“สัญญาทาส-คำโกหก” ถอดบทเรียน “อี ซึงกิ” ร้องเพลง 18 ปี ไม่ได้เงินสักแดง

“สัญญาทาส-คำโกหก” ถอดบทเรียน “อี ซึงกิ” ร้องเพลง 18 ปี ไม่ได้เงินสักแดง

สรุปเรื่องราวของ “อี ซึงกิ” นักแสดงและศิลปินตัวท็อปของเกาหลีที่ไม่เคยได้รับค่าตอบแทนแม้แต่วอนเดียวจากผลงานเพลงตลอดช่วง 18 ปี เนื่องจากค่ายโกหกว่า เขายังเป็น “นักร้องติดลบ” ที่เพลงไม่มีกำไร ทั้งที่ความจริงบริษัทได้รายได้จากเพลงของเขาเป็นหมื่นล้านวอน

กลายเป็นเรื่องสะเทือนวงการ K-POP อีกครั้ง เมื่อสำนักข่าวชื่อดังของเกาหลีใต้ได้รายงานว่า “อี ซึงกิ” นักแสดงและศิลปินระดับแถวหน้าวงการไม่เคยได้รับค่าตอบแทนแม้แต่วอนเดียวจากการทำเพลง ตลอดระยะเวลา 18 ปี ที่ภายใต้สังกัด “Hook Entertainment” โดยสำนักข่าวได้แนบข้อมูลรายละเอียดทางบัญชีและจำนวนเงินที่ซึงกิควรได้รับจากการทำเพลงอีกด้วย

อี ซึงกิเริ่มเข้าสู่วงการบันเทิงด้วยการเป็นนักร้องภายใต้การดูแลของ Hook Entertainment ตั้งแต่ปี 2547 ก่อนที่จะโด่งดังเป็นพลุแตกในปี 2552 ในฐานะนักแสดง จากซีรีส์เรื่อง “Brilliant Legacy” หรือในชื่อไทย “มรดกรักฉบับพันล้านวอน” หลังจากนั้นซึงกิก็รับงานแสดงอย่างต่อเนื่องและกลายเป็นนักแสดงแถวหน้าของวงการอย่างรวดเร็ว

อย่างไรก็ตาม ซึงกิไม่ได้ทิ้งงานเพลง ยังคงปล่อยผลงานออกมาอย่างต่อเนื่อง ช่วงเวลา 18 ปี ที่ผ่านมา เขาได้ออกอัลบั้มเต็ม 7 ชุด อัลบั้มอีพี 1 ชุด และมีอัลบั้มเพลงคัฟเวอร์อีก 2 ชุด ยังไม่รวมถึงเพลงประกอบซีรีส์และอัลบั้มรวมฮิตอีกหลายชุดอีกด้วย รวมแล้วซึงกิมีผลงานเพลงมากถึง 137 เพลง แต่เขากลับไม่เคยได้รับค่าตอบแทนจากการทำเพลงเลยแม้แต่วอนเดียว ทั้ง ๆ ที่อัลบั้มทำยอดขายรวมกันได้หลายแสนชุด 

อีกทั้งยังมีเพลงฮิตที่ติดชาร์ตได้อีกหลายเพลง ไม่ว่าจะเป็น "Because You're My Woman" (2547) "Love Taught Me to Drink" (2552) "Time for Love" (2554) โดยเฉพาะอย่างยิ่งเพลง "Return" (2555) ที่สามารถขึ้นอันดับ 1 บน Gaon Chart ชาร์ตเพลงที่ใหญ่ที่สุดของเกาหลีได้สำเร็จ นอกจากนี้ เขายังได้รับรางวัลศิลปินยอดเยี่ยม ยอดดิจิทัลดาวน์โหลดสูงสุด (บงซัง) จากเวทีประกาศรางวัลทางด้านดนตรีอีกหลายรางวัลและหลายปีติดต่อกัน ซึ่งการันตีได้ถึงความนิยมและทักษะทางดนตรีของเขาได้เป็นอย่างดี

Dispatch ได้เปิดเผยหลักฐานที่แสดงรายละเอียดของรายได้และกำไรจากการขายอัลบั้มต่าง ๆ ของซึงกิผ่านช่องทางการจัดจำหน่ายต่าง ๆ  ตั้งแต่เดือน ต.ค. 2552 - ก.ย. 2565 พบว่า รายได้จากยอดขายอัลบั้มและยอดดิจิทัลดาวน์โหลดผลงานเพลงของเขา อยู่ที่กว่า 9,600 ล้านวอน หรือประมาณ 256 ล้านบาท 

