ผู้กำกับ Dune: Part Two ลั่น “ใครดัดแปลงนิยาย มันผู้นั้นคือกบฏ”
ผู้กำกับมหากาพย์ภาพยนตร์ Dune: Part Two ไม่ได้ ‘ดัดแปลง’ นิยาย เพียงแค่ ‘ตีความ’ พร้อมประกาศลั่น ใครดัดแปลงนิยายไซไฟสุดคลาสสิกเรื่องนี้ถือว่าเป็น ‘กบฎ’
“ในฐานะคนทำหนัง ผมพยายามไม่ให้เห็นตัวเองมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ผมพยายามเต็มที่ที่จะเก็บรักษาความเป็นบทกวีของหนังสือ บรรยากาศ สีสัน กลิ่น ทุกสิ่งทุกอย่างที่ผมรู้สึกตอนอ่านหนังสือเอาไว้”
เดอนี วีลเนิฟว์ ให้สัมภาษณ์นิตยสาร Time เอาไว้ถึงความตั้งใจอันแน่วแน่ของตัวเองในอันที่จะ ‘รักษาจิตวิญญาณของหนังสือ’ เรื่อง Dune (ดูน) เอาไว้ให้มากที่สุดเมื่อหยิบมาทำเป็นหนังที่ตอนนี้ออกมาถึง ‘Dune: Part Two - ดูน ภาคสอง’ แล้ว
นั่นเป็นเพราะวีลเนิฟว์ ผู้หลงรักนิยายเรื่อง Dune ของแฟรงก์ เฮอร์เบิร์ต มาตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้อ่านตอนอายุ 14 มีมุมมองที่ค่อนข้างสุดโต่งว่า ใครก็ตามที่ดัดแปลงนิยายไซไฟสุดคลาสสิกเรื่องนี้ที่ส่งอิทธิพลต่อโลกมาเป็นเวลานานกว่า 50 ปี นับตั้งแต่ออกตีพิมพ์เมื่อปี 1965 ถือว่าทำความผิดร้ายแรงเข้าขั้น ‘ก่อการกบฎ’ กันเลยทีเดียว
“เมื่อคุณดัดแปลง คุณฆ่ามัน คุณทำลายมันในกระบวนการเปลี่ยนแปลงนั้น จากถ้อยคำไปเป็นภาพ คือการดัดแปลงของผม ด้วยเซนส์ของผม”
Credit : JUNG YEON-JE / AFP
เดอนี วีลเนิฟว์ ผู้กำกับชาวแคนาดาเชื้อสายฝรั่งเศส วัย 56 ปี มีผลงานการกำกับภาพยนตร์ออกมาค่อนข้างน้อย แต่มีคุณภาพคับแก้วทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นงานเปิดตัวอย่าง Incendies (2010) ตามด้วย Sicario (2015), Arrival (2016) และ Blade Runner 2049 (2017) ก่อนจะมาถึง Dune ภาคแรก ปี 2021 และ Dune: Part Two ในปี 2024 นี้
เขายังคงยึดมั่นในการทำหนังแบบเก่า เน้นการทำหนังให้คนดูได้ครุ่นคิด ไตร่ตรอง งานด้านภาพงดงามเกินบรรยาย แล้วในยุคสมัยที่คนทำหนังจำนวนไม่น้อยหันไปทำงานที่เล็กลง เพื่อป้อนแพลตฟอร์มสตรีมมิงกันมากขึ้น เดอนี วีลเนิฟว์ กลับทำหนังยิ่งใหญ่อลังการในระบบ full IMAX แถมยังประกาศก้องว่า "ภาพยนตร์จงเจริญ"
‘พอล อะเทรดีส’ ต้องเป็น ‘ทิโมธี ชาลาเมต์’ เท่านั้น
Dune (ดูน) ทั้งสองภาคแสดงให้เห็นถึงความประณีตบรรจง และใส่ใจรายละเอียดทุกอย่างของเดอนี วีลเนิฟว์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องของนักแสดงที่เขาบอกว่า ทิโมธี ชาลาเมต์ คือตัวเลือกแรกที่เขาต้องการให้มารับบท ‘พอล อะเทรดีส’ แล้วหลังจากนั้นค่อยคัดเลือกนักแสดงคนอื่นที่เขากันได้กับทิโมธี
“เขามีความเป็นชนชั้นสูงอยู่ในตัว คุณรู้สึกได้ถึงความชาญฉลาดในตาเขา แล้วเขาก็ดูหนุ่มมากบนจอ ผมต้องการความอ่อนเยาว์แบบนั้น ความเปิดเผยตรงไปตรงมาแบบนั้น แล้วก็ความเปราะบางไม่มั่นคงของชายหนุ่มที่ต่อสู้ดิ้นรนกับอัตลักษณ์ของตัวเอง พยายามหาจุดนั้น”
