ป.กุ้งเผา รัชดาฯ ปรับโฉมจากสวนอาหารเพื่อชีวิต เข้าศูนย์การค้าเป็นครั้งแรก
ทายาท “ป.กุ้งเผา” ร้านดั้งเดิม เล่าตำนาน 35 ปี กลับมาแล้วพร้อมคอนเซปต์ใหม่ ร้านอาหารสไตล์โมเดิร์น เปิดให้นั่งกินสบายๆ ในศูนย์การค้า ประเดิมที่แรก เดอะไนน์ เซ็นเตอร์ พระราม 9, เมนูดั้งเดิม “กุ้งเผา” กุ้งหลวงตัวใหญ่ต้องมา เสริมทัพด้วยเมนูใหม่ร่วมสมัย
ป.กุ้งเผา เจ้าของตำนานร้านกุ้งเผาชื่อดังแห่งย่านถนนรัชดาภิเษก กรุงเทพฯ หรือที่นักชิมรุ่นใหญ่คุ้นหูกับชื่อ “ป.กุ้งเผา รัชดา” หลังจากปิดร้านไปนานเกือบสิบปี ตอนนี้ทายาทรุ่นลูกทำให้ชื่อ “ป.กุ้งเผา” ร้านแรกตรงรัชดาฯ คืนสู่ยุทธภพร้านอาหารอีกครั้งในยุคดิจิทัล
คุณ “ปูเป้” แสงดาว ทองทัย ทายาทเจ้าของร้าน “ป.กุ้งเผา รัชดาฯ” เล่าความเป็นมาของร้านให้ฟังว่า ร้านนี้ก่อตั้งโดยคุณพ่อและคุณแม่ของเธอเอง คือคุณพ่อ “ปัญญา ทองทัย” และคุณแม่ “แสงเดือน” โดยเธอเป็นลูกสาวคนสุดท้อง และมีพี่ชายฝาแฝดสองคน เดิมครอบครัวก็ไม่ได้มีทุนรอนมากนัก
คุณปัญญา เป็นชาวจังหวัดพิจิตร เข้ากรุงเทพฯ มาทำงานรับจ้างทั่วไปแถวสำเพ็ง ขณะที่คุณแสงเดือนเป็นคนจังหวัดแพร่ ทำงานรับจ้างเย็บผ้า สะสมเงินพอได้เป็นทุนก็เริ่มทำมาค้าขายด้วยการหากระเป๋าหนังมาขายให้กับชาวต่างชาติที่ประตูน้ำ แล้วชีวิตก็หักเหครั้งใหญ่เมื่อเจอพ่อค้าหาบเร่ขาย กุ้งเผา
“คุณพ่อไม่ได้เรียนจบสูงอะไรนะคะ คือจบ ป.4 แต่คุณพ่อเก่งด้านการตลาด ตอนนั้นคุณพ่อมีลูกฝาแฝดสองคนแล้ว จึงอยากหาธุรกิจใหม่ คุณพ่อเล่าว่า พอดีไปเจอลุงคนหนึ่งหาบกุ้งสดๆ มาเผาให้นั่งกินริมซอย ปกติเห็นเป็นไข่ปิ้ง แต่นี่เป็นกุ้ง กินแล้วอร่อย คนชอบกัน แต่น้ำจิ้มยังไม่ค่อยถูกปาก คุณพ่อรู้สึกว่า แค่กุ้งเผาคนก็ฮือฮาแล้ว เพราะตอนนั้นคนไม่ค่อยเอากุ้งไปเผากัน ส่วนใหญ่กินโดยนึ่งหรือไม่ก็ต้ม คิดว่าน่าจะทำกุ้งเผาขายได้ เพราะคุณแม่ก็เก่งด้านการทำอาหาร” คุณปูเป้ เล่า
คิดได้ดังนั้น คุณปัญญาและคุณแสงเดือนจึงเริ่มต้นเปิดร้านอาหารขายกุ้งเผาเมื่อปีพ.ศ.2529 ย่านดินแดง ร้านมีลักษณะเป็นเพิงหมาแหงน หลังคามุงฟาง บรรยากาศเหมือนอยู่ตามท้องไร่ท้องนา ตั้งชื่อร้านทันทีว่า ป.กุ้งเผา คือใช้อักษรตัวแรกของชื่อคุณปัญญามาตั้งเป็นชื่อร้าน
ไม่ทันถึงปี ร้านก็ได้รับความนิยมในทันที ลูกค้าแน่น จนเจ้าของที่ขอขึ้นค่าเช่า คุณปัญญาจึงตัดสินใจย้ายจากดินแดงไปยังย่านถนนรัชดาภิเษกในปีพ.ศ.2530 ขยับขยายร้านได้ใหญ่กว่าเดิม มีที่จอดรถสะดวกสบาย รัชดาฯ สมัยนั้นยังไม่ค่อยมีร้านอาหาร จะมีก็แค่ “ตำหนักไทย"
