‘Adidas’ รุ่น Gazelle-Samba ขายหมดทั่วโลก หลัง ‘Jennie BLACKPINK’ ใส่ออกสื่อ
กลับมาฮิตอีกครั้งสำหรับสนีกเกอร์แบรนด์ดัง “Adidas” กับรองเท้ารุ่นคลาสสิก “Gazelle” และ “Samba” ที่ขายหมดไปแล้วทั่วโลก หลัง “Jennie BLACKPINK” หยิบมาสวมใส่ให้เห็นผ่านสื่อโซเชียล จนทางแบรนด์อาจต้องเพิ่มพนักงานสายการผลิต
Key Points:
- รองเท้ารุ่น “Gazelle” และ “Samba” ถือเป็นรุ่นคลาสสิกขายดีตลอดกาลของ “Adidas”
- ล่าสุดรองเท้าทั้งสองรุ่นกำลังขาดตลาด หลัง “Jennie BLACKPINK” นำมาสวมใส่ ทำให้ขายดีจนผลิตไม่ทัน ด้านเจ้าของแบรนด์มองว่าอาจต้องจ้างพนักงานสายผลิตเพิ่ม 2,400 คน
- แม้ว่าการต่อสัญญาในฐานะแอมบาสเดอร์ของ BLACKPINK กับ Adidas ยังไม่ชัดเจน แต่กลับปรากฏภาพของเจนนี่ในแคมเปญใหม่ของแบรนด์
อีกหนึ่งในศิลปินชื่อดังระดับโลกที่ไม่ว่าจะหยิบจับอะไรมาใช้ก็ทำให้สินค้าเหล่านั้นขายดีเป็นเทน้ำเทท่า โดยเฉพาะเสื้อผ้า รองเท้า และเครื่องประดับ เรากำลังพูดถึง “Jennie BLACKPINK” ที่ล่าสุดได้สร้างปรากฏการณ์ “Jennie Effect” ขึ้นมาอีกครั้ง (ใช้เรียกปรากฏการณ์สินค้าหมดตลาดหลังเจนนี่นำมาใช้) หลังรองเท้าสนีกเกอร์แบรนด์ดัง “Adidas” (อาดิดาส) รุ่น “Gazelle” และ “Samba” ซึ่งเป็นรุ่นคลาสสิก ขายหมดในพริบตาจากการสวมใส่ของเจนนี่
ปรากฏการณ์ดังกล่าวทำให้กระแสรองเท้าสนีกเกอร์ รุ่นคลาสสิก “Gazelle” และ “Samba” ของ “Adidas” กลับมาฮิตติดลมบนอีกครั้ง เป็นเพราะเจนนี่ได้โพสต์ภาพที่เธอสวมรองเท้า Samba ADV Black ลงอินสตาแกรมส่วนตัว ทำให้หลังจากนั้นเหล่าแฟนคลับต่างแห่ซื้อรองเท้ารุ่นดังกล่าวที่หน้าร้านของ Adidas จนหมดเกลี้ยง มีรายงานจาก SCMP ส่วนหนึ่งระบุว่า บางคนถึงกับไปนอนรอแบบข้ามคืนกันเลยทีเดียว เพราะอยากครอบครองรองเท้าดังกล่าวเป็นคนแรกๆ
Jennie BLACKPINK และรองเท้า Samba ADV Black จาก IG jennierubyjane
ล่าสุดสื่อเกาหลีใต้อย่าง The Guru รายงานว่า Hwaseung Enterprise ผู้ผลิตรองเท้าของเกาหลีใต้ที่มีโรงงานอยู่ในจีน อินโดนีเซีย และ เวียดนาม เตรียมจัดหาพนักงานสำหรับโรงงานผลิตรองเท้า Adidas ที่อินโดนีเซียเพิ่ม หลังมีคนสนใจสั่งซื้อรองเท้ารุ่น Samba และ Gazelle เป็นจำนวนมากจากปรากฏการณ์ Jennie Effect เบื้องต้นคาดว่าจะจ้างพนักงานเพิ่มประมาณ 2,400 คน
