‘CELINE’ จากร้านรองเท้าเด็ก สู่แบรนด์ดัง ที่ Lisa BLACKPINK ช่วยดันให้ปัง
ภาพจำของคนส่วนมากที่มีต่อแบรนด์ “CELINE” คงหนีไม่พ้น แบรนด์หรูจากปารีส ซึ่งมี “Lisa BLACKPINK” เป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์อย่างเป็นทางการ แต่น้อยคนนักที่จะรู้ว่าแบรนด์นี้มีจุดเริ่มต้นจากการขาย “รองเท้าเด็ก”
Key Points:
- “CELINE” เป็นแบรนด์หรูสัญชาติฝรั่งเศสที่มีประวัติยาวนานมาตั้งแต่ช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ซึ่งมีจุดเริ่มต้นจากการเปิดร้านขายรองเท้าเด็ก
- หลังผ่านไปหลายปี CELINE แตกไลน์มาทำโปรดักส์ใหม่ๆ อย่างสินค้าแฟชั่น ซึ่งประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก และได้เข้าไปอยู่ในเครือแบรนด์หรูอย่าง “LVMH”
- แม้ว่าตัวแบรนด์จะได้รับความนิยมไปทั่วโลก แต่ CELINE กลับเลือกแบรนด์แอมบาสเดอร์เป็นคนดังฝั่งเอเชียอย่าง Lisa BLACKPINK เนื่องจากเอเชียคือตลาดที่ใหญ่ที่สุด
ปฏิเสธไม่ได้ว่าในยุคนี้หากเอ่ยชื่อของแบรนด์หรูจากเมืองน้ำหอมอย่าง “CELINE” หรือ เซลีน หลายคนอาจมองเห็นภาพ กระเป๋า รองเท้า เสื้อผ้า ที่มีความเรียบหรูดูแพง สไตล์มินิมอล ตามคอนเซ็ปต์ “น้อยแต่มาก เรียบแต่โก้” ที่มาพร้อมกับ Global Brand Ambassador สุดปังอย่าง “Lisa BLACKPINK” ศิลปิน K-Pop ชื่อดังสัญชาติไทยผู้เป็นไอคอนิคสายแฟชั่นแห่งยุคนี้
เมื่อได้ลิซ่ามาร่วมงานกับแบรนด์ CELINE แล้ว ก็ยิ่งเสริมความปังให้แบรนด์มากไปอีก โดยพบว่าสินค้าหลายตัวขายหมดอย่างรวดเร็ว จนทำให้กลายเป็นคู่แข่งคนสำคัญของแบรนด์หรูสุดแกร่งอย่าง Louis Vuitton และ Gucci แต่อีกหนึ่งความจริงที่น้อยคนจะรู้ก็คือ ก่อนที่ CELINE จะกลายมาเป็นแบรนด์ดาวรุ่งพุ่งแรงอย่างทุกวันนี้ มีจุดเริ่มต้นมาจากการเป็นร้านรองเท้าเด็ก
สำหรับ CELINE นั้น นอกจากจะมีเอกลักษณ์โดดเด่นแล้ว ยังเป็นแบรนด์หนึ่งในเครือของบริษัทมหาชนจากกรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศสอย่าง “LVMH” โดยมี Bernard Arnault เป็น CEO ทำธุรกิจเกี่ยวกับสินค้าหรูหราชั้นนำระดับโลก (Luxury Brand) ซึ่งในปัจจุบัน CELINE มี Global Brand Ambassador คนสำคัญ ได้แก่ Lisa BLACKPINK (ลิซ่า-ลลิษา มโนบาล), V จากวง BTS บอยแบนด์ชื่อดังของเกาหลี และ Park Bo Gum นักแสดงชาวเกาหลีที่หลายคนคุ้นหน้าคุ้นตาเป็นอย่างดี
“กรุงเทพธุรกิจ” จะพาสาวก “CELINE” ย้อนไปทำความรู้จักแบรนด์สุดขลังจากฝรั่งเศสแบรนด์นี้ให้มากขึ้น กว่าจะมีวันนี้ได้ต้องผ่านอะไรมาบ้าง
- เมื่อแบรนด์หรูระดับโลก “CELINE” เคยเป็นแค่ร้านขายรองเท้าเด็ก