landscape ก็คือใบหน้ามนุษย์
วีลเนิฟว์ตัดสินใจมาตั้งแต่แรกแล้วว่า Dune จะถ่ายทำโดยการโคลสอัพใบหน้าชนิดใกล้สุด ๆ กับการถ่ายภาพแลนด์สเคป
“มันเอ็กซ์สตรีมสุด ๆ ภูมิทัศน์กับใบหน้ามนุษย์ ใบหน้ามนุษย์ก็เป็นแลนด์สเคปในตัวมันเองอยู่แล้ว แลนด์สเคปเปลี่ยนไปตามแสง ทุกวันต่างกันออกไป ซึ่งมันเป็นสิ่งเดียวกันกับใบหน้ามนุษย์”
บทความจาก time.com ระบุว่าเดอนี วีลเนิฟว์พยายามถ่ายทำจากของจริงให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ โดยความตั้งใจของเขาคือ”ถ่ายภูมิทัศน์จริงตลอดเวลา โดยใช้แสงธรรมชาติ และแสงจริง”
เราจะได้ดู Dune: Part Three กันหรือไม่
แฟรงก์ เฮอร์เบิร์ต เขียนนิยายเรื่อง Dune เอาไว้ทั้งสิ้น 6 เล่ม แต่ในส่วนของภาพยนตร์นั้น เดอนี วีลเนิฟว์ ยืนยันว่าเขาจะทำอย่างมากสุดก็แค่ 3 ภาค
“ถ้าผมทำมันเป็นหนังไตรภาคสำเร็จ คงจะเป็นความฝันเลยทีเดียว” เดอนี วีลเนิฟว์ให้สัมภาษณ์ Empire นิตยสารภาพยนตร์ชื่อดังเอาไว้ในนิตยสารฉบับพิเศษที่มีภาพปกเป็น Dune: Part Two แถมเขายังเปิดเผยว่าภาค 3 จะอิงเนื้อหาจากนิยายเรื่อง Dune Messiah อีกด้วย
“Dune Messiah เขียนขึ้นเพื่อตอบรับข้อเท็จจริงที่ว่าในตอนนี้คนมอง พอล อะเทรดีสเป็นวีรบุรุษไปแล้ว ซึ่งมันไม่ใช่สิ่งที่เขาต้องการเลย”
ทั้งนี้ วีลเนิฟว์สร้างหนัง 2 ภาคมาจากนวนิยายเรื่อง Dune เพียงเล่มเดียว ส่วนหนังภาค 3 นั้น ถ้ามีก็จะอ้างอิงจาก Dune Messiah ซึ่งเป็นนิยายเล่ม 2 ที่พูดถึงบทสรุปเรื่องราวของพอล อะเทรดีส นับว่าเหมาะสมด้วยประการทั้งปวงที่จะทำเป็นหนังปิดไตรภาค
Credit : JUNG YEON-JE / AFP
อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันภาพยนตร์เรื่อง Dune: Part Three ยังไม่ได้รับการอนุมัติให้สร้างอย่างเป็นทางการจากค่ายวอร์เนอร์ บราเธอร์ส แต่ถ้าหากพิจารณาจากความสำเร็จของภาคสองแล้ว มีความเป็นไปได้ค่อนข้างสูงว่าเราจะได้รับชมมหากาพย์ภาพยนตร์เรื่องนี้กันครบไตรภาค
ในส่วนของเดอนี วีลเนิฟว์นั้น เขาบอกว่าเขียนบทภาค 3 เสร็จเรียบร้อยแล้ว แต่ด้วยความที่ใช้เวลาสร้าง Dune ทั้งสองภาคไปเป็นเวลาร่วม 6 ปี เขาจึงอยากจะพัก หันไปทำโปรเจคต์อื่นคั่นเวลาก่อนแล้วค่อยกลับมาทำ Dune: Part Three ให้เราดูกันใหม่ โดยตอนนี้หนังที่เขาทำอยู่มีด้วยกันถึง 4 เรื่องคือ Dune Messiah, Rendezvous with Rama, Cleopatra และ Secret project
สัมผัสความยิ่งใหญ่อลังการของ ‘Dune: Part Two – ดูน ภาคสอง’ ที่นักวิจารณ์ยกให้เป็น ‘ภาพยนตร์แห่งปี’ ได้แล้ววันนี้ในโรงภาพยนตร์
Credit : เรียบเรียงข้อมูลจาก time.com, empireonline.com, variety.com, polygon.com