พอย้ายมาอยู่รัชดาฯ ป.กุ้งเผา ก็ “บูม” หนักขึ้นไปอีก โดยขยายสู่ความเป็น “เอ็นเตอร์เทนเมนต์ คอมเพล็กซ์” ยุคแรกๆ ของกรุงเทพฯ แบ่งพื้นที่ออกเป็นโซนร้านอาหารแบบครอบครัว นั่งคุยธุรกิจ โซนลานเบียร์ที่เปิดบริการตลอดทั้งปี และโซนจัดแสดงคอนเสิร์ต ซึ่งส่วนใหญ่เป็นเพลงเพื่อชีวิต วงดนตรีและนักร้องเพลงเพื่อชีวิตชื่อดังระดับประเทศหมุนเวียนมาเปิดการแสดง ทำให้ภาพลักษณ์ “ป.กุ้งเผา” เปลี่ยนจากร้านอาหารเป็น เอ็นเตอร์เมนต์ คอมเพล็กซ์
ในช่วงบุกเบิกร้าน พนักงานในร้านก็เป็นพี่น้องของคุณปัญญาและคุณแสงเดือนช่วยกันทำ เมื่อร้านเริ่มอยู่ตัว คุณปัญญาจึงให้ทุนพี่น้องไปเปิดร้านของตัวเอง ใช้ชื่อ “ป.กุ้งเผา” ได้เหมือนกัน ทุกวันนี้เราจึงเห็นป้ายร้าน “ป.กุ้งเผา” ที่ย่านปิ่นเกล้า สะพานใหม่ ราษฎร์บูรณะ และ หนองฉาง จ.พิจิตร
แต่ร้านดั้งเดิมที่รัชดาภิเษกได้ปิดตัวลงไป เนื่องจากในเวลาต่อมาเจ้าของที่ดินต้องการขายที่ แต่คุณปัญญารู้สึกอิ่มตัวกับธุรกิจร้านอาหาร จึงมิได้ซื้อไว้และตัดสินใจปิดฉาก “ป.กุ้งเผา รัชดา”
คุณปัญญา ทองทัย และภริยา "แสงเดือน”
คุณปูเป้เล่าว่า ตอนคุณพ่อปิดร้าน เธอกำลังเรียนอยู่ที่มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ แล้วเดินทางไปศึกษาต่อปริญญาโทที่ประเทศอังกฤษ พอกลับมาก็ทำธุรกิจของตัวเองหลายอย่าง รวมทั้งอยากสานต่อร้านอาหารชื่อ “ป.กุ้งเผา” ของคุณพ่อ
“พี่ชายบอกลองดูก็ได้ เราจากที่เคยอยู่ stand alone เป็นเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ลองมาเข้าห้างสรรพสินค้าดูบ้าง เผื่อจะได้ต่อยอดทำสินค้าขายในโมเดิร์นเทรด”
จึงเป็นที่มาของการเปิดร้าน "ป.กุ้งเผา" ครั้งใหม่ ในชื่อ Por Kungphao (ป.กุ้งเผา) ที่ เดอะไนน์ เซ็นเตอร์ พระราม 9 ร้านแรกของ “ป.กุ้งเผา” ที่บริการให้นั่งรับประทานได้ในศูนย์การค้า
ครั้งนี้คุณปูเป้และพี่ชายได้ร่วมกันปรับโฉมความเป็นสวนอาหารที่คุ้นเคย สู่การเป็น “ร้านอาหารสไตล์โมเดิร์น” ตกแต่งด้วยงานไม้ ให้ความรู้สึกอบอุ่นเป็นกันเอง แต่ก็ร่วมสมัยด้วยเพดานสูงและผนังกระจกใสโปร่งสบายตา
สร้างบรรยากาศร้านขายอาหารซีฟู้ดด้วยการนำเชือกเส้นโตแบบที่เห็นตามเรือประมงมาถักเป็นตัวกุ้งและเครื่องมือจับสัตว์น้ำในทะเล ประดับด้วยแชนเดอเลียร์เปลือกหอยเชลล์ขนาดใหญ่
