เมื่อ ‘Disney + Hotstar’ ปรับราคา ‘Netflix’ งดแชร์รหัส อัปเดตราคาวิดีโอสตรีมมิง พร้อมเงื่อนไข เจ้าไหนคุ้มสุด?
แชร์รหัสเน็ตฟลิกซ์กับเพื่อนไม่ได้แล้ว แถม Disney+ Hotstar ปรับราคา ชวนอัปเดตราคาวิดีโอสตรีมมิง เจ้าไหน เริ่มต้นเท่าไหร่ ย้ายไปค่ายไหนดี
“Netflix” บริการวิดีโอสตรีมมิงยักษ์ใหญ่ของโลก ประกาศเริ่มใช้กฎบังคับห้ามแชร์บัญชีใช้งานนอกครัวเรือนในไทยอย่างเป็นทางการ โดยการใช้งานภายในบ้านเดียวหรือระหว่างการเดินทางท่องเที่ยวยังสามารถใช้งานได้อยู่ หลังจากเริ่มประกาศใช้งานในหลายประเทศช่วงต้นปีที่ผ่านมา
แต่หากยังอยากเปิดหารกับเพื่อนเหมือนเดิม Netflix (เน็ตฟลิกซ์) ก็คิดค่า “สมาชิกเสริม” คนละ 99 บาท/เดือน ซึ่งเป็นการบีบให้คนที่เคยแชร์รหัสหันมาสมัครใช้บริการเอง
ทั้งนี้ สำหรับใครที่ใช้บริการกับอุปกรณ์เคลื่อนที่ ดูเหมือนจะยังสามารถแชร์รหัสต่อไปได้อยู่ (แต่ไม่รู้จะได้อีกนานแค่ไหน) เพราะเบื้องต้น เน็ตฟลิกซ์บล็อกแค่ “ทีวี” อย่างเดียวเท่านั้น ที่ในหนึ่งแอคเคาท์ดูผ่านทีวีหลายเครื่องพร้อมกันไม่ได้
อย่างไรก็ตาม เป็นที่จับตาว่า หรือนี่จะเป็นแค่กระบวนการขั้นแรกเพื่อทลายสายตี้ และจะยกระดับขึ้นอีก จนนำไปสู่อวสานสายแชร์รหัสอย่างสมบูรณ์
ขณะที่ "Disney + Hotstar" ก็ประกาศปรับราคาเช่นกัน โดยราคาใหม่อยู่ที่เดือนละ 289 บาท และปีละ 2,290 บาท มีชื่อว่าเรียกว่า 'แพ็กเกจ Disney+ Hotstar พรีเมียม' ซึ่งสามารถสร้างโปรไฟล์ได้สูงสุด 7 โปรไฟล์ สามารถดูได้ 4 อุปกรณ์ ที่ความละเอียดสูงสุด 4K Ultra HD (2160p) และสามารถสตรีมผ่าน Airplay หรือ การแคสต์บนจอทีวีได้
ระหว่างนี้ สำหรับใครที่ไม่อยากจะเสียอรรถรสการรับชม ที่ไม่รู้จะเข้าไม่ได้วันไหน และกำลังมองหาเปรียบเทียบราคาประกอบการตัดสินใจสมัครสมาชิกใหม่นั้น กรุงเทพธุรกิจ ได้เทียบราคาบริการสตรีมมิง และจุดเด่นของแต่ละเจ้ามาให้เห็น เพื่อเป็นช่วยในการตัดสินใจ ถ้าหากต้องเสียเงินสมัครเองแล้วควรหันไปสมัครบริการเจ้าไหนดี
อัปเดตราคาบริการสตรีมมิง Netflix,Disney + Hotstar,Apple TV+,Prime Video,Viu,iQIYI,WeTV
โดยข้อมูลที่นำมาใช้ในบทความเป็นนี้เป็นราคาแพ็คเก็จเริ่มต้นบนหน้าเว็บไซต์และแอปพลิเคชันของแต่ละบริการ ไม่รวมโปรโมชันจากผู้สนับสนุนอื่น ๆ ณ วันที่ 30 พ.ค. 2566