ไม่น่าเชื่อแต่ก็ต้องเชื่อว่า จุดเริ่มต้นของแบรนด์ตัวแม่แห่งยุคอย่าง CELINE จะมีต้นกำเนิดมาจากร้านขายรองเท้าเด็กของสามีภรรยาชาวฝรั่งเศสคู่หนึ่ง
Céline Vipiana และ Richard ได้เปิดร้านขายรองเท้าสำหรับเด็กขึ้นเมื่อปี 1945 ซึ่งสินค้าภายในร้านไม่มีอย่างอื่นเลยนอกจากรองเท้าเด็ก แถมยังขายดีเสียด้วย เพราะพวกเขาสามารถขยายสาขาเพิ่มได้ถึง 3 สาขา ในเวลาเพียงแค่ 3 ปี
หลังจากนั้นพวกเขาจึงได้นำความสำเร็จครั้งนี้มาต่อยอดสร้างธุรกิจใหม่ขึ้นมา นั่นก็คือร้านขายเสื้อผ้าและกระเป๋า ในช่วงนั้นเป็นยุคหลังสงครามโลกครั้งที่สอง เสื้อผ้าของผู้คนจึงยังไม่มีความหลากหลายมากนัก พวกเขาจึงคว้าโอกาสนี้แล้วลงมือสร้างสรรค์เสื้อผ้าแฟชั่นที่เหมาะสำหรับทุกคน ไม่ใช่เพื่อความสวยงามเพียงอย่างเดียว แต่ต้องสวมใส่ได้ง่ายตามแนวคิด Ready to Wear
ต่อมาในปี 1963 CELINE ได้เปิดตัวรองเท้าผู้หญิง น้ำหอม รวมถึงสินค้าประเภทเครื่องหนัง เช่น กระเป๋า เข็มขัด และถุงมือ แต่สิ่งที่ทำให้สินค้าแบรนด์นี้มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวจนเริ่มได้รับความนิยมก็คือ ทุกคนสามารถเข้าถึงได้ง่าย เพราะไม่ใช่แบรนด์ที่ปักธงการผลิตสินค้าไว้เพื่อคนชั้นสูงเหมือนแบรนด์อื่นๆ ส่วนใหญ่ในฝรั่งเศส
นอกจากนี้ตัวสินค้ายังเรียกได้ว่ามีความสร้างสรรค์และแปลกตาอีกด้วย เพราะพวกเขาเลือกใช้วัสดุที่มีอยู่แล้วในท้องถิ่น มาเป็นส่วนหนึ่งในการออกแบบสินค้า ไม่ใช่สั่งผลิตวัสดุใหม่เพียงอย่างเดียว ในยุคนั้นจึงเรียกได้ว่า CELINE ประสบความสำเร็จในวงการแฟชั่นเป็นอย่างมาก ทำให้สามารถขยายสาขาไปในอีกหลายประเทศ เช่น โมนาโก สหรัฐอเมริกา ฮ่องกง และญี่ปุ่น
ภาพ Céline Vipiana จาก Style Kate
- เมื่อ CELINE เข้ามาอยู่ภายในอาณาจักร LVMH
ความสำเร็จสุดปังโด่งดังเป็นพลุแตกของ CELINE นั้น ในที่สุดก็ไปเข้าตา “Bernard Arnault” ผู้ชายที่เคยติดอันดับรวยที่สุดในโลก หัวเรือใหญ่แห่งอาณาจักรธุรกิจแบรนด์หรูทั่วโลก “LVMH” ซึ่งได้ตัดสินใจกระโดดมาร่วมทุนกับ CELINE ในปี 1987 ทำให้สามารถขยายหน้าร้านไปได้มากถึง 89 ประเทศทั่วโลก ก่อนที่ Céline Vipiana ผู้ก่อตั้งแบรนด์จะเสียชีวิตหลังจากนั้น 1 ปี ในวัย 84 ปี
แน่นอนว่าการที่แบรนด์สูญเสียผู้ก่อตั้งไป จำเป็นต้องหาคนมารับหน้าที่ดูแลกิจการต่อทันที ซึ่งคนที่ LVMH ส่งมาเป็น Creative Director ก็คือ “Michael Kors” ซึ่งต่อมาก็ได้เป็นหนึ่งในคนสำคัญที่ทำให้แบรนด์เป็นที่รู้จักและประสบความสำเร็จมากขึ้น โดยการเพิ่มเอกลักษณ์ที่มีความเรียบง่ายแต่มีความหรูหรา
- เหล่าดีไซเนอร์ผู้อยู่เบื้องหลังความปังของ CELINE