ทั้งนี้ “Adidas” ถือเป็นหนึ่งในแบรนด์รองเท้าที่เหล่าสนีกเกอร์เฮด หรือผู้ที่หลงใหลในรองเท้าสนีกเกอร์ จะต้องมีไว้ในครอบครอง เพราะนอกจากจะเป็นแบรนด์ยอดนิยมแล้ว รองเท้าบางรุ่นก็มีประวัติความเป็นมายาวนาน จนขึ้นแท่นเป็นรุ่นคลาสสิกที่ยังฮิตมาจนถึงปัจจุบัน
- “Samba” รองเท้าที่มีจุดเริ่มต้นจากการใช้เล่นฟุตบอลในฤดูหนาว
หนึ่งในรองเท้ายอดฮิตตลอดกาลที่แฟนคลับ “Adidas” ต้องมีติดตู้กันแทบทุกคนคงหนีไม่พ้น “Samba” ที่ถูกผลิตขึ้นครั้งแรกในปี 1949 เพื่อใช้ในการเล่นฟุตบอลในช่วงฤดูหนาว มีจุดเด่นอยู่ที่พื้นรองเท้าสามารถยึดเกาะน้ำแข็งได้เป็นอย่างดี และมี Three Stripes (ลายสามแถบ) เป็นเอกลักษณ์
สำหรับเหตุการณ์ที่ทำให้รองเท้ารุ่นนี้โด่งดังไปทั่วโลกก็คือ ในการแข่งขัน FIFA World Cup ปี 1950 ประเทศบราซิล บวกกับแบรนด์ต้องการสร้างความนิยมในประเทศแถบอเมริกาใต้ จึงตั้งชื่อรุ่นว่า “Samba” ที่มาจากแนวเพลงและการเต้นรำพื้นเมืองของบราซิล
ปัจจุบัน Samba ไม่ได้เป็นเพียงรองเท้าสำหรับกีฬาเท่านั้น แต่ในโลกของแฟชั่นก็ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก โดยเราสามารถพบเห็นรองเท้าสุดฮิตรุ่นนี้ได้ตั้งแต่ท้องถนนไปจนถึงรันเวย์ของ Paris Fashion Week
SAMBA OG (Adidas)
หลังจากเปิดตัวไปได้สักระยะ Samba ก็ถูกออกแบบใหม่หลายครั้ง แต่ยังคงสัญลักษณ์ Three Stripes แบบดั้งเดิมเอาไว้ ต่อมาในช่วงทศวรรษ 1990 เหล่านักเล่นสเก็ตบอร์ด เริ่มหันมาใช้รองเท้า Samba มากขึ้น เนื่องจากชื่นชอบความทนทานและการยึดเกาะทำให้สะดวกต่อการเล่นกีฬามากขึ้น
ด้วยความนิยมที่เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ของ Samba ทำให้ Adidas ผลิตรองเท้าผ้าใบรุ่น Busentiz ตามมา สำหรับการเล่นสเก็ตบอร์ดโดยเฉพาะ แต่รูปลักษณ์ภายนอกยังมีความใกล้เคียงกับ Samba จะเรียกว่าเป็นรุ่นพี่รุ่นน้องกันก็ย่อมได้
จากรองเท้าบนสนามฟุตบอลที่ปกคลุมไปด้วยน้ำแข็งในฤดูหนาว ก้าวสู่รองเท้าคู่ใจของบรรดาแฟชั่นนิสต้า ยิ่งเป็นภาพสะท้อนได้ชัดเจนว่า “Samba” เป็นหนึ่งในรองเท้าที่ประสบความสำเร็จเป็นอย่างมากของ “Adidas” ในระยะเวลากว่า 7 ทศวรรษ และที่สำคัญรองเท้ารุ่นนี้ไม่ได้เป็นแค่รุ่นที่ขายดีที่สุดเท่านั้น แต่ยังเป็นรุ่นที่มีการผลิตยาวนานที่สุดอีกด้วย
- “Gazelle” จากรองเท้าแฮนด์บอล สู่ขวัญใจสายแฟ