1. Netflix
เริ่มต้นกันที่เจ้าตลาดสตรีมมิงอย่าง “Netflix” ที่มีซีรีส์และภาพยนตร์จากหลายมุมโลกให้เลือกชม พร้อมทั้งคอนเทนต์สุดพิเศษที่หาชมไม่ได้จากที่อื่นที่ได้รับความนิยมอย่างมาก เช่น “Squid Game” “You” “Stranger Things” “The Crown” และอื่น ๆ อีกมากมาย รวมถึงละครไทยหลายเรื่องที่ออกอากาศไปพร้อมกับระดับทีวีดิจิทัล
มีแพ็คเก็จ Mobile สำหรับสายชอบดูหนังผ่านสมาร์ทโฟนหรือแท็บเล็ตในราคาเพียง 99 บาท แต่จะได้ความคุณภาพความละเอียดของภาพเพียง 480p เท่านั้น และอีกหนึ่งข้อเสีย คือ คอนเทนต์ในแต่ละประเทศอาจจะมีไม่เหมือนกัน ขึ้นอยู่กับลิขสิทธิ์ของประเทศนั้น ๆ
Netflix ยังมีแพ็คเก็จอื่น ๆ ในราคาที่แตกต่างกันอีกซึ่งจะแตกต่างกันที่ระดับความคมชัดของภาพ ได้แก่ Basic ราคา 169 บาท ได้ความคมชัดระดับ 720p และดูได้เพียงเครื่องเดียว ขณะที่ Standard ราคา 349 บาท รับชมคอนเทนต์ที่ความชัดระดับ 1080p สามารถดูพร้อมกันได้ 2 อุปกรณ์ ส่วน Premium ราคา 419 บาท เต็มอารมณ์กับความคมชัดระดับ 4K+HDR และสามารถเปิดดูพร้อมกันได้ถึง 4 อุปกรณ์ โดยทั้ง 3 แพ็คเก็จนี้สามารถรับชมผ่านอุปกรณ์ได้ทุกประเภท
ราคาเริ่มต้น: 99 บาท/เดือน
รับชมผ่าน: สมาร์ทโฟน หรือ แท็บเล็ต
รับชมพร้อมกัน: 1 จอ
คุณภาพ: 480p
2. Disney+ Hotstar
“Disney+ Hotstar” คู่แข่งคนสำคัญของ Netflix ประกาศปรับค่าบริการขึ้นเป็นเดือนละ 289 บาท และปีละ 2,290 บาท พร้อมเปลี่ยนชื่อแพ็กเกจเป็น "Disney+ Hotstar พรีเมียม" โดยมีผลทันทีตั้งแต่วันที่ 29 มิ.ย. ที่ผ่านมา สามารถสร้างโปรไฟล์ได้สูงสุด 7 โปรไฟล์ สามารถดูได้ 4 อุปกรณ์ ที่ความละเอียดสูงสุด 4K Ultra HD (2160p) และสามารถสตรีมผ่าน Airplay หรือ การแคสต์บนจอทีวีได้ ส่วนแพ็กเกจ เดือนละ 99 บาท หรือปีละ 799 บาท ก็ยังมีอยู่ในชื่อ "Disney+ Hotstar มือถือ" ที่สามารถสร้างโปรไฟล์ได้สูงสุด 7 โปรไฟล์ แต่สามารถดูได้ 1 อุปกรณ์ และได้ความละเอียดสูงสุดเพียงระดับ HD (720p) แถมยังไม่สามารถดูผ่านจอทีวีได้
