบภาพเขียนสีและเศษภาชนะดินเผาภายในคูหานี้
พบเพียงเปลือกหอยแครงบนพื้นถ้ำซึ่งอาจเป็นของที่มนุษย์ในอดีตนำมาเป็นอาหาร
คูหาที่ 5 อยู่ด้านในสุด เป็นโพรงแคบลึกและมืด มีค้างคาวอาศัยอยู่จำนวนมาก อากาศถ่ายเทไม่สะดวกนัก ภายในพบเศษภาชนะดินเผาเนื้อดินค่อนข้างหยาบ ชิ้นส่วนกระดูกสัตว์และฟันสัตว์เคี้ยวเอื้อง ซึ่งเป็นหลักฐานการใช้ถ้ำนี้เป็นที่อยู่อาศัยของมนุษย์ในอดีต
การขุดค้นแหล่งโบราณคดีภาพเขียนสีถ้ำดิน
ตั้งแต่ปีงบประมาณ 2565 จนถึงปัจจุบัน ‘สำนักศิลปากรที่ ๑ ราชบุรี’ ได้ดำเนินงาน โครงการขุดค้นศึกษาแหล่งโบราณคดีภาพเขียนสีถ้ำดิน เพื่อศึกษาร่องรอยกิจกรรม วัฒนธรรม พิธีกรรมความเชื่อของคนโบราณที่เคยอาศัยอยู่ในถ้ำดิน และในบริเวณชายฝั่งทะเลด้านตะวันตกของอ่าวไทย
โดยเลือกขุดค้นใน คูหาที่ 3 ชิดผนังถ้ำ ซึ่งเป็นตำแหน่งที่มีการพบทั้งภาพเขียนสีบนผนังและโบราณวัตถุอยู่บนพื้นถ้ำ
ผลการขุดค้นศึกษาทางโบราณคดีพบว่าที่ถ้ำดินมีหลักฐานคนยุคก่อนประวัติศาสตร์เข้ามาใช้พื้นที่หลายช่วงเวลา และยังพบโบราณวัตถุประเภท เปลือกหอย กระดูกสัตว์ และเมล็ดพืช จำนวนมาก
เมื่อขุดค้นจนถึงระดับความลึกประมาณ 2 เมตรจากพื้นถ้ำ ได้พบ โครงกระดูกมนุษย์ ฝังอยู่จำนวน 1 โครง จากการวิเคราะห์เบื้องต้น พบว่าเป็นโครงกระดูกเด็ก อายุเมื่อตายอยู่ในช่วงประมาณ 6 – 8 ปี (พิจารณาจากการขึ้นของฟันกรามแท้ซี่ที่ 1 ที่ขึ้นแล้ว)
จากการคัดเลือกตัวอย่างถ่านและเปลือกหอย จำนวน 5 ตัวอย่าง ส่งไปหาค่าอายุด้วยวิธี Accelerator Mass Spectrometer (AMS) ณ ห้องปฏิบัติการทางวิทยาศาสตร์ BETA ANALYTIC Inc. สหรัฐอเมริกา
ผลการกำหนดอายุทำให้ทราบว่าที่ถ้ำดินนี้มีคนเข้ามาอยู่อาศัยและใช้พื้นที่อย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่ประมาณ 29,000 ปีขึ้นมาจนถึงประมาณ 11,000 ปี
ส่วนโครงกระดูกมนุษย์นั้นมีอายุเก่าแก่กว่า เนื่องจากพบอยู่ในระดับความลึกต่ำลงไปที่ประมาณ 2 เมตร จึงมีอายุไม่ต่ำกว่า 29,000 ปี ขณะนี้อยู่ในระหว่างการตรวจหาค่าอายุที่แท้จริงต่อไป
บทสรุปเดือนกุมภาพันธ์ 2568
จากข้อมูลข้างต้น อาจกล่าวได้ว่า แหล่งโบราณคดีภาพเขียนสีถ้ำดิน ปรากฏหลักฐานร่องรอยการอยู่อาศัยใช้พื้นที่ของคนในสมัยก่อนประวัติศาสตร์มาอย่างต่อเนื่อง
การคัดเลือกโบราณวัตถุจากบางชั้นดินไปกำหนดอายุ (ไม่ใช่ตัวอย่างจากชั้นดินที่เก่าที่สุด) ค่าอายุที่ได้แสดงถึงความสืบเนื่องของคนที่เข้ามาอยู่อาศัยที่ถ้ำดินตั้งแต่ประมาณ 29,000 ปีที่แล้วเป็นอย่างน้อย และกลุ่มคนที่เขียนภาพเขียนสีอาจเป็นคนก่อนประวัติศาสตร์รุ่นหลังสุดที่เข้ามาใช้พื้นที่เมื่อประมาณ 2,000 – 3,000 ปีที่แล้ว