รองเท้าอีกหนึ่งรุ่นคลาสสิกของ “Adidas” ที่ได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่องก็คือ “Gazelle” ซึ่งมีความเก่าแก่ไม่แพ้กัน โดยเปิดตัวครั้งแรกประมาณปี 1960 เป็นรองเท้าหนังกลับ มีจุดประสงค์สำหรับใช้ในกีฬาแฮนด์บอลและกีฬาในร่มอื่นๆ โดยเปิดตัวสีน้ำเงินเข้มและสีแดงสดออกมาเป็นครั้งแรก
GAZELLE OG (Adidas)
ต่อมาในปี 1964 ทีมฟุตบอลของประเทศเยอรมนี ได้สวมใส่ Gazelle ในการแข่งขันโอลิมปิก ทำให้ได้รับความนิยมมากขึ้นและเริ่มเข้าสู่วัฒนธรรมอื่นๆ นอกเหนือจากกีฬาอย่างรวดเร็ว เช่น วัฒนธรรม Reggae, วงการเพลง Hip Hop และวงการเพลง Britpop เป็นต้น
สิ่งที่ทำให้ Gazelle OG (รุ่นดั้งเดิม) กลายเป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมของวัยรุ่นชาวอังกฤษในช่วงปี 1980 นอกจากดีไซน์ที่โดดเด่นแล้ว อีกหนึ่งปัจจัยก็คือ การเป็นรองเท้าที่หาซื้อได้ง่ายในราคาที่ไม่แพงมากนัก
หลังจากนั้น Adidas เริ่มขยายฐานการผลิตออกไปนอกยุโรป เช่น เยอรมนีตะวันตก จากนั้นก็ฝรั่งเศส ออสเตรีย บราซิล อาร์เจนตินา และแคนาดา เนื่องจากแบรนด์เริ่มเป็นที่รู้จักในระดับสากล ซึ่งเหตุการณ์ที่ทำให้ “Gazelle” เกิดกระแสความนิยมเป็นอย่างมากก็คือ การที่สมาชิกวงฮิปฮอปชื่อดังของอเมริกา Beastie Boys ต่างพากันสวมใส่ออกสื่อ หลังจากนั้นรองเท้ารุ่นนี้ก็ได้รับความนิยมในหมู่ผู้ที่ชื่นชอบสนีกเกอร์มาจนถึงปัจจุบัน
- “Adidas” ตัวท็อปขายดี มีรุ่นอะไรบ้าง?
นอกจาก “Gazelle” และ “Samba” จะเป็นรองเท้าผ้าใบสุดคลาสสิกยอดฮิตตลอดกาลของ Adidas แล้ว ยังมีอีกหลายรุ่นที่ได้รับความนิยมมาอย่างยาวนาน และขายดิบขายดีอีกหลายรุ่น เช่น
“Adidas Superstar” ที่มาพร้อมความเรียบง่ายแต่โดดเด่นด้วย Three Stripes แบบหนังกลับ มีหัวรองเท้าเป็นยาง ข้อสั้น และรองหน้าตาคล้ายกับเปลือกหอย รองเท้ารุ่นนี้ผลิตขึ้นครั้งแรกในปี 1969 เพื่อใช้ในการเล่นบาสเกตบอล สามารถป้องกันการกระแทกบริเวณนิ้วเท้าจากการถูกเหยียบในขณะเล่นกีฬาได้เป็นอย่างดี
ต่อมาในปี 1983 รองเท้ารุ่น Superstar เป็นรองเท้าอีกหนึ่งรุ่นที่โด่งดังสุดขีดเมื่อศิลปินชื่อดัง Run DMC ใส่ขึ้นคอนเสิร์ตโดยไม่ผูกเชือกเพื่อโชว์ลิ้นรองเท้า ทำให้ Superstar ขายดีจน Adidas ทุ่มเงินเพื่อสปอนเซอร์ให้ Run DMC เลยทีเดียว
Run DMC (Sneaker News)
