'คาเฟอีน' ในกาแฟ เรื่องนี้...คิดว่าผู้บริโภคควรรู้!
ผู้ที่ดื่มกาแฟเป็นประจำ คงต้องระวังมากขึ้นเมื่อผลสำรวจออกมาว่า มีปริมาณคาเฟอีนที่สูงในร้านกาแฟดัง ๆ ที่อาจมีผลกระทบกับสุขภาพ
สำหรับผู้ที่ชอบดื่มกาแฟเป็นไลฟ์สไตล์ และใส่ใจต่อสุขภาพร่างกายเป็นพิเศษ ว่ากันว่าในยุคสมัยนี้นอกจากต้องระวังเรื่องการบริโภคน้ำตาล,ไขมัน และสารแต่งกลิ่นแล้ว ระดับคาเฟอีนที่มีอยู่ในกาแฟที่เราดื่มกันทุกวี่วัน ก็เป็นประเด็นที่น่าคิดและน่าห่วงอยู่ไม่น้อยเช่นกัน เชื่อว่าเรื่องนี้หลาย ๆ คนอาจนึกไม่ถึงด้วยซ้ำไป
ผลการสำรวจล่าสุดที่เปิดเผยออกมาเมื่อต้นเดือนกุมภาพันธ์โดย วิช? (Which?) องค์กรรีวิวสินค้าชื่อดังของอังกฤษ สร้างความ ฮือฮาไปทั่ววงการตลาดกาแฟเมืองผู้ดี หลังจากเข้าไปสำรวจตรวจวัดหา ปริมาณคาเฟอีน ในเมนูกาแฟของร้านใหญ่ ๆ ระดับหัวแถวที่เปิดอยู่ตามถนนสายสำคัญ ๆ ในกรุงลอนดอน แล้วพบว่า เมนูกาแฟยอดนิยมที่ขายในเชนกาแฟดัง 5 ราย มีระดับของคาเฟอีนที่แตกต่างกันมาก
นอกจากนั้น ยังพบว่า เมนูคาปูชิโนไซส์กลางของร้าน คอสต้า คอฟฟี่ (Costa Coffee) มีประมาณคาเฟอีนสูงเกือบ 5 เท่า เมื่อเทียบเมนูชนิดเดียวกันของร้านคู่แข่งสำคัญอย่าง สตาร์บัคส์ (Starbucks)
เรื่องระดับคาเฟอีนที่แตกต่างกันมากในเมนูกาแฟชนิดเดียวกัน และกาแฟของร้านดังมีปริมาณคาเฟอีนสูงเมื่อเปรียบเทียบกับร้านอื่นๆ ได้รับความสนใจจากบรรดาสื่อเล็กสื่อใหญ่ในอังกฤษค่อนข้างสูง พร้อมใจกันหยิบมานำเสนอให้ผู้บริโภครับรู้โดยทั่วหน้า
ท่ามกลางเป็นความห่วงเป็นใยว่า คนดื่มกาแฟอาจได้รับปริมาณคาเฟอีนในร่างกายมากเกินความจำเป็น จนมี ผลกระทบ ต่อสุขภาพ โดยเฉพาะในกลุ่มหญิงตั้งครรภ์ ,กลุ่มผู้บริโภคที่ไวต่อคาเฟอีน, และกลุ่มผู้ป่วยที่แพทย์สั่งควบคุมระดับคาเฟอีน
ในคนสุขภาพดี ปริมาณคาเฟอีนที่ได้รับจากการดื่มกาแฟไม่ควรเกิน 400 มิลลิกรัมในแต่ละวัน (ภาพ : Pexels จาก Pixabay)
ผู้เขียนเองไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่า เมนูกาแฟชนิดเดียวจะมีปริมาณคาเฟอีนมากน้อยต่างกันขนาดนี้ เมื่อได้เห็นตัวเลขจากผลสำรวจครั้งนี้ เห็นว่ามีความสำคัญมากที่ ผู้บริโภค ควรรับรู้ว่าในแต่ละแก้วของกาแฟที่ดื่มเข้าไป ร่างกายรับคาเฟอีนมากน้อยขนาดไหน แล้วสูตรและส่วนผสมต่าง ๆ ของร้านสาขาในไทยของเชนกาแฟดัง ๆ จะเหมือนหรือต่างกับสาขาในต่างประเทศหรือไม่อย่างไร
สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ของไทยและของสหรัฐ ให้ข้อมูลตรงกันว่า ในคนที่มีสุขภาพดี การดื่มกาแฟปริมาณปานกลางมีคาเฟอีน 200 มิลลิกรัมต่อครั้ง รวมทั้งวันไม่เกิน 400 มิลลิกรัม ไม่เป็นอันตรายต่อร่างกาย ขณะที่ผลดีจากการดื่มกาแฟคือ ทำให้รู้สึกหายอ่อนเพลีย, สดชื่น, กระปรี้กระเปร่า ทั้งยังอาจช่วยลดความเสี่ยงได้เล็กน้อยต่อการเกิดโรคบางอย่าง
แต่ถ้าหากดื่มในปริมาณที่มาก ก็เกิดอาจอาการ ภาวะพิษคาเฟอีน หรือคาเฟอีนโอเวอร์โดส ถึงขั้นเป็นอันตรายต่อร่างกายได้
กราฟิกเปรียบเทียบปริมาณคาเฟอีนในกาแฟของร้านกาแฟใหญ่ 5 แห่งในอังกฤษ
ภาพ : which.co.uk/
วิช? เป็นองค์กรช่วยเหลือผู้บริโภคเลือกซื้อสินค้าและบริการผ่านการทดสอบผลิตภัณฑ์ เพื่อสร้างความมั่นใจว่าจะมีความปลอดภัยได้รับการปฏิบัติอย่างเป็นธรรม องค์กรนี้มีประวัติความเป็นมายาวนาน ก่อตั้งหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ในปีค.ศ.1957ปัจจุบัน ถือเป็นแบรนด์ คอนซูเมอร์ กรุ๊ป ขนาดใหญ่ที่สุดในอังกฤษ มีสมาชิกนิตยสาร 680,000 คน และสมาชิกนิตยสารออนไลน์อีกกว่า 335,000 คน
การสำรวจตรวจหาระดับคาเฟอีนในกาแฟของคอนซูเมอร์กรุ๊ปรายนี้ โฟกัสไปยังเชนกาแฟชั้นนำ 5 แห่ง คอสต้า คอฟฟี่, สตาร์บัคส์, คาเฟ เนโร (Caffe Nero), เกร็กส์ (Greggs), เพร็ท เอ แมนเจอร์ (Pret A Manger) โดยสุ่มตัวอย่างจากเมนูกาแฟยอดนิยม 3 เมนู คาปูชิโน, เอสเพรสโซ ซิงเกิ้ล ช็อต และกาแฟฟิลเตอร์ ผู้เขียนเห็นว่าน่าจะเป็นเมนูที่บ้านเราเรียกว่ากาแฟดริป
ในตารางเปรียบเทียบของวิช? ที่ผู้เขียนนำมาลงในบทความนี้ ซึ่งประเด็นถูกสื่ออังกฤษพาดพิงมากที่สุดคงไม่พ้นไปจากเมนูเอสเพรสโซผสมนมอย่าง คาปูชิโน จะเห็นว่า คาปูชิโนของคอสต้า คอฟฟี่ ใช้เอสเพรสโซ 3 ช็อต ให้ปริมาณคาเฟอีน 325 มิลลิกรัม จากแก้วขนาด 362 มิลลิลิตร เทียบกับคาปูชิโนของสตาร์บัคส์ที่มีปริมาณคาเฟอีนเพียง 66 มิลลิกรัม จากแก้วขนาด 350 มิลลิลิตร
ส่วนคาปูชิโนของ คาเฟ เนโร ให้ปริมาณคาเฟอีน 110-115 มิลลิกรัม จากแก้วขนาด 355 มิลลิลิตร ขณะที่คาปูชิโนของร้านเกร็กส์ มีปริมาณคาฟอีน 197 มิลลิกรัมจากแก้วขนาด 341 มิลลิลิตร ใกล้เคียงกับร้านเพร็ทฯ ที่มีคาเฟอีน 180 มิลลิกรัม จากแก้วขนาด 350 มิลลิลิตร
