"เพียเจต์" สร้างตำนานบทใหม่รับยุคดิจิทัล เตรียมฉลองแบรนด์ครบ 150 ปี

"เพียเจต์" สร้างตำนานบทใหม่รับยุคดิจิทัล เตรียมฉลองแบรนด์ครบ 150 ปี

เพียเจต์ (Piaget) ปล่อยโกลบอลแบรนด์แคมเปญใหม่ ภายใต้คำโปรยเรียบง่าย This is Piaget ก้าวแรกของการเปลี่ยนภาพลักษณ์ เตรียมฉลองครบรอบ 150 ปีของแบรนด์ในปี 2024 เปิดตัว 2 นางแบบ Face ใหม่ของแคมเปญ

เพียเจต์ (Piaget) ขยับรับยุคดิจิทัล เริ่มปล่อยแบรนด์แคมเปญใหม่ระดับโกลบอล (global) ภายใต้คำโปรยที่เรียบง่าย This is Piaget ซึ่งถือเป็นก้าวแรกของการเปลี่ยนภาพลักษณ์ เพื่อเตรียมฉลองครบรอบ 150 ปี ของแบรนด์ในปี 2024

เพียเจต์ เป็นแบรนด์ผู้ประดิษฐ์นาฬิกาและเครื่องประดับอัญมณีหรูของสวิตเซอร์แลนด์ ก่อตั้งขึ้นในปีพ.ศ. 2417 โดย ฌอร์ฌ เพียเจต์ ในหมู่บ้านลาโกตโอเฟส์ (La Cote-aux-Fees) ของประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ปัจจุบันเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มบริษัท Swiss Richemont (สวิส ริชมอนต์) ผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมสินค้าหรูหรา
 

แผนในการเปลี่ยนภาพลักษณ์ครั้งนี้ เพียเจต์เลือกหยิบเอาความยอดเยี่ยมของ “เมซง” หรือ “ช่างฝีมือ” ในอดีต มาสร้างตำนานบทใหม่ให้เหมาะสมกับยุคสมัย 

ใจความหลักของแคมเปญนี้ คือการเชื้อเชิญให้ผู้คนหันมาสร้างแรงบันดาลใจในการใช้ชีวิตร่วมกัน พร้อมปลุกไฟเหล่า “เพียเจต์ โซไซตี้หน้าใหม่” ให้พร้อมเฉลิมฉลองและร่วมเดินทางไปกับแบรนด์

\"เพียเจต์\" สร้างตำนานบทใหม่รับยุคดิจิทัล เตรียมฉลองแบรนด์ครบ 150 ปี Georgia Palmer กับภาพถ่ายโกลบอลแคมเปญ This is Piaget

โดยตัวแทนที่มารับบทบาทสะท้อนค่านิยมหลักของเมซงและเป็น Face คนใหม่ในแคมเปญล่าสุด คือ 2 นางแบบที่กำลังมาแรงแห่งเจนเนอเรชั่นนี้ Georgia Palmer และ Signe Veiteberg ด้วยความงามอันทันสมัย บุคลิกที่เปล่งประกาย และไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตอย่างเปี่ยมสุขในทุก ๆ วัน ทั้งคู่จึงถ่ายทอดให้เห็นถึงตัวตนของแบรนด์ได้อย่างทรงพลังและน่าจดจำ

ความโดดเด่นและสไตล์ที่แตกต่างกันไปของพวกเธอทั้งคู่ ได้รับการถ่ายทอดไอเดียผ่านสายตาของช่างภาพชื่อดัง Mikael Jansson ผู้ซึ่งร่วมงานกับแบรนด์ดังระดับโลกมานับไม่ถ้วน 

ร่วมด้วยฝีมือสไตลิ่งภาพถ่ายโดย Benjamin Bruno ซึ่งแต่ละรูป แบรนด์ยังคงรักษาเอกลักษณ์ของเมซงเอาไว้ได้อย่างเด่นชัด ไม่ว่าจะเป็น การเลือกใช้เฉดสีฟ้าที่มีความสนุกสนานมาเป็นฉากหลังในการสื่อสารถึงกลุ่มคนรุ่นใหม่ในช่วงเปิดตัว