พูดง่าย ๆ ถ้าใครอยากชม Disney+ Hotstar ผ่านทีวีแบบจุใจเต็มอารมณ์ก็ต้องยอมจ่ายเงินเพิ่มไปใช้ Disney+ Hotstar พรีเมียม อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ราคาเริ่มต้น: 2,290 บาท/ปี
รับชมผ่าน: ทุกแพลตฟอร์ม
รับชมพร้อมกัน: 4 จอ
คุณภาพ: 4K
3. Apple TV+
“Apple Inc.” บริษัทเทคโนโลยีชั้นนำของโลก ได้ก้าวลงสู่ตลาดสตรีมมิงด้วยการเปิดตัว “Apple TV+” ที่มีซีรีส์ ภาพยนตร์ และรายการจากผู้ผลิต นักแสดงชื่อดัง ซึ่งกวาดรางวัลมาแล้วทั่วโลก อย่างเช่น “CODA” เจ้าของรางวัลภาพยนตร์ยอดเยี่ยม จากการประกาศผลรางวัลออสการ์ครั้งที่ 94 ซึ่งเป็นภาพยนตร์จากสตรีมมิงเรื่องแรกที่ได้รับรางวัลนี้ นอกจากนี้ยังมีซีรีส์ที่ได้รับความนิยมอีกหลายเรื่อง เช่น The Morning Show และ See พร้อมอีกหลากหลายคอนเทนต์ที่เพิ่งเปิดตัวไปในปีนี้
ราคาเริ่มต้น: 199 บาท/เดือน
รับชมผ่าน: ทุกแพลตฟอร์ม
รับชมพร้อมกัน: 6 จอ
คุณภาพ: Full HD (1080p)
4. Prime Video
วิดีโอสตรีมมิงเจ้าล่าสุดที่พึ่งเปิดตัวในไทยเมื่อส.ค. 2565 อย่าง “Prime Video” จาก “Amazon” บริษัทเทคโนโลยีข้ามชาติยักษ์ใหญ่ของโลก มาพร้อมกับออริจินัลคอนเทนต์คับคั่งไม่ว่าจะเป็น สุดยอดซีรีส์ทุ่มสร้างกว่า 500 ล้านดอลลาร์ อย่าง The Lord of the Rings: The Rings of Power, The Boys ซีรีส์แนวฮีโร่สุดเกรียนไม่เหมือนใคร รวมถึง The Marvelous Mrs. Maisel ซีรีส์ชั้นดีที่กวาดรางวัลมานับไม่ถ้วน
นอกจากนี้แล้วยังมีซีรีส์และภาพยนตร์นานาชาติทั้งเอเชียและตะวันตกอัดแน่นด้วยคุณภาพอีกมากมายรอให้ได้ชมด้วย
ราคาเริ่มต้น: 199 บาท/เดือน
รับชมผ่าน: ทุกแพลตฟอร์ม
รับชมพร้อมกัน: 3 จอ
คุณภาพ: HD
5. Viu
คอซีรีส์เกาหลีคงจะรู้จักเป็นอย่างดีกับ “Viu” สตรีมมิงที่รวบรวมภาพยนตร์ ซีรีส์ วาไรตี้เกาหลีไว้มากที่สุด ซึ่งสามารถรับชมได้ฟรี แต่มีโฆษณาคั่น หากไม่อยากรับชมโฆษณา ก็สามารถสมัครเป็นสมาชิก VIP ได้ นอกจากนี้ยังได้รับสิทธิพิเศษในการสามารถรับชมคอนเทนต์ต่าง ๆ ในเวอร์ชันพากย์ไทย ซึ่งมีทั้งเสียงภาคกลาง เสียงภาคเหนือ และเสียงภาคอีสาน ให้ได้เลือกชมอีกด้วย อีกทั้งยังสามารถรับชมซีรีส์ตอนใหม่หลังจากออกอากาศในประเทศต้นทางภายในระยะเวลา 8 ชั่วโมงอีกด้วย
