เปิดผลงานระดับโลก ‘Coco Lee’ นักร้องดังยุค 90 ผู้จากไปด้วย ‘โรคซึมเศร้า’
อีกหนึ่งหน้าประวัติศาสตร์สุดเศร้าของวงการบันเทิงระดับโลก เมื่อ “Coco Lee” ซูเปอร์สตาร์ยุค 90 ชาวเอเชีย วัย 48 ปี ได้ตัดสินใจจากโลกนี้ไปหลังต่อสู้กับ “โรคซึมเศร้า” นานหลายปี ชวนย้อนรอยผลงานที่สร้างชื่อเสียงของเธอที่จะยังคงอยู่ในใจแฟนเพลงตลอดไป
Key Points:
- “Coco Lee” ศิลปินหญิงชาวเอเชีย เสียชีวิตจากโรคซึมเศร้าด้วยวัยเพียง 48 ปี
- ไม่ใช่แค่ “ผลงานเพลง” ของเธอที่โด่งดังไปทั่วโลกเท่านั้น แต่ Coco Lee ยังเป็นที่ยอมรับในวงการแฟชั่น เป็นผู้ให้เสียงตัวการ์ตูนแอนิเมชัน และยังเป็นผู้ตัดสินในรายการประกวดร้องเพลงด้วย
- เหตุการณ์การสูญเสียบุคลากรสำคัญในวงการบันเทิงด้วย “โรคซึมเศร้า” ดังกล่าว ทำให้หลายคนเริ่มตระหนักถึงอันตรายจากโรคนี้และให้ความสำคัญกับการดูแลจิตใจคนใกล้ตัวมากขึ้น
หากพูดถึงนักร้องหญิงเชื้อสายเอเชียที่โด่งดังระดับโลก ผู้ซึ่งมีผลงานสร้างชื่อเสียงมากมาย และมีแฟนเพลงติดตามทั่วโลกแล้วล่ะก็.. ชื่อของ “Coco Lee” หรือ โคโค่ ลี คงเป็นชื่อแรกๆ ที่หลายคนนึกถึง เพราะเธอคือศิลปินนักร้องชาวฮ่องกงที่ได้รับการยอมรับว่าเป็นผู้บุกเบิกเส้นทางบันเทิงให้กับนักร้องชาวเอเชียรุ่นหลัง
ผลงานเพลงของเธอไม่ใช่แค่ผลงานธรรมดาทั่วไป แต่ยังมีเพลงดังประกอบภาพยนตร์ระดับโลกอีกมากมาย ได้แก่ เพลง Reflection จาก ภาพยนตร์แอนิเมชันค่ายดิสนีย์ Mulan, เพลง Before I Fall in Love จาก ภาพยนตร์ Runaway Bride และ เพลง A Love Before Time จากภาพยนตร์ Crouching Tiger, Hidden Dragon เป็นต้น
แม้ว่า Coco Lee จะเป็นศิลปินที่ประสบความสำเร็จและได้รับการยอมรับไปทั่วโลก แต่เธอก็ต้องเผชิญกับปัญหา “โรคซึมเศร้า” ที่ต้องพยายามต่อสู้กับอาการป่วยมานานหลายปี จนในที่สุดเธอก็ตัดสินใจลาจากโลกนี้ไปในวัยเพียง 48 ปีเท่านั้น หลังจากฝากผลงานเอาไว้ในวงการบันเทิงมายาวนานเกือบ 30 ปี ซึ่งข่าวคราวการสูญเสียเธอไปตลอดกาลนั้น สร้างความตกใจและเสียใจให้กับครอบครัวรวมถึงแฟนคลับทั่วโลกเป็นอย่างมาก
ภาพ Coco Lee จาก Manila Bulletin
- “Coco Lee” ศิลปินหญิงชาวเอเชีย ที่เป็นมากกว่านักร้อง
สำหรับ Coco Lee มีชื่อจริงว่า เฟเรน ลี เกิดเมื่อวันที่ 17 มกราคม 1975 เป็นหญิงสาวชาวเอเชียที่ชื่นชอบในการร้องเพลงมาตั้งแต่เด็ก ซึ่งช่วงนั้นครอบครัวของเธอย้ายไปอยู่ที่สหรัฐอเมริกา ต่อมาหลังจากจบการศึกษาชั้นมัธยมปลาย เธอได้มีโอกาสเรียนร้องเพลง ก่อนที่เธอจะเข้าประกวดร้องเพลงในรายการ New Talent Singing และได้รับรางวัลรองชนะเลิศ ทำให้ได้เซ็นสัญญากับค่ายเพลง Capital Artist ของฮ่องกงในเวลาต่อมา
