ส่องแพ็กเกจ “Netflix” แบบมีโฆษณาคั่น ราคาถูกลง แต่มีข้อจำกัดอะไรบ้าง

ส่องแพ็กเกจ “Netflix” แบบมีโฆษณาคั่น ราคาถูกลง แต่มีข้อจำกัดอะไรบ้าง

“Netflix” เริ่มเปิดให้บริการ “Basic with Ads” แพ็กเกจราคาถูกที่สุดทางเลือกใหม่สำหรับลูกค้า แต่ต้องแลกมากับการถูกบังคับดูโฆษณา และข้อจำกัดอย่างการรับชมคอนเทนต์บางอย่างไม่ได้ด้วย

หลังจากเมื่อกลางปีนี้ “Netflixแพลตฟอร์มสตรีมมิง ที่มีผู้สมัครใช้บริการมากที่สุดของโลก เปิดแผนกลยุทธ์ใหม่ดึงดูดผู้บริโภค ด้วยแพ็กเกจสมาชิกใหม่ที่มีราคาถูกลง แต่แลกมาด้วยการมีโฆษณาคั่น 

เมื่อวันที่ 3 พ.ย. ที่ผ่านมา Netflix บริการวิดีโอสตรีมมิงที่มีผู้สมัครใช้บริการมากที่สุดในโลก ได้เปิดตัว “Basic with Ads” แพ็กเกจสมัครสมาชิกแบบมีโฆษณาคั่นในสหรัฐเป็นที่เรียบร้อยในราคา 6.99 ดอลลาร์ หรือราว 260 บาท ซึ่งราคาถูกกว่าแพ็กเกจเริ่มต้นถึง 30% และเตรียมให้บริการในแคนาดา ออสเตรเลีย บราซิล ฝรั่งเศส อิตาลี เยอรมนี ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ เม็กซิโก สเปน และสหราชอาณาจักร ในวันที่ 10 พ.ย.นี้

ส่วนหนึ่งในแถลงการณ์ของ Netflix ระบุว่า กลุ่มลูกค้าที่สมัครแพ็กเกจอื่น ๆ (Basic, Standard และ Premium) จะยังคงไม่มีโฆษณาเหมือนเดิม แต่สำหรับ Basic with Ads นั้นจะมีโฆษณาเฉลี่ยราว 4-5 นาทีต่อชั่วโมง โฆษณาแต่ละตัวจะมีความยาว 15 หรือ 30 วินาที โดยโฆษณาตัวแรกจะเริ่มฉายก่อนเข้าสู่เนื้อหา และโฆษณาจะกลับมาอีกครั้งในช่วงกลางเรื่องของซีรีส์หรือภาพยนตร์

แม้ว่าสมาชิกปัจจุบันส่วนใหญ่จะไม่รับรู้ถึงการเปลี่ยนแปลงในครั้งนี้มากนัก นอกจากจะเปลี่ยนไปสมัครแพ็กเกจใหม่ แน่นอนว่าการที่ Netflix มีโฆษณานี้เป็นหนึ่งในการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญที่สุดในประวัติศาสตร์ 25 ปีของบริษัท

  • กลยุทธ์สร้างรายได้ใหม่

เมื่อเดือน เม.ย.ที่ผ่านมา รีดส์ แฮชติงส์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (ซีอีโอ) ของ Netflix สร้างความสั่นสะเทือนไปทั่วโลกด้วยการประกาศว่า จะเปิดขายโฆษณาให้แก่แบรนด์ต่าง ๆ เพื่อนำมาใส่ในแพลตฟอร์ม ทั้งที่ก่อนหน้านี้เขายืนกรานมาตลอดว่า บริษัทไม่มีนโยบายจะขายโฆษณา แต่เมื่อปีที่แล้วที่ยอดผู้สมัครสมาชิกลดลงเป็นครั้งแรกในรอบทศวรรษและราคาหุ้นตกอย่างต่อเนื่อง ทำให้ต้องปรับกลยุทธ์ใหม่ หนึ่งในนั้นคือการเพิ่มแพ็กเกจโฆษณาคั่น

อย่างไรก็ตาม ในเดือนที่ผ่านมา Netflix ได้ประกาศรายได้ในไตรมาสที่ 3 พบว่า มีสมาชิกเพิ่มขึ้นราว 2.4 ล้านบัญชี โดยทำกำไรอยู่ที่ 1,300 ล้านดอลลาร์ และรายได้เพิ่มขึ้นราว 6% แม้ว่าจะลดลงเมื่อเทียบกับในช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้วที่มีกำไร 1,400 ล้านดอลลาร์ก็ตาม

“หลังจากที่เผชิญหน้ากับสถานการณ์ที่ท้าทายในครึ่งปีแรก  เราเชื่อว่าเรากำลังอยู่บนเส้นทางสู่การเติบโตอย่างรวดเร็ว ในขณะที่เราได้พูดคุยกันในช่วง 2-3 ไตรมาสที่ผ่านมา ทำให้การปรับปรุงกลยุทธ์การกำหนดราคาของเรากลายเป็นที่สนใจในระยะเวลาไม่นาน อีกทั้งปฏิกิริยาจากผู้ลงโฆษณาจนถึงขณะนี้เป็นไปในเชิงบวกอย่างมาก” ส่วนหนึ่งในถ้อยแถลงของบริษัทในจดหมายถึงผู้ถือหุ้น 