นอกจากนี้ Dispatch ระบุว่า มีข้อมูลทางบัญชีระหว่างเดือน มิ.ย. 2547 - ส.ค. 2552 สูญหายไปและไม่สามารถตรวจสอบได้ ซึ่งหากนำข้อมูลช่วง 5 ปีที่สูญหายไปมารวมกับรายได้ข้างต้นแล้ว คาดว่าผลงานเพลงของซึงกิจะมีมูลค่ากว่า 10,000 ล้านวอน หรือราว 267 ล้านบาท

“สัญญาทาส-คำโกหก” ถอดบทเรียน “อี ซึงกิ” ร้องเพลง 18 ปี ไม่ได้เงินสักแดง

ยอดขายงานเพลงทั้งหมดตั้งแต่เดือน ต.ค. 2552 - ก.ย. 2565ของอี ซึงกิ

เครดิตภาพ: Dispatch

 

  • ถูกปิดบังมาตลอด

ที่ผ่านมา ซึงกิไม่เคยรับรู้ว่าผลงานเพลงของตนนั้นสามารถทำรายได้ไปเท่าไร เนื่องจากต้นสังกัดไม่เคยชี้แจงตัวเลขรายได้จากการทำเพลงของเขามาก่อน แถมยังกล่าวว่า ซึงกิเป็น “นักร้องติดลบ” (Minus Singer) หรือ ศิลปินที่ไม่สามารถทำกำไรได้จากการทำเพลง

ทั้งหมดนี้จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้ซึงกิเข้าใจว่าตนเองเป็นนักร้องติดลบ และไม่น่าจะมีรายได้จากการทำเพลง จนกระทั่ง เขาได้พูดคุยกับรุ่นพี่ในวงการเมื่อไปนานมานี้ โดยรุ่นพี่คนดังกล่าวได้พูดกับซึงกิว่า เขาได้รับค่าลิขสิทธิ์จำนวนมากจากการทำเพลงให้ซึงกิมาโดยตลอด 

จากเงื่อนไขสัญญาระหว่างซึงกิและบริษัทตามที่ Dispatch เปิดเผย พบว่า สัญญาระหว่างปี 2552-2559 ซึงกิจะต้องได้รับส่วนแบ่ง 60% ของยอดขายและกำไร คิดเป็นจำนวน 6,500 ล้านวอน หรือประมาณ 173 ล้านบาท ส่วนสัญญาในช่วงปี 2560-2565 ได้ปรับตัวเลขเป็น 70% จำนวนเงินที่ซึงกิควรจะได้รับคือ 2,900 ล้านวอน หรือ ราว 77 ล้านบาท โดยยังไม่นับรวมข้อมูลยอดขายที่หายไป 5 ปี

“สัญญาทาส-คำโกหก” ถอดบทเรียน “อี ซึงกิ” ร้องเพลง 18 ปี ไม่ได้เงินสักแดง

ยอดขายและยอดดาวน์โหลดผลงานเพลงของอี ซึงกิ

เครดิตภาพ: Dispatch
 

  • คำถามที่ไร้คำตอบจนกลายเป็นแผลในใจ

ซึงกิพยายามเรียกร้องสิทธิของตนเองด้วยการเข้าไปถามกับผู้บริหารค่ายหลายต่อหลายครั้ง แต่คำตอบที่ได้กลับยิ่งทำให้เขารู้สึกแย่ยิ่งกว่าเดิมทุกครั้ง เพราะเมื่อเดือน มิ.ย. 2564 ค่ายระบุว่า เขายังคงเป็นนักร้องติดลบ พร้อมกับย้อนถามกลับเมื่อเดือน ส.ค. 2565 ว่า “รู้หรือไม่ว่าการโปรโมตอัลบั้มแต่ละครั้งใช้เงินเท่าไหร่ จะเอาเงินที่ไหนมาให้” และครั้งล่าสุดเมื่อ พ.ย. 2565 เขาได้รับคำตอบว่า “น่ารำคาญจริง ก็บอกให้ฝ่ายบัญชีเตรียมเอกสารแล้ว แต่มันไม่ทำไง มันขี้เกียจ”

Dispatch ได้เปิดเผยข้อมูลจำนวนเงินที่ค่ายใช้ในการทำอัลบั้มเต็มชุดที่ 6 “And…” (그리고...) ของซึงกิที่วางจำหน่ายในปี 2558 ว่าใช้ไป 172 ล้านวอน (4.2 ล้านบาท) แต่ยอดขายรวมทั้งหมดที่ทำได้อยู่ที่ 354 ล้านวอน (9.47 ล้านบาท) และยังได้รับเงินจาก Kakao สื่อยักษ์ใหญ่ของเกาหลีใต้เป็นค่าลิขสิทธิ์อีก 700 ล้านวอน (18.72 ล้านบาท) ทำให้เฉพาะอัลบั้มนี้ ซึงกิทำรายได้ให้ค่ายไปทั้งสิ้น 1,054 ล้านวอน (28.19 ล้านบาท) เมื่อหักค่าใช้จ่ายออกไปแล้ว เหลือรายได้สุทธิ 882 ล้านวอน (23.59 ล้านบาท) ซึ่งต่อให้ตีความว่าเขาเป็นคนจ่ายค่าทำเพลงเองทั้งหมด เขาก็ยังจะต้องได้รับส่วนแบ่ง 529.2 ล้านวอน (14.16 ล้านบาท) อยู่ดี แต่เขากลับไม่ได้ส่วนแบ่งแม้แต่วอนเดียว!