นอกจากนี้ Viu ยังผลิตออริจินัลคอนเทนต์เป็นของตัวเองซึ่งมีครบทุกอารมณ์ ทั้งซีรีส์วาย ซีรีส์วัยรุ่น ตลอดจนซีรีส์เกาหลีที่มีเฉพาะใน Viu เท่านั้น และในปีนี้ได้สร้างความฮือฮาด้วยการประกาศสร้าง “Reborn Rich” เวอร์ชันไทยอีกด้วย
หากไม่อยากเสียค่าบริการทุกเดือน Viu มีแพ็คเก็จ 315 บาท/ 3 เดือน และ แพ็คเก็จรายปีในราคา 1,199 บาทให้เลือกอีกด้วย
ราคาเริ่มต้น: 149 บาท/เดือน
รับชมผ่าน: ทุกแพลตฟอร์ม
รับชมพร้อมกัน: 3 อุปกรณ์ + 1 คอมพิวเตอร์
คุณภาพ: Full HD (1080p)
6. iQIYI
อีกหนึ่งสตรีมมิงสัญชาติจีน เจ้าของฉายา Netflix เมืองจีน อย่าง “iQIYI” ที่อัดแน่นไปด้วยซีรีส์ รายการวาไรตี้จากจีน ไทย เกาหลี และอนิเมะญี่ปุ่นอีกหลายเรื่อง พร้อมด้วยคอนเทนต์สุดพิเศษที่มีเฉพาะ iQIYI และ คอนเทนต์สำหรับ VIP เท่านั้น โดยมีโปรโมชั่นพิเศษสำหรับลูกค้าที่ไม่เคยสมัครมาก่อน สามารถสมัครแพ็คเก็จ VIP ได้ในราคาเพียง 49 บาทเท่านั้น และมีแพ็กเก็จรายปีในราคา 719 บาท
ราคาเริ่มต้น: 119 บาท/เดือน
รับชมผ่าน: ทุกแพลตฟอร์ม
รับชมพร้อมกัน: 2 จอ
คุณภาพ: Full HD (1080p)
7. WeTV
“WeTV” เป็นสตรีมมิงสัญชาติจีน ที่นอกจะอุดมไปด้วยซีรีส์และรายการวาไรตี้จากจีนแล้ว ยังมีซีรีส์วายไทยเป็นอีกหนึ่งจุดแข็ง รวมถึงผลิตออริจินัล คอนเทนต์เอาใจคนไทยที่มีหลากหลายแนว รวมถึงละครไทยจากช่อง 3 ช่อง ONE 31 และ ช่อง PPTV ก็มีให้รับชมด้วยเช่นกัน ซึ่ง WeTV สามารถรับชมได้แบบฟรี แต่ก็มีแบบ VIP สำหรับผู้ที่ไม่ต้องการชมโฆษณา นอกจากนี้ยังได้รับสิทธิดูคอนเทนต์ล่วงหน้า 1-2 ตอน (แล้วแต่เรื่อง) ก่อนผู้ชมแบบฟรีอีกด้วย
นอกจากนี้ WeTV ยังเอาใจสายที่ไม่ชอบจ่ายเงินบ่อย ๆ กับแพ็คเก็จ 3 เดือนในราคา 429 บาท ส่วนรายปี จ่ายเพียง 1,620 บาท เฉลี่ยเพียงเดือนละ 135 บาทเท่านั้น
ราคาเริ่มต้น: 219 บาท/เดือน
รับชมผ่าน: ทุกแพลตฟอร์ม
รับชมพร้อมกัน: 2 จอ
คุณภาพ: Full HD (1080p)
อย่างไรก็ตาม สำหรับ “สายหาร” ที่ชอบแชร์สตรีมมิงกับเพื่อน ๆ นอกจาก Netflix ที่ต้องเสียเงินเพิ่ม 99 บาทแล้ว ก็ยังไม่มีรายงานว่ามีบริการวิดีโอสตรีมมิงเจ้าอื่นที่ออกกฎ “ห้ามแชร์” มีเพียง Apple TV+ ที่สามารถตั้งค่าแชร์ให้กับสมาชิกในครอบครัว (ต่างบัญชีผู้ใช้งาน) ได้สูงสุดถึง 6 คน
กราฟิก: กษิดิศ สิงห์กวาง