หลักฐานทางโบราณคดีที่ทับถมอย่างยาวนานในถ้ำดินนั้น แสดงถึงร่องรอยของกลุ่มคนดั้งเดิมตั้งแต่สมัยหินเก่า (อายุก่อน 12,000 ปี) สืบเนื่องมาจนถึงกลุ่มโหบินเนียน ที่ดำรงชีวิตด้วยการหาพืชป่า ล่าสัตว์ป่ามาเป็นอาหาร
รู้จักการหาอาหารจากสภาพแวดล้อมที่มีความหลากหลาย วิธีปรุงอาหารให้สุกก่อนกิน มีการใช้เครื่องมือหิน เครื่องมือกระดูก และไม้ มาเป็นอุปกรณ์ในการล่าหรือใช้งาน อาศัยอยู่ตามถ้ำหรือเพิงผา เป็นกลุ่มสังคมขนาดเล็ก
จากชนิดสัตว์และหอยที่พบยังแสดงให้เห็นถึงสภาพแวดล้อมในสมัยนั้นว่าน่าจะเป็นป่าที่มีความอุดมสมบูรณ์ มีทุ่งหญ้า และหนองน้ำ ที่สัตว์หลากหลายชนิดอาศัยอยู่จำนวนมาก
สำหรับหลักฐานของโครงกระดูกมนุษย์ที่มีอายุมากกว่า 29,000 ปีนั้น นับเป็นโครงกระดูกมนุษย์ปัจจุบัน (Homo sapiens) ที่มีอายุเก่าแก่ที่สุดในประเทศไทยและยังพบอยู่ในสภาพสมบูรณ์ที่สุดด้วย
จัดเป็น มนุษย์สมัยหินเก่า (Palaeolithic Period) เทียบได้กับยุคทางธรณีกาลคือ สมัยไพลสโตซีน (ยุคน้ำแข็ง) ตอนปลาย (125,000 – 11,700 ปีที่แล้ว) ซึ่งเป็นช่วงที่มีธารน้ำแข็งปกคลุมพื้นโลกมากกว่าปัจจุบัน ระดับน้ำในทะเลลดต่ำลงกว่าปัจจุบันมาก
เป็นช่วงที่สภาพอากาศหนาวเย็น ส่งผลให้บริเวณอ่าวไทยเป็นผืนแผ่นดินเชื่อมต่อถึงอินโดนีเซีย
การพบหลักฐานการอยู่อาศัยและการฝังศพของคนก่อนประวัติศาสตร์ที่อยู่ในช่วงยุคดังกล่าวในครั้งนี้ ถือเป็นข้อมูลใหม่ที่สำคัญและมีความน่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง ที่จะช่วยอธิบายวิถีการดำรงชีวิตและการปรับตัวของมนุษย์ที่สัมพันธ์กับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสภาพแวดล้อมในอดีตตั้งแต่ช่วงที่สภาพอากาศหนาวเย็นจนเข้าสู่ช่วงที่อากาศเริ่มอบอุ่นขึ้นเมื่อสิ้นสุดยุคน้ำแข็ง และระดับน้ำทะเลที่ท่วมสูงขึ้น จนกระทั่งบริเวณนี้มีสภาพพื้นที่อุดมสมบูรณ์และระบบนิเวศน์ที่หลากหลายเช่นในปัจจุบัน
กรมศิลปากร คาดหวังว่าการศึกษาวิจัยทางโบราณคดีและศาสตร์ที่เกี่ยวข้องเพิ่มขึ้นในอนาคต จะทำให้ภาพเรื่องราวของคนก่อนประวัติศาสตร์ในบริเวณพื้นที่ชายฝั่งอ่าวไทยกระจ่างชัดเจนมากขึ้น
และอาจเป็นจิ๊กซอร์ตัวหนึ่งที่ช่วยตอบคำถามเกี่ยวกับคน สังคม วัฒนธรรม และสภาพแวดล้อมโบราณของคนยุคแรกเริ่มในประเทศไทยและในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้