“สัญญาทาส-คำโกหก” ถอดบทเรียน “อี ซึงกิ” ร้องเพลง 18 ปี ไม่ได้เงินสักแดง

ตัวเลขค่าผลิตและรายได้จากอัลบั้มชุดที่ 6 ของอี ซึงกิ

เครดิตภาพ: Dispatch

 

นอกจากนี้ ซึงกิยังถูกทั้งประธานค่ายและพนักงานโยนความผิดให้ว่า สาเหตุที่เขายังเป็นนักร้องติดลบตลอด 18 ปี เป็นเพราะความผิดของเขาเอง โดยพวกเขาต่างพูดถึงซึงกิว่า

 

“แฟนคลับของคุณไม่ซื้ออัลบั้ม พวกเขาไม่มีเงิน แต่อยากได้โน่นได้นี่”

“คุณผู้จัดการ พูดตรง ๆ นะ ซึงกิมีรสนิยมดีเกินไป ประหยัดหน่อยเถอะ”

 

“สัญญาทาส-คำโกหก” ถอดบทเรียน “อี ซึงกิ” ร้องเพลง 18 ปี ไม่ได้เงินสักแดง

บางส่วนของแชตระหว่างซีอีโอและผู้จัดการของอี ซึงกิ

เครดิตภาพ: Kpop Post

 

ค่ายให้เงินซึงกิและทีมของเขาสำหรับใช้จ่ายเพียงเดือนละ 2 ล้านวอน หรือประมาณ 54,000 บาท ซึ่งหากเกินจากนี้ เขาจะต้องเป็นคนออกค่าใช้จ่ายเอง

อีกทั้งทางค่ายยังไม่เคยชื่นชมซึงกิเลย ทั้งที่เขาประสบความสำเร็จในวงการอย่างรวดเร็ว พฤติกรรมเหล่านี้จากทางค่ายมีส่วนทำให้ เขากลายเป็นคนที่โหยหาคำชื่นชมและคิดว่าตนเองดีไม่พออยู่เสมอ ซึ่งเขามักจะเล่าเรื่องราวเหล่านี้ผ่านรายการวาไรตี้ที่เขาเคยไปออก

 

  • ถึงเวลาลุกขึ้นสู้

เมื่อวันที่ 17 พ.ย. ที่ผ่านมา ซึงกิได้ส่งข้อความหาผู้บริหารค่ายเป็นครั้งแรกโดยระบุว่าเขาจะฟ้องเรียกค่าเสียหายและค่าตอบแทนที่เขาควรได้

“ผมได้ยินจากผู้จัดการคิมว่าประธานขู่จะฆ่าผมเพราะผมขอยอดขายเพลง ผมไม่เข้าใจทำไมต้องมาข่มขู่ด้วย ผมยื่นเรื่องให้คิดยอดส่วนแบ่งให้ผมเป็นปีแล้ว แต่ไม่มีการตอบรับอะไรผมเลย ที่ผมทำเพราะต้องการเรียกร้องในสิ่งที่ผมควรได้รับเท่านั้น

ผมอายุ 36 แล้ว ตั้งใจทำงานมาตลอด ไม่เข้าใจว่าทำไมต้องหมดกำลังใจเพราะโดนด่าทอเหมือนกับเด็กม.ปลายอายุ 18 ด้วยครับ หลังจากนี้ผมจะให้ทนายเป็นคนจัดการเรื่องนี้ โปรดเข้าใจผมด้วยครับ ที่สำคัญ ผู้จัดการคิมเขาทำงานหนักเพื่อค่ายนะครับ เรื่องผมก็เรื่องหนึ่ง แต่คุณไม่ควรทำแบบนั้นกับเขาเลย

ผม ครอบครัวของผม ผู้จัดการและคนของผม ถูกคุณดูดายมาตลอดชีวิต แต่ต่อไปนี้ผมจะรวบรวมความกล้าไม่ยอมให้พวกเขาถูกเพิกเผยอีกแล้วครับ ถ้าชีวิตในวงการของผมจะจบลงด้วยคำข่มขู่และการพูดให้ร้ายจากคุณ มันก็คงเป็นเพราะโชคชะตาของผม ผมไม่อยากให้ความสัมพันธ์ระหว่างผมกับคณะกรรมการบริษัทแย่ไปกว่านี้แล้ว ดังนั้น หลังจากนี้ช่วยติดต่อผ่านทนายของผมนะครับ”