Por Kungphao (ป.กุ้งเผา) พร้อมต้อนรับคนรักอาหารทะเลที่มีความสดใหม่ มาพบปะกันในพื้นที่กว้างขวางสบายตา จัดโซนนั่งเป็นสัดส่วน ผ่อนคลายกับอาหารอร่อยและบรรยากาศสบายๆ ได้ทั้งช่วงกลางวันและกลางคืน รองรับนักชิมไม่ว่าจะเป็นครอบครัว กลุ่มเพื่อน คู่รัก หรือแวะมาชิมเมนูเด็ดคนเดียวก็ชิลได้
“อาหารมีทั้งที่เพิ่มเมนูคิดใหม่และเมนูดั้งเดิมของ ป.กุ้งเผา” คุณปูเป้กล่าวและว่า โดยเฉพาะ “น้ำจิ้ม” ยังเป็นคุณแม่ที่ลงมือทำด้วยตัวเอง ตั้งชื่อไว้แล้วว่าเป็น น้ำจิ้มซีฟู้ดสูตรมหัศจรรย์ ส่วนผสมมี “พริกขี้หนูสวน” คัดเกรดดีที่สุด ถึงขั้นจองสวนพริกขี้หนูซึ่งมีไม่กี่ที่กันเลยทีเดียว เลือกไปจนถึงกระเทียม
น้ำจิ้มซีฟู้ด เข้าคู่กันอย่างดีกับ กุ้งเผา ซึ่งเป็นอาหารซิกเนเจอร์สร้างทั้งชื่อและฐานะให้กับร้านในบุกเบิก
“สมัยก่อนที่ร้านลูกค้าเยอะมากๆ ก็จะมีพ่อค้าหลายเจ้าเอากุ้งมาให้เราคัดถึงร้าน มาแบบตัวเป็นๆ มาทุกวัน สั่งเจ้าประจำไม่พอ เปิดรับเจ้าใหม่ๆ ใช้กุ้งหลายร้อยกิโลกรัมต่อวัน แต่เราก็จะมีเจ้าประจำมาจากอยุธยา ค้าขายกันเสมือนญาติไปเลย เขาส่งกุ้ง ทำฟาร์มกุ้ง ทุกวันนี้เขาก็เปิดร้านในตลาด ทำอาหารตามสั่ง ใช้ชื่อ ป.กุ้งเผา เหมือนกัน”
ปัจจุบัน ในการทำเมนูกุ้งเผา ร้าน Por Kungphao ใช้กุ้งตัวเป็นๆ 2 ประเภท คือ กุ้งก้ามกราม ขนาด 10-12 ตัว/กิโลกรัม ไม่ผ่าหลัง มีให้เลือก 5 แบบ คือ
- เซต A กุ้ง 3-4 ตัว ราคา 350 บาท
- เซต B กุ้ง 5-6 ตัว (500 กรัม) ราคา 450 บาท
- เซต C กุ้ง 10-12 ตัว/กิโลกรัม ราคา 890 บาท
- กุ้งอบชีส 3 ตัว กับน้ำจิ้มซีฟู้ด 1 ออนซ์ หรือเลือกทำเมนูซอส 14 รส (เลือก 1 รส) ราคา 450 บาท
- ซูชิหน้ากุ้งเผา 1 คำ ราคา 120 บาท
สปาเกตตี้คาโบนาร่ามันกุ้ง เสิร์ฟพร้อมกุ้งเผาอบชีส
กุ้งที่ใช้ทำกุ้งเผาอีกประเภทคือ กุ้งหลวง (ผ่าหลัง) หรือกุ้งแม่น้ำตัวใหญ่ มี 2 ขนาดให้เลือกคือ
- ขนาด 6 ตัว/กิโลกรัม มีให้เลือก 2 เมนู คือ กุ้งหลวงเผา 3 ตัว ราคา 750 บาท และแบบ อบชีส, ทาเนย หรือเลือกทำเมนูซอส 14 รส (เลือก 1 รส) ราคา 850 บาท
- ขนาด Jumbo (2 ตัว/กิโลกรัม) มีให้เลือกแบบ 2 ตัว ราคา 2,500 บาท และแบบ 1 ตัว ราคา 1,500 บาท
“สำหรับ กุ้งหลวง ต้องพรีออร์เดอร์ ถ้าอยุธยามี เขาก็ส่งมา กับใช้วิธีนำเข้าจากศรีลังกา อินเดีย พม่า พอกุ้งมาถึง เราก็จะไลน์บอกลูกค้า เราไม่อยากสต็อคไว้นาน อยากให้ลูกค้าได้กุ้งที่มีความสดจริงๆ และมีบริการแกะกุ้งฟรีให้ด้วย”