แม้ว่าการเข้ามาของ Michael Kors จะช่วยพัฒนาแบรนด์ให้เติบโตมากขึ้น แต่เขาก็ได้ลาออกไปเพื่อสร้างแบรนด์ของตัวเองเมื่อปี 2004 ส่งผลให้ CELINE ตกอยู่ในความไม่แน่นอน แม้จะเปลี่ยนดีไซเนอร์อยู่หลายครั้งแต่ก็ยังไม่มีความลงตัว ไม่ว่าจะเป็น Roberto Menichetti ดีไซเนอร์ชาวอิตาลี ในปี 2005 และ Ivana Omazic ดีไซเนอร์ชาวโครเอเชีย ในปี 2006 แต่ทั้งสองคนก็ยังไม่สามารถทำให้แบรนด์กลับมาประสบความเสร็จได้เท่าที่ควร จนกระทั่ง “Phoebe Philo” ที่เคยฝากผลงานไว้กับอีกหนึ่งแบรนด์หรูชื่อดัง “Chloé” ได้ก้าวเข้ามาสู่ครอบครัว CELINE ในปี 2008 ในฐานะ Creative Director
หลังจากเข้ามามีส่วนร่วมได้ไม่นาน Phoebe Philo ได้เปิดตัวด้วยคอลเลกชัน “Spring Summer 2010” ทำให้ตัวเธอได้รับรางวัลสำคัญในอุตสาหกรรมแฟชั่นอย่าง Designer of the Year award จากสภาเเฟชั่นอังกฤษ ในปี 2010 และ รางวัล International Designer of the Year จากสภานักออกแบบแฟชั่นอเมริกา ในปี 2011 ทำให้แบรนด์ CELINE กลับมาประสบความสำเร็จอีกครั้ง โดย Phoebe ได้เน้นการออกแบบเสื้อผ้าที่ทำให้ผู้หญิงสามารถหยิบมาใส่ได้ในทุกโอกาส มีความมินิมอล และเน้นการตัดเย็บที่มีความประณีต แต่หลังจากนั้นในปี 2017 เธอก็ได้ประกาศลาออกเพื่อไปใช้เวลากับครอบครัว ทำให้ CELINE ต้องเร่งหาตัวดีไซเนอร์ที่จะมารับช่วงต่ออีกครั้ง
ต่อมาในปี 2018 ปีแห่งการเปลี่ยนแปลงของ CELINE ก็ได้เริ่มต้นขึ้นจากการเข้ามาของ Creative Director คนใหม่ “Hedi Slimane” ผู้ซึ่งสร้างชื่อให้กับแบรนด์หรูอย่าง Dior Homme และ Saint Laurent มาแล้ว หลังจาก Hedi เข้ามา เขาก็เริ่มจากการปรับเปลี่ยนโลโก้แบรนด์เพื่อให้มีความทันสมัยมากขึ้น พร้อมกับลบภาพเก่าๆ จากอินสตาแกรม ของแบรนด์ออกจนหมด เพื่อเป็นการเตรียมสร้างภาพลักษณ์ใหม่ให้กับแบรนด์ ก่อนที่จะลงภาพโลโก้ใหม่พร้อมคำอธิบายว่า แม้เขาจะต้องการปรับลุคให้ดูทันสมัย แต่ก็ยังคงระลึกถึงเอกลักษณ์ของแบรนด์ที่ผู้ก่อตั้งได้ริเริ่มไว้ และหลังจากนั้น Hedi ก็ได้สร้างสรรค์ผลงานออกมามากมาย จนทำให้ “CELINE” กลับมาเฉิดฉายในวงการแฟชั่นอีกครั้ง พร้อมทั้งดึง Lisa BLACKPINK เข้ามาร่วมงาน
ภาพ Lisa BLACKPINK จาก Harpers Bazaar
- จาก Lady GAGA ถึง Lisa BLACKPINK
ส่วนหนึ่งที่ทำให้แบรนด์ CELINE ประสบความสำเร็จนั้น ปฏิเสธไม่ได้ว่ามาจากการที่บุคคลมีชื่อเสียงในวงการบันเทิงทั่วโลก นำสินค้าของแบรนด์ไปใช้ ไม่ว่าจะเป็นการใช้งานในชีวิตประจำวันไปจนถึงการนำไปใช้เวลาออกงานสังคม ทำให้ตัวสินค้าได้รับความนิยมมากขึ้น จนบางคอลเลกชันขายหมดอย่างรวดเร็ว และกลายเป็นสินค้าหายากราคาสูง