นอกจากนี้ Netflix ยังมั่นใจอีกว่าจะสามารถสร้างรายได้และผลกำไรเพิ่มขึ้นจากแพ็กเกจแบบมีโฆษณาได้อย่างแน่นอน “เราเชื่อว่าการเพิ่มทางเลือกให้มากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับกลุ่มผู้บริโภคที่ให้ความสำคัญกับเรื่องราคา จะสามารถสร้างรายได้และผลกำไรที่เพิ่มขึ้นมากเมื่อเวลาผ่านไป”

  • ข้อจำกัดของแพ็กเกจโฆษณา

แม้ว่าจะได้ราคาที่ถูกลง แต่แพ็กเกจ Basic with Ads ไม่สามารถรับชมซีรีส์และภาพยนตร์หลายเรื่อง เนื่องจากปัญหาด้านลิขสิทธิ์ เกร็ก ปีเตอร์ส ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการของ Netflix กล่าวกับผู้สื่อข่าวเมื่อเดือนที่แล้วว่า

“ภาพยนตร์และรายการทีวีบางส่วนจะยังไม่สามารถรับชมผ่านแพ็กเกจที่มีโฆษณาได้ เนื่องจากข้อจำกัดด้านลิขสิทธิ์ เราจะดำเนินการแก้ไขปัญหานี้อยู่” 

 

ขณะที่นิตยสาร Variety ได้เปิดเผยรายชื่อซีรีส์และภาพยนตร์ที่ยังไม่สามารถรับชมผ่านแพ็กเกจ Basic with Ads ได้มีดังนี้

ซีรีส์: “Arrested Development,” “House of Cards,” “Peaky Blinders,” “New Girl,” “The Magicians,” “The Last Kingdom,” “The Sinner,” “Good Girls,” “The Good Place,” “Knight Rider,” “Queen of the South,” “Marlon,” “Friday Night Lights” และ “Uncoupled” 

ภาพยนตร์: “Oblivion” starring Tom Cruise, “Man on a Ledge,” “Robin Hood”, “Steve Jobs” “The Butler,” “Skyfall,” “Casino Royale,” “Quantum of Solace,” “28 Days,” “Rambo,” “Darkest House,” “Made of Honor,” “The Imitation Game,” “Wanted,” “Legend,” “Blue Jasmine,” “A Monster Calls,” “Sing 2,” “Morbius,” “Road House,” “The Mist,” “A Good Old Fashioned Orgy,” “Phantom Thread,” “Contraband,” “Tully,” “Vice,” “The Hateful Eight” “The Bad Guys.”

ทั้งนี้ รายชื่อของซีรีส์และภาพยนตร์ที่ยังไม่สามารถรับชมผ่านแพ็กเกจ Basic with Ads นี้จะมีรูปแม่กุญแจล็อกอยู่ อีกทั้งรายชื่อนั้นอาจแตกต่างกันออกไปในแต่ละประเทศตามแต่ลิขสิทธิ์ที่ Netflix ถือครองอยู่ในแต่ละประเทศ

อีกหนึ่งข้อจำกัดของแพ็กเกจ Basic With Ads คือสมาชิกไม่สามารถดาวน์โหลดเนื้อหาเพื่อดูแบบออฟไลน์ได้ ผู้ใช้จะสามารถสตรีมได้เพียงอย่างเดียว โดยมีคุณภาพความคมชัดละเอียดสูงสุดเพียง 720p เท่านั้น นอกจากนี้ ในปัจจุบันแพ็กเกจนี้ยังไม่รองรับบนอุปกรณ์ Apple TV โดยตัวแทนฝ่ายพัฒนาระบบ tvOS ของ Apple Inc. ระบุว่า กำลังจะมาใน "เร็วๆ นี้"

นอกจากกลยุทธ์แพ็กเกจแบบมีโฆษณาคั่นแล้ว Netflix ยังเตรียมออกฟีเจอร์ใหม่ แชร์รหัสผ่านบนแพลตฟอร์มในช่วงต้นปี 2566 ด้วยชื่อว่า "Extra Members" สำหรับผู้ใช้งานที่ต้องการสร้างบัญชีเพิ่ม โดยจะต้องเสียค่าสมัครอีกด้วย

ต้องรอดูกันว่า กลยุทธ์นี้จะสามารถช่วยสร้างรายได้ให้แก่ Netflix ได้มากน้อยขนาดไหน เพราะบรรดาวิดีโอสตรีมมิงเจ้าอื่นก็เตรียมปล่อยแพ็กเกจแบบมีโฆษณาคั่นด้วยเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็น Disney+ คู่แข่งคนสำคัญของ Netflix ที่จะเปิดตัวแพ็กเกจดังกล่าวในเดือน ธ.ค. ด้วยราคา 7.99 ดอลลาร์ต่อเดือน ส่วน HBO Max จะมาในราคา 9.99 ดอลลาร์ต่อเดือน ทั้งหมดนี้ล้วนขึ้นอยู่กับผู้บริโภคว่าพร้อมจะจ่ายเงินในราคาที่ถูกลง แต่แลกกับการดูโฆษณา พร้อมคุณภาพที่ลดลงหรือไม่


ที่มา: CNN, Tech Crunch, TIME, Variety