‘เทย์เลอร์ สวิฟต์’ จากนักร้องคันทรี สู่บุคคลแห่งปี 2023

‘เทย์เลอร์ สวิฟต์’ จากนักร้องคันทรี สู่บุคคลแห่งปี 2023

ส่องความสำเร็จในปี 2023 ของ “เทย์เลอร์ สวิฟต์” ทั้งความโดดเด่นในแง่งานเพลง ทัวร์คอนเสิร์ต และอิทธิพลของเธอที่มีต่อวงการต่าง ๆ จนนิตยสาร “TIME” ยกให้เป็น “บุคคลแห่งปี” พร้อมเปิดก้าวต่อไปในปี 2024 จะมีอะไรให้ติดตามบ้าง

ปีนี้ถือเป็นปีทองของศิลปินขวัญใจคนทั้งโลกอย่าง “เทย์เลอร์ สวิฟต์” ด้วยผลงานที่โดดเด่นมากมาย  ทั้งเพลงฮิตติดชาร์ตที่มีต่อเนื่องตลอดทั้งปี ถูกยกให้เป็นศิลปินแห่งปีจากหลากหลายสื่อ มีทัวร์คอนเสิร์ตที่ทำรายได้สูงเป็นประวัติการณ์และช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจในเมืองต่าง ๆ ที่เธอไปแสดงคอนเสิร์ต มีมูลค่าของสินทรัพย์สุทธิถึง 1,100 ล้านดอลลาร์ กลายเป็นศิลปินคนแรกที่ถูกเรียกว่า “มหาเศรษฐี” โดยอ้างอิงจากมูลค่าของเพลงและการแสดงเพียงอย่างเดียว 

ทั้งหมดนี้ทำให้นิตยสาร “TIME” ประกาศให้สวิฟต์กลายเป็น “บุคคลแห่งปี” ประจำปี 2023 นับเป็นศิลปินหญิงคนแรกที่ได้ครองตำแหน่งนี้ และเป็นหนึ่งในผู้หญิงไม่กี่คนที่ได้รับคัดเลือก

 

  • ปีทองของเทย์เลอร์ สวิฟต์ 

เทย์เลอร์ สวิฟต์ เป็นหนึ่งในศิลปินที่โด่งดังที่สุดในยุคนี้ ตลอดปี 17 ที่ผ่านมาในวงการดนตรีมีผลงานฮิตและมาสเตอร์พีซมากมายนับไม่ถ้วน ประสบความสำเร็จทั้งด้านชื่อเสียงและรางวัล แต่ขณะเดียวกันสวิฟต์ก็ต้องฝ่าฟันกับอุปสรรคหลายครั้งหลายครา ที่หนักสุดคงหนีไม่พ้นเรื่องที่ถูกกล่าวหาว่าเป็น “นังงูพิษ” ซึ่งส่งผลกระทบต่อสภาพจิตใจของเธอไปน้อย รวมไปปัญหาลิขสิทธิ์ผลงานเพลง 6 อัลบั้มแรกของสวิฟต์ที่ตกอยู่ในมือ “สกูเตอร์ บรอน” อดีตผู้จัดการของศิลปินดังของจัสติน บีเบอร์ และ อารีอานา กรานเด จนต้องประกาศอัดอัลบั้มใหม่ทั้งหมด ในชื่อ “Taylor's Version” และประสบความสำเร็จกว่าเดิม 

ในปี 2023 ผลงานเพลงของสวิฟต์ยังคงได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่อง ปีนี้เธอมีเพลงฮิตติดอันดับ 1 Billboard Hot 100 ถึง 3 เพลงด้วยกัน คือ “Anti-Hero” ที่ดังต่อเนื่องมาจากปลายปี 2022 “Cruel Summer” เพลงจากอัลบั้มเก่าที่กลับมาติดชาร์ตอีกครั้ง และ “Is It Over Now?” เพลงใหม่ที่เพิ่มมาจากอัลบั้ม “1989 (Taylor's Version)” โดย Billboard ยกให้สวิฟต์เป็นศิลปินแห่งปี (Top Artist)