บรรดาตัวแม่ในวงการบันเทิงที่เคยถือกระเป๋า CELINE ออกสื่อนั้นมีอยู่หลายคน แต่หนึ่งในคนที่ทำให้กลายเป็นตำนานก็คือ Lady GAGA นักร้องเพลงป็อปชื่อดัง เพราะ Hedi เลือกที่จะส่งกระเป๋าคอลเลกชัน 16 Bag in Satinated Calfskin ให้เธอได้ถือเป็นคนแรกของโลก พร้อมกับสลักชื่อของเธอไว้ที่กระเป๋าอีกด้วย หลังจากนั้นบรรดาเซเลบทั้งฝั่งฮอลลีวู้ดและเอเชียก็หิ้วกระเป๋า CELINE ให้ได้เห็นกันมากมายผ่านโลกโซเชียล ไม่ว่าจะเป็น Lucy Boynton, Emma Roberts และ Jung Ryeo Won
มาถึงตรงนี้หลายคนอาจตั้งคำถามว่า ทำไมแบรนด์แอมบาสเดอร์ของ CELINE ส่วนมากจึงเป็นคนดังฝั่งเอเชีย ทั้งที่ก่อนหน้านี้ก็ได้รับความนิยมในฝั่งตะวันตก ? คำตอบก็คือ ปัจจุบันฐานลูกค้าที่ใหญ่ที่สุดของ CELINE รวมถึงไปอีกหลายแบรนด์ในเครือ LVMH ก็คือประเทศในทวีปเอเชีย ดังนั้นการเลือกแบรนด์แอมบาสเดอร์หรือพรีเซนเตอร์ให้เหมาะสมกับกลุ่มลูกค้าจึงเป็นเรื่องสำคัญ
แน่นอนว่าหากพูดถึงศิลปินหญิงเอเชียชื่อดังระดับโลกที่มีกระแสมาแรงสุดๆ ก็คงหนีไม่พ้น “Lisa BLACKPINK” หนึ่งในสาวไทยที่ไปดังไกลถึงเกาหลี และยังได้รับตำแหน่ง Global Brand Ambassador ของ CELINE อีกด้วย
จุดเริ่มต้นที่ทำให้ลิซ่าเข้ามาร่วมงานกับ CELINE เกิดขึ้นในปี 2019 โดยเธอได้ถ่ายแบบให้กับนิตยสาร Dazed Korea ด้วยเสื้อผ้าคอลเลกชัน Spring 2019 จากแบรนด์ CELINE และสิ่งที่ทำให้หลายคนต้องสะดุดตาก็คือ หน้าปกของนิตยสารเขียนว่า New Muse Lisa เป็นเครื่องการันตีว่าเธอได้เข้ามาร่วมงานกับแบรนด์ หลังจากนั้นเธอก็ได้รับเชิญให้นั่งแถวหน้าติดขอบเวทีแฟชั่นโชว์แบรนด์ CELINE ในปารีสอีกด้วย และด้วยความที่เธอมีสไตล์การแต่งตัวที่โดดเด่นมีเอกลักษณ์มาตลอด จึงทำให้สินค้าของ CELINE ขายดีตามไปด้วย
ต่อมาในวันที่ 22 ก.ย. 2020 ลิซ่าก็ได้เปิดตัวในตำแหน่ง Global Brand Ambassador ของแบรนด์นี้ และหลังจากนั้นทาง CELINE ก็ได้เชิญชวนคนดังฝั่งเกาหลีอีกหลายคน เข้ามาเสริมทัพความปังของแบรนด์เพิ่มขึ้น ได้แก่ Park Bo Gum และ V วง BTS เพื่อเพิ่มความโดดเด่นให้สินค้าสำหรับผู้ชาย
ภาพ V BTS, Lisa BLACKPINK และ Park Bo Gum จาก Kstartrend
ท้ายที่สุดนี้ แม้ว่าแบรนด์ “CELINE” จะเป็นหนึ่งในแบรนด์ระดับไฮเอนด์ ที่มีราคาค่อนข้างสูงและได้รับความนิยมไปทั่วโลก แต่ก็ยังไม่ทิ้งกลิ่นอายของต้นกำเนิดที่มาจากความเรียบง่ายแสนธรรมดาอย่างร้านรองเท้าเด็ก และในบางครั้งก็เผชิญกับจังหวะเวลาขาลงของธุรกิจมาบ้าง แต่ด้วยความพยายามจากหลายฝ่าย ในที่สุดก็สามารถพาแบรนด์กลับมาเติบโตในโลกแฟชั่นได้อย่างสมศักดิ์ศรี
อ้างอิงข้อมูล : hypebae, hi-endbrands, VOGUE, Style Kate, Jeban และ ลงทุนเกิร์ล