ก่อนที่เธอจะมีชื่อเสียงหลังจากการเซ็นสัญญากับค่ายเพลงยักษ์ใหญ่อย่าง “Sony Music Entertainment” ในปี 1996 และได้ออกอัลบั้มเพลงสากลชุดแรก โดยใช้ชื่อของเธอเป็นชื่ออัลบั้ม ถือเป็นอัลบั้มที่มียอดขายสูงเป็นอันดับต้นๆ ของเอเชียในช่วงเวลานั้นขณะเดียวกันอัลบั้มภาษาจีนของเธออย่าง “Di Da Di” ก็มียอดขายประมาณล้านก๊อบปี้ด้วยเวลาเพียงไม่นาน
หลังจากนั้น Coco Lee ก็มีชื่อเสียงมากขึ้นเรื่อยๆ เพราะนอกจากเพลงประกอบภาพยนตร์จะเป็นหนึ่งในปัจจัยที่ทำให้เธอกลายเป็นที่รู้จักในระดับโลกแล้ว เธอยังมีโอกาสพากย์เสียงเป็นนางเอกให้กับภาพยนตร์แอนิเมชันชื่อดังอย่าง “Mulan” พร้อมทั้งได้ร้องเพลง Reflection ประกอบภาพยนตร์ในเวอร์ชันภาษาจีนกวางตุ้ง เนื่องจากเธอสามารถพูดได้ถึง 3 ภาษา คือ อังกฤษ จีนกวางตุ้ง และ ฝรั่งเศส ซึ่งในปี 2005 เธอก็ได้ร้องเพลงนี้ในงานเปิดตัวฮ่องกงดิสนีย์แลนด์อีกด้วย
นอกจากนี้ในปี 2001 เธอยังได้รับโอกาสให้ร้องเพลง “A Love Before Time” บนเวทีประกาศรางวัลออสการ์ ซึ่งถือว่าเป็นศิลปินเอเชียคนแรกๆ ที่ได้มีโอกาสบนเวทีนี้อีกด้วย และอีกหนึ่งผลงานเพลงที่เรียกได้ว่าเป็นสิ่งที่น่าจดจำและสร้างความประทับใจให้กับแฟนเพลงของเธอไปทั่วโลกก็คือ เพลง “Colors of the World” ซึ่งถูกนำไปใช้เป็นเพลงเปิดการแข่งขันฟุตบอลโลกในปี 1998
ภาพจาก : FB CocoLee117
ไม่ใช่แค่ผลงานเพลงหรือการพากย์เสียงให้ภาพยนตร์แอนิเมชันเท่านั้น แต่ Coco Lee ยังได้รับการยอมรับในวงการแฟชั่นอีกด้วย โดยในปี 2001 เธอได้สร้างประวัติศาสตร์ด้วยการเป็น “แบรนด์แอมบาสเดอร์” ของแบรนด์หรูชื่อดังอย่าง “Chanel” โดยเป็นคนเชื้อสายจีนคนแรกที่อยู่ในภูมิภาคเอเชียที่ได้รับตำแหน่งนี้ นอกจากเธอจะได้ร่วมเดินแฟชั่นโชว์แล้ว ยังมีโอกาสได้ใส่ชุดของ Chanel ไปเดินพรมแดงในงานประกาศผลรางวัลออสการ์ครั้งที่ 73 อีกด้วย ต่อมาในปี 2004 เธอ คว้าตำแหน่ง “โกลบอล แอมบาสเดอร์” ของแบรนด์นาฬิกาชื่อดังอย่าง “Omega” มาครองอีกด้วย
แม้ว่าในช่วงหลัง Coco Lee อาจจะไม่ได้มีผลงานเพลงหรือคอนเสิร์ตใหญ่มากเหมือนกับเมื่อก่อน แต่เธอก็ยังคงออกรายการเกี่ยวกับการประกวดร้องเพลงและรายการเรียลลิตี้ต่างๆ ของจีน ในฐานะกรรมการผู้ตัดสิน
- เมื่อโรคซึมเศร้า พรากชีวิตเธอไปตลอดกาล
แม้ว่า Coco Lee จะเป็นหนึ่งในศิลปินเอเชียที่ประสบความสำเร็จระดับโลกในหลายด้าน แต่เธอเองก็ต้องเผชิญปัญหาใหญ่ด้านสุขภาพมาอย่างยาวนาน นั่นก็คือ “โรคซึมเศร้า” ซึ่งครอบครัวของเธอเปิดเผยว่าเธอมีอาการป่วยมานานหลายปีแล้ว ทำให้เธอตัดสินใจพยายามฆ่าตัวตายเมื่อวันอาทิตย์ที่ 2 ก.ค. ที่ผ่านมา แม้ว่าในช่วงแรกแพทย์จะสามารถช่วยชีวิตเธอไว้ได้ แต่สุดท้ายเธอก็เสียชีวิตลงเมื่อวันที่ 5 ก.ค. ซึ่งครอบครัวของเธอออกมาประกาศข่าวเศร้าในครั้งนี้ผ่านช่องทางโซเชียลมีเดีย พร้อมขอให้สื่อมวลชนและแฟนเพลงให้พื้นที่ความเป็นส่วนตัวกับเธอและครอบครัวด้วย