“เธอยังคงอัพเลเวลของตัวเองอยู่เสมอ” คอลิน สตัทซ์ ผู้อำนวยการฝ่ายข่าวของนิตยสาร Billboard กล่าว โดยสตัทช์ยกย่องให้สวิฟต์เป็นศิลปินที่ประสบความสำเร็จในระดับเดียวกับศิลปินในตำนานอย่าง เดอะบีเทิลส์ เอลวิส เพรสลีย์ และไมเคิล แจ็กสัน

สวิฟต์สร้างสถิติไว้ให้วงการเพลงมากมาย ไม่ว่าจะเป็น ศิลปินหญิงที่ทำยอดขายอัลบั้มสูงสุดจากอัลบั้ม “1989 (Taylor's Version)” ด้วยยอดขาย 1.6 ล้านชุด และอัลบั้มนี้เป็นอัลบั้มลำดับ 13 ของเธอที่สามารถขึ้นอันดับ 1 ชาร์ต Billboard 200 ได้สำเร็จ ทำให้เธอเป็นศิลปินหญิงที่มีอัลบั้มขึ้นอันดับ 1 บนชาร์ตดังกล่าวมากที่สุด พร้อมพ่วงตำแหน่งศิลปินที่มีอัลบั้มที่ทำยอดขายมากกว่า 1 ล้านชุดภายในสัปดาห์แรกมากที่สุดนับตั้งแต่ปี 1991 

รวมถึงเป็นศิลปินที่มียอดสตรีมเพลงบนสูงสุดในปี 2023 ทั้งบน Spotify และ Apple Music โดยมียอดสตรีมมากกว่า 26,100 ล้านครั้งบน Spotify ขณะที่ Apple Music ประกาศว่าสวิฟต์เป็นศิลปินหญิงที่มียอดสตรีมสูงสุด

  • คอนเสิร์ตกระตุ้นเศรษฐกิจ

The Eras Tour” คอนเสิร์ตนี้ถือเป็นคอนเสิร์ตครั้งแรกในรอบ 5 ปีของสวิฟต์ และเป็นคอนเสิร์ตที่รวมเพลงฮิตจากทุกอัลบั้มของเธอ ทำรายได้ไปแล้วกว่า 4,100 ล้านดอลลาร์ หากคิดเฉพาะในสหรัฐคอนเสิร์ตนี้มียอดขายตั๋วไปแล้วกว่า 900 ล้านดอลลาร์ 

การตระเวนจัดแสดงคอนเสิร์ตของสวิฟต์ตามเมืองต่าง ๆ ทำให้เหล่าสวิฟตี้ แฟนคลับของเธอและเหล่าคนดังแห่แหนกันเข้าไปในเมืองที่จัดแสดงคอนเสิร์ต ซึ่งทำให้เกิดการจับจ่ายใช้สอยภายในชุมชน โดยนิตยสาร TIME ระบุว่า คอนเสิร์ตครั้งนี้สร้างเม็ดเงินหมุนเวียนกระตุ้นเศรษฐกิจในสหรัฐไปแล้ว 5,700 ล้านดอลลาร์

ประมาณการว่าโดยเฉลี่ยแล้วผู้ชมคอนเสิร์ตในแต่ละรอบจะสร้างเม็ดเงินให้แก่ชุมชนได้ราว 93 ล้านดอลลาร์ 

รายงานของเฟดประจำเดือนก.ค. ระบุว่า ช่วงที่เทย์เลอร์ สวิฟต์มาจัดคอนเสิร์ต เมื่อเดือนพ.ค.ที่ผ่านมา กลายเป็นช่วงที่สร้างรายได้ให้กับโรงแรมในฟิลาเดลเฟียมากที่สุด นับตั้งแต่เริ่มเข้าสู่ยุคโควิด-19 เป็นต้นมา ขณะที่รายงานของรัฐโคโลราโดเปิดเผยว่า การแสดงคอนเสิร์ตสองรอบในเมืองเดนเวอร์ ทำให้มีเงิน 140 ล้านดอลลาร์หมุนเวียนในเมือง ส่วนรายงานของศูนย์การจ้างงานและเศรษฐกิจแห่งแคลิฟอร์เนียระบุว่า คอนเสิร์ต 6 คืนในลอสแองเจลิสสร้างงาน 3,300 ตำแหน่ง จะมีเงินในระบบเศรษฐกิจถึง 320 ล้านดอลลาร์