กุ้งของร้าน Por Kungphao มีความสดจริงๆ คุณปูเป้ทำบ่อเลี้ยงกุ้งอย่างดีไว้ภายในบริเวณบ้านพักใน “หมู่บ้านเสรี” ที่จัดหาไว้ให้สำหรับพนักงานของร้านได้อยู่อาศัย เมื่อได้กุ้งตัวเป็นๆ ก็จะนำมาพักไว้ที่บ่อเลี้ยงแห่งนี้ ทั้งดูแลให้อาหารและดูแลไม่ให้กุ้งกัดกัน
เมนูดั้งเดิมที่นำมาจากเมนูร้าน "ป.กุ้งเผา รัชดาฯ" มีให้ชิม อาทิ ปลากะพงซอสพริกเหลือง (450 บาท) ฟิเลต์เนื้อปลากะพงทอดราดซอสพริกทำจากพริกเหลืองที่ไม่ค่อยเห็นกันในร้านอาหารยุคนี้, กุ้งอบวุ้นเส้น (365 บาท) กะหล่ำปลีทอดน้ำปลา (150 บาท) หมึกทอดน้ำปลา ต้มยำปลากะพง ต้มยำกุ้งน้ำข้น
สำหรับเมนูใหม่ที่เพิ่มเข้าให้เป็นเมนูร่วมสมัยก็มีหลากหลาย อาทิ ต้มยำครัวใน (250 บาท) เสิร์ฟมาแบบกระทะร้อน มีเนื้อปลากะพง กุ้ง หมึก น้ำซุปเคี่ยวจากโครงไก่และหัวไชเท้า สับสมุนไพรเครื่องต้มยำให้ละเอียดใส่ลงในน้ำซุป ปรุงรสให้เป็นต้มยำด้วยการใส่ "น้ำจิ้มซีฟู้ดสูตรมหัศจรรย์" ของคุณแสงเดือนลงในน้ำซุปแทนพริกขี้หนูและมะนาว
“ต้มยำครัวใน” จึงให้รสเผ็ดอมเปรี้ยวและกลิ่นหอมต่างไปจากต้มยำทั่วไปที่ปรุงรสด้วยน้ำมะนาวพริกขี้หนู และไม่เหมือน “โป๊ะแตก” ที่เด่นเรื่องกลิ่นพริกแห้งกับผักชีฝรั่ง
แต่น้ำซุป “ต้มยำครัวใน” จะหอมกลิ่นสมุนไพรจากเครื่องต้มยำสับละเอียด ได้เนื้อสมุนไพรนุ่มๆ ทุกคำที่ซดน้ำซุป แม้ไม่ได้บีบมะนาวหรือใส่พริกขี้หนู แต่ก็ได้รสชาติจี๊ดจ๊าดตามแบบฉบับต้มยำจาก น้ำจิ้มซีฟู้ดสูตรมหัศจรรย์ ของ ป.กุ้งเผา ดีต่อสุขภาพไปอีกแบบ ได้เคี้ยวเนื้อสมุนไพรลงไปเป็นกากใยอาหาร
เมนูใหม่ทันสมัยที่กำลังฮิตขึ้นเรื่อยๆ เซตกังนัมมันกุ้ง (365 บาท) รับประทานในสไตล์กุ้งดองเกาหลี แต่เปลี่ยนจากกุ้งดองเกาหลีเป็นกุ้งดองน้ำปลาสูตรไทย กินโดยห่อกับสาหร่าย ข้าวสวย มันกุ้ง งาขาว น้ำจิ้มซีฟู้ด กระเทียมสด พริกชี้ฟ้า ต่างจากร้านอื่นตรงใช้ "กุ้งขาวไซส์ใหญ่" แต่ขายในราคาเท่ากัน
อีกหนึ่งเมนูใหม่ที่กลายเป็นเมนูขายดี แม่ผัดให้ (180 บาท) หรือดอกขจรผัดไข่ เป็นเมนูที่คุณแม่แสงเดือนทำให้ครอบครัวกินเป็นประจำ คุณปูเป้เห็นว่าอร่อยดี จึงลองนำมาใส่ไว้ในเมนู กลายเป็นเมนูขายดี ลูกค้าสั่งแทบทุกโต๊ะ
คุณปูเป้คิดว่า ที่ลูกค้าชอบเมนู “แม่ผัดให้” ส่วนหนึ่งมาจากเทรนด์รักสุขภาพ เมื่อบนโต๊ะอาหารมีอาหารจานกุ้งและเนื้อสัตว์ประเภทอื่นๆ ก็น่าจะมีผักสักจาน โดยเปลี่ยนหรือสั่งเพิ่มจาก “กะหล่ำปลีทอดน้ำปลา” ซึ่งก็เป็นจานผักที่ขายดีมาก คิดว่าเมนูดอกขจรผัดไข่ลูกค้าอาจไม่ทำกินเองที่บ้านบ่อย ประกอบกับวิธีการผัดของแม่ที่ทำให้ได้ดอกขจรที่สุกแต่ยังเขียวสดและไม่มีกลิ่นเหม็นเขียว จึงเป็นเสน่ห์ของกับข้าวจานนี้