ภายนอก Coco Lee คือศิลปินที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดคนหนึ่ง แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเธอจะหนีจากอาการซึมเศร้าไปได้ เนื่องจากสาเหตุของโรคซึมเศร้านั้นเกิดขึ้นได้จากหลายปัจจัย ทั้งสารเคมีในสมอง พันธุกรรม ฮอร์โมน และสภาพแวดล้อมภายนอก
แม้ว่าเราจะไม่รู้ว่าสาเหตุแท้จริงที่ทำให้เธอป่วยนั้นเกิดจากอะไร แต่จากเรื่องราวของเธอก็ทำให้ใครหลายคนตระหนักได้ว่า การใส่ใจรายละเอียดของตนเองและคนใกล้ตัวนั้นสำคัญกว่าที่คิด เพราะในบางครั้งผู้ป่วยโรคซึมเศร้าอาจส่งสัญญาณบางอย่างว่าพวกเขากำลังต้องการความช่วยเหลือ โดยสัญญาณต่างๆ ที่ผิดปกติ ได้แก่ นอนน้อยหรือนอนมากกว่าปกติ, อารมณ์ไม่คงที่, หงุดหงิดฉุนเฉียวง่าย, ไม่มีสมาธิ, เหนื่อยง่าย, กินอาหารน้อยหรือมากเกินไป, เริ่มเก็บตัวเงียบไม่สุงสิงกับคนอื่น หรือ หมดความสนใจในกิจกรรมที่ตนเองเคยชอบ เป็นต้น
ภาพจาก : FB Coco Lee117
แม้ว่าในปัจจุบันจะยังไม่มีการป้องกัน “โรคซึมเศร้า” ที่ได้ผล 100% แต่ทุกคนก็สามารถดูแลตัวเองได้ในเบื้องต้น ดังนี้
- รับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ เพราะหากขาดสารอาหารบางอย่างไป จะยิ่งมีความเสี่ยงเป็นโรคซึมเศร้า เช่น โอเมก้า 3 วิตามิน อี ซี ดี ทองแดง ธาตุเหล็ก
- ออกกำลังกายเป็นประจำอย่างน้อย 4 วันต่อสัปดาห์ ต่อเนื่องกัน 30-40 นาที
- นอนหลับให้เพียงพอกับที่ร่างกายต้องการ
- ทดลองฝึกการทำสมาธิ (Mindfulness) เพื่อผ่อนคลายจิตใจ ให้สมองผ่อนคลาย ลดความเครียด
- ฝึกคิดบวกกับตัวเองอยู่เสมอ
- เมื่อเริ่มรู้สึกมีปัญหาหรือไม่สบายใจ ให้ลองพูดคุยปรึกษา หรือขอความช่วยเหลือจากคนใกล้ตัว
นอกจากนี้ผู้ที่อยู่กับผู้ป่วยโรคซึมเศร้านั้นถือว่ามีความสำคัญต่อผู้ป่วยมาก เนื่องจากมีความใกล้ชิดและสามารถช่วยให้อาการของผู้ป่วยดีขึ้นได้ เช่น
- รับฟังผู้ป่วยอย่างเต็มที่ เพื่อให้เขาได้ระบายความในใจออกมา ซึ่งจะทำให้ผู้ป่วยลดความอึดอัดลงได้และรู้สึกผ่อนคลายมากขึ้น
- ทำความเข้าใจว่าโรคซึมเศร้าคืออาการป่วยที่จำเป็นต้องรักษาและมีโอกาสหายได้ ไม่ใช่เรื่องที่ผู้ป่วยคิดไปเองหรือเรียกร้องความสนใจ
- ยอมรับข้อจำกัดของผู้ป่วย โดยเฉพาะความไม่มั่นคงทางอารมณ์
- ให้กำลังใจผู้ป่วย โดยที่ไม่พยายามตัดสินว่าพวกเขาผิดหรือถูก
สุดท้ายนี้แม้ว่า “Coco Lee” จะจากโลกนี้ไปอย่างไม่มีวันกลับ ด้วยปัญหาจาก “โรคซึมเศร้า” แต่ผลงานและความสำเร็จในฐานะศิลปินหญิงชาวเอเชียจะยังคงอยู่ในใจแฟนเพลงตลอดไป และที่สำคัญเรื่องราวของเธอจะทำให้คนในสังคมหันมาให้ความสำคัญกับผู้ป่วยโรคซึมเศร้าเพิ่มขึ้นไม่มากก็น้อย
อ้างอิงข้อมูล : The Economic Times, iSTRONG, รพ.บำรุงราษฎร์ และ รพ.เมดพาร์ค