ถัดมาในรุ่น “Adidas Stan Smith” ที่แม้ว่าจะเป็นรุ่นคลาสสิกตัวท็อป แต่บนรองเท้ากลับไม่มี Three Stripes และใช้การเจาะรูระบายอากาศเรียงกันเป็นเส้น 3 เส้นแทน มีจุดเด่นคือมีสีขาวสบายตา ใส่สีเขียวเพิ่มเป็นลูกเล่น และมีรูปหน้าของ “Stan Smith” นักเทนนิสมืออาชีพชื่อดังชาวอเมริกันอยู่บนลิ้นของรองเท้า และยังถือเป็นรองเท้าเทนนิสคู่แรกของโลกที่ใช้หนังในการผลิตอีกด้วย
แต่ก่อนที่รองเท้ารุ่นดังกล่าวจะใช้ชื่อว่า Stan Smith มันเคยมีชื่อตามนักเทนนิสชาวฝรั่งเศสในปี 1965 ว่า “Haillet” ต่อมาในปี 1971 Stan Smith ก็เลื่อนขึ้นเป็นอันดับ 1 ของโลก Adidas จึงตัดสินใจเซ็นสัญญากับเขาอย่างเป็นทางการ และเปลี่ยนชื่อรุ่นเป็นชื่อของเขาในปี 1978
แม้ในปี 2012 Adidas ตัดสินใจยุติการผลิตรองเท้ารุ่นดังกล่าว แต่สุดท้ายในปี 2014 ก็กลับมาผลิตอีกครั้งเนื่องจาก “Stan Smith” เป็นหนึ่งในรองเท้าที่มีความต้องการในตลาดสูง
ขณะที่รุ่น “Adidas campus” เปิดตัวครั้งแรกในปี 1970 ในชื่อ Tournament ก่อนจะเปลี่ยนมาใช้ชื่อปัจจุบันในช่วงปี 1980 โดยผลิตขึ้นมาเพื่อกีฬาบาสเกตบอล และเริ่มได้รับความนิยมไปหลายวงการในเวลาต่อมา
ปัจจุบันสัญญาระหว่าง BLACKPINK กับค่ายต้นสังกัด YG ยังไม่ได้ข้อสรุป ทำให้สัญญาระหว่างแบรนด์อื่นๆ ยังไม่มีความชัดเจนเช่นเดียวกัน แต่ในบัญชีอินสตาแกรมของ “Adidas” เมื่อวันที่ 14 ก.ย. ที่ผ่านมา กลับปรากฏภาพของ “Jennie BLACKPINK” พร้อมข้อความแสดงความยินดีที่ได้รางวัลจากเวที MTV Video Music Awards 2023 เพียงคนเดียว โดยไม่มีการโพสต์ภาพสมาชิกคนอื่นเลยแม้ว่าจะได้รับรางวัลร่วมกันในฐานะศิลปินกลุ่ม
ภาพแสดงความยินดีของ Adidas ถึง เจนนี่ ในสตอรี่ IG Adidas Originals
ส่วนหนึ่งของแคมเปญ Adidas Originals
ต่อมาก็มีภาพแคมเปญ Adidas Originals ที่ประกอบไปด้วยเซเลบชื่อดังมากมาย แต่สิ่งที่หลายคนจับสังเกตได้ก็คือ มีเพียง “เจนนี่” เท่านั้นที่ได้อยู่ในแคมเปญนี้ ทำให้บางคนสงสัยว่าเจนนี่ต่อสัญญากับ Adidas เพียงคนเดียว หรือเป็นนัยสำคัญที่อาจเชื่อมโยงไปถึงการต่อสัญญากับ YG ซึ่งยังไม่มีอะไรแน่นอน ทำให้เป็นประเด็นในแวดวงบันเทิงและแฟชั่นที่ผู้คนยังคงให้ความสนใจเป็นอย่างมาก
อ้างอิงข้อมูล : SCMP, The Guru, ELLE, Sneaker News, Nylon, WWD, Complex, Unlockman, Men Details และ สะสม