"นนกุล" หยอดหวานถึง "แอฟ" รู้สึกอิ่มในรักบริสุทธิ์ ขอคุยกับคนนี้แค่คนเดียว
พระเอกหนุ่ม "นนกุล ชานน" เปิดใจเล่าเส้นทางชีวิตในวงการบันเทิง หยอดหวานขอคุยกับคนนี้แค่คนเดียว รู้สึกอิ่มในรักบริสุทธิ์ที่ "แอฟ ทักษอร" มอบให้
ถึงคราวพระเอกหนุ่มหน้าใส "นนกุล - ชานน สันตินธรกุล" มาร่วมคุยในรายการ WOODY FM พร้อมเปิดใจเล่าชีวิตที่เป็น Introvert ไม่ชอบเข้าหาใคร และอัปเดตหัวใจตอนนี้รู้สึกอิ่มในความรักบริสุทธิ์ที่ "แอฟ ทักษอร" มอบให้
เป็นคนที่ทุ่มเทและจริงจังในการแสดงมากๆ เริ่มคลั่งไคล้ในศาสตร์การแสดงตั้งแต่เมื่อไหร่?
นนกุล : ผมจำชื่อผู้กำกับท่านหนึ่งไม่ได้แต่ว่าเขาเป็นคนแรกที่ทำให้จุดประกายความชอบ จำไม่ได้ว่าหนังสั้นหรือโฆษณา ซึ่งวันนั้นผมเป็นเด็กที่ยังไม่รู้ว่าจะทำอะไรในชีวิตเลย ยังไม่มีความฝัน ยังไม่มีอะไร พอเราได้ลองไปแคชงานแล้วงานนั้นมันได้ หลังจากจบงาน ผู้กำกับก็มาพูดแค่ประโยชน์ง่ายๆว่า พี่ชอบแอ็คติ้งของเรานะ พอเราเป็นเด็กที่ยังไม่มีความฝันอะไร การที่เราได้มาอยู่ในโลกของมืออาชีพแล้วเราได้รับคำชม เลยมีแรงบันดาลใจว่า ถ้าเราไปต่อล่ะจะไปได้ถึงไหน แล้วเราลองฝันให้ใหญ่สุดๆ ไปเลยไหม ได้ไม่ได้ไม่ว่ากัน ก็น่าจะนำพาให้เราไปสู่จุดที่ดีได้ ก็เลยเป็นที่มาว่าช่วงแรกๆ ของวงการเวลาไปสัมภาษณ์ที่ไหนผมก็จะบอกว่าอยากไปฮอลลีวูดครับ
การฝันใหญ่เป็นเรื่องสำคัญ ล่าสุดที่คุณบอกว่าไฟไม่แรงเหมือนสมัยก่อนแล้ว ตอนนี้พลังงานในตัวคุณอยู่ระดับไหน?
นนกุล : ช่วงนี้น่าจะ 60-70 ครับ มันเหมือนกันว่าพอเรามาถึงจุดหนึ่ง มันจะไม่เหมือนสมัยก่อนที่เรายังไม่มีอะไรเลย หมายถึงการไม่มีคอนเนคชั่นในวงการเลย ไม่มีความรู้เกี่ยวกับวงการบันเทิงเลย แล้วความที่อยากรู้อยากได้ อยากค้นหาขนขวาย แล้วยังไม่มีใครรู้จัก อันนั้นมันคือสิ่งที่สนุก มันเฟรชสำหรับเรา ได้เจอเพื่อนนักแสดงใหม่ๆ ได้ลองงานอะไรใหม่ๆ ก็ได้เห็นการเติบโตของเราที่มันเร็วมากในช่วงที่เริ่มต้น พอมันผ่านมาหลายปีคือทุกๆ ช่วงเวลาของชีวิตมันจะชอบมีช่วงกราฟที่สูงขึ้น แต่พอถึงจุดหนึ่งก็จะเริ่มช้า เริ่มยาก ซึ่งเราคิดว่าเก่งขึ้นกว่าแต่ก่อน ทำได้ดีกว่าเมื่อก่อนอีกนะ แต่ทำไมมันยากเหลือเกินในการที่เราจะขยับไปข้างหน้ากว่านี้ ก็เลยมีความรู้สึกเอื่อยๆ ไฟมันหมดไหมก็คงบอกว่ายัง
เพิ่งทราบว่าคุณเป็น Introvert?