 

อี ซึงกิ อยู่ภายใต้การดูแลของ Hook Entertainment มาตั้งแต่เขาเริ่มก้าวเข้าสู่วงการตอนอายุ 18 ปี และจนถึงตอนนี้เขาก็ยังคงมีสัญญากับทางต้นสังกัดอยู่ แม้ว่าในปีที่แล้ว ซึงกิจะตั้งบริษัทใหม่ในชื่อ Human Made เพื่อดูแลการจัดทำคอนเทนต์และกิจกรรมต่าง ๆ ผ่านช่องทางออนไลน์โดยเฉพาะ ซึ่งยังไม่แน่ชัดว่าหลังจากนี้ ซึงกิจะยกเลิกสัญญากับค่าย Hook หรือทำอย่างไรต่อไป

 

อย่างไรก็ตาม เมื่อวันที่ 22 พ.ย. ควอน จินยอง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (ซีอีโอ) ของ Hook Entertainment ได้ออกแถลงการณ์อย่างเป็นทางการขอโทษ อี ซึงกิ ถึงเรื่องที่เกิดขึ้นและสัญญาว่าจะรับผิดชอบตามกระบวนการทางกฎหมาย โดยไม่ได้มีการระบุถึงการข่มขู่และคุกคามตามที่ซึงกิได้พูดไว้ก่อนหน้านี้ แต่แชตหลักฐานที่จินยองคุกคามและปฏิบัติอย่างไม่เป็นธรรมต่อทั้งซึงกิ ผู้จัดการและทีมงานของเขายังคงหลุดออกมาอย่างต่อเนื่อง

อี ซึงกิไม่ใช่ปัญหาเดียวที่ Hook Entertainment กำลังเผชิญอยู่ ก่อนหน้านี้มีข่าวว่า “ยุน ยอจอง” นักแสดงคนแรกของเกาหลีที่สามารถชนะรางวัลออสการ์ในสาขานักแสดงสมทบหญิง กำลังจะย้ายสังกัด รวมถึงเหตุการณ์เมื่อวันที่ 10 พ.ย. กองสืบสวนอาชญากรรมร้ายแรงของสำนักงานตำรวจแห่งชาติเกาหลีใต้ เข้าตรวจค้นสำนักงานใหญ่ของค่ายในกรุงโซล เนื่องจากอาจมีส่วนพัวพันกับคดียักยอกเงินและฉ้อโกงของ “คัง จงฮยอน” ซึ่งเป็นอดีตแฟนหนุ่มของ “พัค มินยอง” นักแสดงในสังกัด 

 

  • ฝ่ายกฎหมายของซึงกิออกแถลงการณ์

เมื่อวันที่ 24 พ.ย. 2565 ตัวแทนฝ่ายกฎหมายของซึงกิออกแถลงการณ์ถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้น โดยระบุว่า ซึงกิได้ส่งคำร้องให้ค่ายชี้แจงกำไรจากการจำหน่ายเพลงทั้งหมดที่เขามีส่วนร่วม รวมถึงส่วนแบ่งที่เขาต้องได้รับ ที่ผ่านมาค่ายไม่เคยพูดถึงเรื่องรายได้จากการทำเพลงเลยแม้แต่น้อย นั่นจึงทำให้ซึงกิไม่เคยตระหนักว่าเขามีรายได้จากการทำเพลง แต่เมื่อเขาได้รู้ความจริง ตัวแทนค่ายกลับให้แต่คำโกหก รวมถึงได้รับแต่คำดูถูกและข่มขู่จากซีอีโอและคนอื่น ๆ จึงทำให้เขาตัดสินใจหาตัวแทนในการดำเนินการทางกฎหมาย

"นอกจากปัญหาเรื่องส่วนแบ่งจากการทำเพลงของอี ซึงกิแล้ว เรายังวางแผนที่จะตรวจสอบนิติสัมพันธ์ระหว่าง Hook Entertainment รวมถึง ซีอีโอ ควอน จินยอง และ อี ซึงกิอีกด้วย ดังนั้นจึงขอให้ Hook Entertainment เปิดเผยรายละเอียดยอดขายและการชำระเงินให้แก่อี ซึงกิตลอดระยะเวลาที่เขาดำเนินกิจกรรมในวงการบันเทิงอย่างโปร่งใส และเรายังคงรอคอยการตอบกลับที่จริงใจจาก Hook Entertainment"

 

“สัญญาทาส-คำโกหก” ถอดบทเรียน “อี ซึงกิ” ร้องเพลง 18 ปี ไม่ได้เงินสักแดง

เครดิตภาพ: อินสตาแกรม @leeseunggi.official

 

ที่มา: AllkpopDispatchKorea Joongang DailyKoreabooKpop PostNaverSoompiW Korea