ข้าวผัดโลกันต์มันกุ้ง (180 บาท) จานนี้สีสันจัดจ้าน เพราะเป็นการผัดข้าวกับ "มันกุ้ง" และสมุนไพรเครื่องต้มยำ รสชาติออกเปรี้ยวนำ ไม่เผ็ดมาก
นอกจากเป็นสาวเมืองเหนือ เกิดที่จังหวัดแพร่ คุณแสงเดือนยังทำอาหารเหนือได้อร่อย เมนูของร้าน Por Kungphao จึงมีอาหารเหนือรสชาติดีหลายรายการ อาทิ แกงฮังเลแสงเดือน (250 บาท) น้ำพริกอ่องสายเดือด (100 บาท) เซตชุดอาหารเหนือ (120 บาท) ประกอบด้วย ไส้อั่ว แกงฮังเล น้ำพริกอ่อง ข้าวเหนียวหรือข้าวสวย และผักลวก
นอกจากนี้ ยังมีอาหารจานเดียวกับหลากหลายเมนู Rice Bowl หรือข้าวหน้ากุ้งระเบิดหลายรสชาติ อาทิ ซอสสามเกลอ อบเกลือทิพย์ ผัดพริกไทยดำ ไข่ข้นมันกุ้ง ซอสมะขาม ผัดพริกเหลือง คั่วกลิ้ง พะแนง ผัดผงกะหรี่ ซอสไข่เค็ม ผัดเมาฉ่า
ร้าน Por Kungphao ยังมีมุม hang out เบาๆ กับเครื่องดื่มแอลกอฮอล์คลาสสิก, CASS ไลท์เบียร์เกาหลี, Hoegaarden เบียร์เบลเยียม, และมีวงดนตรีเล่นสดทุกวันศุกร์ เสาร์ อาทิตย์ เริ่มเล่น 18.30 น.
“การเข้ามาอยู่ในศูนย์การค้า ส่วนตัวเป้เองคิดว่า เราไม่ต้องทำร้านขนาดใหญ่แล้ว โลกใหม่ทุกอย่างอยู่ในออนไลน์ ถ้าเราเริ่มต้นอยู่ในศูนย์การค้าหรือคอมมิวนิตี้ที่ดี ก็ค่อยๆ สะสมการรับรู้ไปว่า ป.กุ้งเผา มีรูปแบบนี้แล้วนะ แล้วเราค่อยต่อยอดต่อไปจากนี้ อาจจะเป็นสาขาที่เน้นขายอาหารจานเดียว เพื่อให้ ป.กุ้งเผา ขยายไปทั่วประเทศได้ ร้านเล็กๆ อยู่ตามปั๊มน้ำมัน” ปูเป้-แสงดาว กล่าว
เป็นการกลับมาของชื่อ “ป.กุ้งเผา” ยุคดิจิทัล ที่แฟนร้านรุ่นใหญ่สามารถไประลึกความหลังและสัมผัสประสบการณ์โฉมใหม่จากทายาทรุ่นลูก
ร้าน Por Kungphao (ป.กุ้งเผา)
- ที่ตั้ง : ชั้น 2 โซน อีสต์ วิลเลจ, ศูนย์การค้า เดอะไนน์ เซ็นเตอร์ พระราม 9
- จุดเด่น : เมนูกุ้งเผาวัตถุดิบคุณภาพ (บริการแกะกุ้งฟรี) อาหารทะเล อาหารประเภทกับแกล้มรสชาติจัดจ้าน อาหารจานเดียว มีดนตรีเล่นสด
- เวลา : เปิดให้บริการในรูปแบบนั่งในร้าน และซื้อกลับบ้าน ตั้งแต่เวลา 11.00 - 21.00 น.
- ติดต่อ : สอบถามรายละเอียดเมนูและสั่งอาหารล่วงหน้าได้ที่โทร.06 3191 2524 และโทร.06 2927 1487
- ดีลิเวอรี่ : แอปพลิเคชั่น Grab, Robinhood และ LINE @pordelivery