นนกุล : เป็นครับ ผมชอบว่านั่งทำแบบทดสอบ MBTI ซึ่งก็ได้ I ทุกครั้ง แล้วก็สังเกตุธรรมชาติตัวเองนะครับว่าผมเป็นคนที่ไม่ชอบเข้าหาใคร แล้วก็ไม่พยายามด้วย และไม่ได้รู้สึกว่าตัวเองเดือดร้อนอะไรด้วย ชอบอยู่คนเดียวมากกว่าอยู่หลายๆ คน ไปผับก็จะไม่ค่อยชอบไปคุยกับใคร คุยตามมารยาทได้ แต่ถ้าเกิดอยู่คนเดียวผมทำทุกอย่างเองได้หมด ดูหนัง กินข้าว ฟิตเนส สบายมากครับ
การเปิดใจให้ใครหรืออยากเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของคนๆหนึ่ง สำหรับคนที่เป็น Introvert เอาพลังงานจากไหนมาคุย?
นนกุล : ผมว่านิสัยส่วนตัวมันไม่สามารถสู้สัญชาตญาณดิบเถื่อนของมนุษย์ได้ สุดท้ายแล้วผมมองว่ามนุษย์ก็เป็นสัตว์สังคมอยู่ดี เราก็คงอยากมีคู่อยากอะไรแบบนี้ เราจะเหนื่อยเวลาคนคุยเยอะๆ เพราะฉะนั้นเป็นข้อได้เปรียบของ Introvert ตรงที่ว่าพอเราเหนื่อยที่จะคุยกับคนเยอะๆ เราก็ขอแค่คุยกับคนๆ นี้แค่คนเดียว แล้วเราก็พอแล้ว จริงๆ ผมก็ไม่รู้จะตอบพี่วู้ดดี้ยังไง มันคงเป็นแค่ความก็เขาน่ารักดี สวยดี ฉันอยากอยู่ด้วยกับเขา ไม่มีอะไรซับซ้อน
แล้วพลังงานที่ได้กลับมาจาก แอฟ ทักษอร เป็นแบบไหน?
นนกุล : ผมรู้สึกว่าความรักพี่เขามันบริสุทธิ์มาก หมายความว่ามันมีความรู้สึกบางอย่างที่ผมสัมผัสจากพี่เขาแล้วได้รับความรักจากผู้หญิงที่เด็กและโตในเวลาเดียวกัน มันบริสุทธิ์เหมือนเด็กมากๆ ในขณะเดียวกันก็มีเชิงเหมือนผู้ใหญ่ ถ้าชอบอะไรก็บอกว่าชอบ แล้วถ้าเกิดเขาบอกว่ารู้สึกดีกับผมเขาก็พูดแบบใสมากๆ จนบางทีเรายังตกใจเลย รู้สึกว่าพี่เขาก็มีประสบการณ์ความรักมากกว่าผมเยอะเลย แต่ว่าทุกวันนี้เขาก็ยังเป็นคนที่เชื่อในความรักที่ดีอยู่เหมือนเดิมเลย และก็ยังคงมอบให้กับผม ซึ่งตรงนี้เวลาได้รับแล้วผมรู้สึกอิ่มมากๆ ครับ
เวลาที่ใช้ชีวิตด้วยกัน สิ่งที่คุณรู้สึกว่ามันลงตัวสำหรับคุณคืออะไร การสื่อสารหรือว่าแค่การมีกันและกัน?
นนกุล : ผมว่าก็น่าจะบวกๆ กันไป แต่สุดท้ายแล้วมันไม่มีอะไรเพอร์เฟคหรอก เช่น การสื่อสารบางทีเราก็สื่อสารไม่ได้ 100% ทุกครั้ง แต่ถ้าส่วนใหญ่ก็น่าจะอยู่ด้วยกันและกัน
เราอยู่ในความสัมพันธ์ที่จำเป็นต้องบอกไหมว่า จะไปไหน อะไรยังไง?
นนกุล : ไม่เลยครับ มีอิสระแต่ว่าเหมือนเป็นการพูดเพื่อแบบชวนคุย ไม่ได้แบบรายงาน แต่ว่าสุดท้ายแล้วพอเราคุยกันตอนหัวค่ำในแต่ละวัน ซึ่งมันเป็นสิ่งที่ผมคุยกับพี่แอฟว่าก็ต้องมีนะเป็นรูทีน ก็จะมีคำถามปิดจบอยู่แล้วครับว่าวันนี้ทำอะไรมาบ้าง เพราะเรายังไม่ได้อยู่ด้วยกัน ผมรู้สึกว่าการที่เราได้คุยกันอย่างน้อยทีละนิดที่ละหน่อยในแต่ละวันมันก็ดี ที่ผมอยากให้เป็นกลางคืนก็เพราะว่ามันเป็นช่วงสุดท้ายของวัน ได้เสร็จสรรพอะไรเรียบร้อยแล้ว ไม่ใช่ตอนกลางวันที่บางทีเรารีบๆอยู่ แล้วจะได้ตั้งใจฟังซึ่งกันและกันจริงๆ ว่าวันนี้เราทำอะไรมาบ้าง ที่ตั้งใจให้เป็นรูทีนเพราะถ้ายิ่งทะเลาะหรืออะไรกันอยากให้จบภายในวันนั้นเลยไม่ข้ามวัน