ขณะที่แคมเปญถัดไปคุมโทนในเฉดสีทอง หรือแม้แต่การเล่นกับมุมมองและสัดส่วนของภาพ อย่างการวางเลย์เอาท์บรรดาคอลเลคชั่นเลื่องชื่อให้โดดเด่น เพื่อตอกย้ำคาแรคเตอร์ของแต่ชิ้น

\"เพียเจต์\" สร้างตำนานบทใหม่รับยุคดิจิทัล เตรียมฉลองแบรนด์ครบ 150 ปี Signe Veiteberg อีกหนึ่ง Face คนใหม่ในแคมเปญ This is Piaget

นอกจากนี้ เพียเจต์ ยังคอลลาบอเรชั่นกับ AZ Factory แบรนด์ที่ก่อตั้งโดยดีไซเนอร์ในตำนานผู้เปี่ยมด้วยวิสัยทัศน์อันสร้างสรรค์ อย่าง Alber Elbaz เพื่อครีเอทโททัลลุคให้เป็นหนึ่งเดียวกับแคมเปญ 

โดย AZ Factory เน้นไปที่การเลือกใช้เท็กซ์เจอร์ ที่มาพร้อมกับสีสันสะดุดตาเพื่อสร้างความตื่นเต้นให้กับผู้ชมทั้งยังคงรักษามาตรฐานความสง่างามในแบบฉบับเพียเจต์ได้อย่างกลมกลืนและกลมกล่อม

\"เพียเจต์\" สร้างตำนานบทใหม่รับยุคดิจิทัล เตรียมฉลองแบรนด์ครบ 150 ปี  แหวน Piaget Possession งานฝีมือระดับ "เมซง"

\"เพียเจต์\" สร้างตำนานบทใหม่รับยุคดิจิทัล เตรียมฉลองแบรนด์ครบ 150 ปี นาฬิกา Piaget Polo Skeleton

“Digging into the past to create the future” คือคำกล่าวของ Benjamin Comar ผู้เป็น CEO ของเพียเจต์ ขณะบอกเล่าเบื้องหลังของภาพแคมเปญชุดใหม่ ที่แม้มุมมองค่านิยมหลักจะปรับไปตามยุคสมัย แต่ยังคงรากฐานของเมซงในยุค 70s - 80s ไว้อย่างเหนียวแน่น

นี่คือการหลอมรวมความสง่างามและประเพณีที่สืบทอดมาอย่างยาวนานของเมซงซึ่งถือกำเนิดขึ้น ณ La Côte-aux-Fées เข้ากับความเชี่ยวชาญในยุค 1970s ไม่ว่าจะเป็น การทำทอง และการเลือกใช้ หินสี มาคอนทราสต์บนชิ้นงาน จนสร้างอัตลักษณ์งานศิลป์ให้กับเพียเจต์มาจนถึงทุกวันนี้

\"เพียเจต์\" สร้างตำนานบทใหม่รับยุคดิจิทัล เตรียมฉลองแบรนด์ครบ 150 ปี ภาพถ่ายนาฬิกา Piaget Polo Date - 42 mm ในแคมเปญ This is Piaget

ขณะเดียวกันแคมเปญนี้ถือเป็นหมากเปิดเกมสำคัญที่กำกับโดย Fatemeh Laleh ในฐานะ International Director of Image and Communication ที่เพิ่งเข้ามาดูแลเพียเจต์เมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา

Fatemeh Laleh มองว่า "เพียเจต์ โซไซตี้" เป็นการขับเคลื่อนที่สร้างสรรค์ เป็นสังคมในยุคก่อนโซเชียลมีเดีย ที่ไม่ว่าจะหน้าหรือหลังกล้อง ผู้คนก็ต่างเชื่อมโยงความเป็นผู้นำทางวัฒนาธรรม, ความกล้าที่จะเป็นผู้บุกเบิก ไปจนถึง ความงามสมัยใหม่ไว้ด้วยกัน

"เป็นเสมือนบ้านหลังที่สองสำหรับผู้ที่ใช้ชีวิตอย่างกล้าหาญแต่แฝงไปด้วยไลฟ์สไตล์ที่เปี่ยมสุข ไม่กลัวที่จะแตกต่างอย่างสร้างสรรค์ เป็นเหมือนขุมพลังอันแสนวิเศษที่ผลักดันให้เกิดการแลกเปลี่ยนมุมมองใหม่ ๆ และสร้างพื้นที่แห่งความทรงจำร่วมกัน" Fatemeh Laleh กล่าว