การขับเคลื่อนเศรษฐกิจอันเป็นผลพวงจากการจัดคอนเสิร์ตของสวิฟต์ทำให้เมืองเกลนเดลจะเปลี่ยนเชื่อเมืองเป็น “สวิฟต์ ซิตี้” (Swift City) ชั่วคราวเป็นเวลาหนึ่งสัปดาห์ เพื่อต้อนรับการมาทัวร์คอนเสิร์ตของเธอ และทำให้เกิดปรากฏการณ์นักการเมืองและผู้นำจากประเทศต่าง ๆ เรียกร้องให้นักร้องคนดังมาจัดคอนเสิร์ตในประเทศของตน

นอกจากนี้ สวิฟต์ได้นำบันทึการแสดงคอนเสิร์ตครั้งนี้มาทำเป็นภาพยนตร์ในชื่อ “Taylor Swift: The Eras Tour” กวาดรายได้ทั่วโลกไปถึง 250 ล้านดอลลาร์ ขึ้นแท่นภาพยนตร์คอนเสิร์ตที่ทำรายได้สูงสุดในโลกอีกด้วย 

 

  • บุคคลแห่งปี

อิทธิพลของสวิฟต์ไม่ได้มีอยู่แค่ในวงการเพลง เธอยังมีบทบาทในด้านการเรียกร้องความเท่าเทียมทางเพศ ต่อสู้เพื่อสิทธิสตรีและความหลากหลายทางเพศ รวมถึงรณรงค์ให้ชาวสหรัฐออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งอยู่เสมอ จนมีสวิฟตี้ลงทะเบียนใช้สิทธิเลือกตั้งผ่าน Vote.org ณ วันที่เธอแชร์ลิงก์ลงในอินสตาแกรม จำนวน 35,252 คน เพิ่มขึ้น 22.5% จากวันปรกติ

สวิฟต์ยังทำให้ผู้คนหันมาสนใจอเมริกันฟุตบอลเพิ่มขึ้นอีก โดยเฉพาะในหมู่หญิงสาว  NBC Sports รายงานว่าการถ่ายทอดสดการแข่งขันอเมริกันฟุตบอลนัดคืนวันเสาร์มีผู้ชมผู้หญิงเพิ่มขึ้นราว 2 ล้านคน หลังจากศิลปินหญิงออกเดตกับ “ทราวิส เคลเซ” ผู้เล่นของทีม Kansas City Chiefs นอกจากนี้ Fanatics เว็บไซต์ขายสินค้ากีฬาระบุว่า ยอดขายเสื้อเคลเซเพิ่มขึ้นถึง 400% ในวันที่มีภาพสวิฟต์ไปดูการแข่งขันของเขา

ในมหาวิทยาลัยชั้นนำของโลก เช่น มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด มหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด มีการเปิดสอนรายวิชาเกี่ยวกับสวิฟต์ ทั้งในแง่ของผลงานการแต่งเพลง อิทธิพลและชื่อเสียงของเธอ ตลอดจนมุมมองที่มีต่อรัฐบาลของเธอ 

ทั้งหมดนี้จึงเป็นเหตุผลที่นิตยสาร TIME จะยกให้สวิฟต์เป็นบุคคลแห่งปี โดยเธอได้ให้สัมภาษณ์กับ TIME ว่า “ในช่วง 20 ปีที่ผ่านมา ฉันถูกสาธารณชนชื่นชมและโจมตีบ่อยครั้ง เหมือนกับฉันได้มงกุฎแล้ว แต่ก็ถูกกระชากออกไป”

“ตอนนี้เหมือนกับอาชีพการงานของฉันก้าวหน้าไปไกล ซี่งเกิดขึ้นในตอนที่ฉันอายุ 33 และเป็นครั้งแรกในชีวิตที่จิตใจของฉันเข้มแข็งพอที่จะรับมือกับสิ่งที่มาพร้อมกับมัน”

‘เทย์เลอร์ สวิฟต์’ จากนักร้องคันทรี สู่บุคคลแห่งปี 2023 เทย์เลอร์ สวิฟต์บนปกนิตยสาร TIME

 

  • ก้าวต่อไปของเทย์เลอร์ สวิฟต์

สำหรับในปี 2024 สวิฟต์ยังคงเดินหน้าทัวร์ของเธอต่อไป ในเอเชีย ออสเตรเลีย ยุโรป และสิ้นสุดที่แวนคูเวอร์ แคนาดา ในช่วงต้นเดือนธ.ค. ซึ่งมีแนวโน้มว่าสวิฟต์อาจเพิ่มรอบทัวร์คอนเสิร์ตในประเทศต่าง ๆ หลังจากนี้อีก จากการคาดการณ์ของ Billboard ภายในปี 2024 คอนเสิร์ตของสวิฟต์จะทำรายได้เพิ่มขึ้นอีกสองเท่า และขึ้นแท่นทัวร์คอนเสิร์ตที่ทำรายได้มากที่สุดในโลก แซงหน้า “Farewell Yellow Brick Road Tour” ของ เอลตัน จอห์น

สำหรับงาน “แกรมมี่ อวอร์ด” ครั้งที่ 66 ซึ่งจะจัดขึ้นในวันที่ 4 ก.พ. เป็นไปได้ที่สวิฟต์จะไปร่วมงานด้วยเนื่องจากเธอถูกเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลถึง 6 สาขา รวมถึงสาขาใหญ่อย่าง “อัลบั้มแห่งปี” จากอัลบั้ม “Midnight” หากอัลบั้มนี้ได้รับรางวัลอัลบั้มแห่งปีจะทำให้สวิฟต์กลายเป็นศิลปินที่ชนะรางวัลนี้มากที่สุด ส่วน “Anti-Hero” ได้เข้าชิงสาขา “เพลงแห่งปี” และ “บันทึกเสียงแห่งปี” อีกด้วย 

 

หากนักร้องขวัญใจคนทั่วโลกใช้รูปแบบเดิมในการปล่อยผลงานเพลงเหมือนที่ผ่าน ๆ มา ในปีหน้าสวิฟต์จะจบซีรีส์ปล่อยอัลบั้มรีเรคคอร์ด ซึ่งก็คือ “Reputation (Taylor’s Version)” และ “Taylor Swift (Taylor’s Version)” และอาจจะปล่อยอัลบั้มใหม่ชุดที่ 11 ด้วย 

สวิฟต์เล่าว่าในตอนแรกเธอไม่มั่นใจกับการทำอัลบั้มรีเรคคอร์ด แม้ว่าเคลลี คลาร์กสัน และพ่อของเธอจะแนะนำให้ทำก็ตาม แต่ในที่สุดแล้วสวิฟต์ก็เลือกจะท้าทายตนเองอีกครั้ง 

“มันขึ้นอยู่ว่าคุณจัดการกับความสูญเสียอย่างไร ฉันเลือกจะตอบสนองต่อความเจ็บปวดที่สุดด้วยการท้าทายมัน” 

สำหรับสวิฟต์แล้ว การอัดอัลบั้มใหม่อีกครั้งเป็นเหมือนการทำภารกิจในตำนาน “ฉันกำลังสะสมฮอร์ครักซ์ ฉันกำลังรวบรวมอินฟินิตี้ สโตน เสียงของแกนดาล์ฟอยู่ในหัวของฉันทุกครั้งที่ปล่อยอัลบั้มเวอร์ชันใหม่ สำหรับฉันตอนนี้มันเป็นหนังแล้ว”

ชื่อเสียงและความนิยมของเทย์เลอร์ สวิฟต์ยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง แม้ว่าเธอจะอยู่ในวงการมานานแล้วก็ตาม ซึ่งไม่ใช่เรื่องง่ายและไม่ใช่ทุกคนจะรักษาชื่อเสียงของตนเองไว้ได้ เป็นเรื่องที่น่าสนใจว่าในอนาคตสวิฟต์จะนำอะไรมาให้ผู้ฟังได้ตื่นเต้น และสร้างปรากฏการณ์อะไรแก่วงการเพลงอีก แต่ที่แน่ ๆ ในตอนนี้เธอได้กลายเป็นหนึ่งในศิลปินที่ประสบความสำเร็จที่สุดในโลก เรียกว่า “ตำนาน” ได้อย่างเต็มปาก

‘เทย์เลอร์ สวิฟต์’ จากนักร้องคันทรี สู่บุคคลแห่งปี 2023


ที่มา: BBCForbesInsiderReutersTIME