คาปูชิโนไซส์กลางของคอสต้า คอฟฟี่ ให้ปริมาณคาเฟอีนสูงกว่าร้านคู่แข่ง
ภาพ : juliachancejc จาก Pixabay
สำหรับเมนู เอสเพรสโซซิงเกิ้ล ช็อต นั้น ปรากฎว่า ช็อตเอสเพรสโซจากร้านเพร็ทฯ มีปริมาณคาเฟอีน 180 มิลลิกรัม จากแก้วขนาด 30 มิลลิลิตร สูงเกือบ 6 เท่า เมื่อเทียบกับช็อตเอสเพรสโซของร้านสตาร์บัคส์ นอกจากนั้นแล้ว กาแฟฟิลเตอร์ของร้านเพร็ทฯ ก็มีปริมาณคาเฟอีน 271 มิลลิกรัม จากแก้วขนาด 350 มิลลิลิตร ซึ่งถือว่าสูงสุดจากการสำรวจในหมวดเมนูกาแฟฟิลเตอร์
ความแตกต่างของปริมาณคาเฟอีนในกาแฟชนิดเดียวกันของทั้ง 5 ร้าน เว็บไซต์ www.which.co.uk ระบุว่า ไม่ได้เกิดจากปัจจัยด้านปริมาณกาแฟเพียงอย่างเดียว แต่มาจากชนิดสายพันธุ์กาแฟด้วย นั่นคือ อาราบิก้ากับโรบัสต้า กาแฟ 2 ประเภทนี้ให้ปริมาณคาเฟอีนที่แตกต่างกัน รวมถึงรสชาติก็แตกต่างกันด้วย และอย่างที่ทราบกันดีอาราบิก้ามีปริมาณคาเฟอีนต่ำว่าโรบัสต้าประมาณครึ่งหนึ่ง
ตัวเลขคาเฟอีนในเอสเพรสโซช็อตเดียวของคอสต้า คอฟฟี่ อยู่ที่ 100 มิลลิกรัม อนุมานได้ว่าคาปูชิโนของแบรนด์นี้ ใช้เอสเพรสโซถึง 3 ช็อตด้วยกันเพราะให้คาเฟอีนเพิ่มขึ้นมาอีกกว่า 3 เท่า เป็น 325 มิลลิกรัม จึงเป็นกาแฟที่หนักและแรงตัวหนึ่ง อาจจะ ได้ใจ คอกาแฟบางกลุ่มที่ชอบของแรง ๆ แต่นั่นหมายความว่าปริมาณคาเฟอีนที่ได้รับจะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วจนใกล้ระดับ 400 มิลลิกรัม ซึ่งเป็น เพดาน ที่คนปกติไม่ควรบริโภคเกินในแต่ละวัน
กาแฟของสตาร์บัคส์มีปริมาณคาเฟอีนต่ำสุดจากการสำรวจกาแฟ 3 เมนูยอดนิยม
ภาพ : Fabian Holtappels จาก Pixabay
โดยปกติ กาแฟโรบัสต้าในหนึ่งเมล็ด ให้คาเฟอีนประมาณ 3% ส่วนเมล็ดกาแฟอาราบิก้าจะมีปริมาณของคาเฟอีนอยู่ที่ 1.5% จึงไม่ใช่เรื่องแปลกแต่ประการใดสำหรับกาแฟที่ว่าหนักและดีดแรงโดยเฉพาะเอสเพรสโซ่นั้น มีการ เบลนด์ กันระหว่างกาแฟสองชนิดดังกล่าว
อย่างไรก็ตาม ระดับคาเฟอีนในกาแฟจะมากหรือน้อย ไม่ได้ขึ้นอยู่กับปริมาณกาแฟที่ใช้และสายพันธุ์กาแฟเพียง 2 ปัจจัย ยังมีสภาพแวดล้อมอื่น ๆ เข้ามาเกี่ยวข้องอีกด้วย เช่น ระดับการคั่ว , อุณหภูมิน้ำที่ใช้ชง, ประเภทเมนูกาแฟ, ชนิดเครื่องชง, ระยะเวลาในการชง, คุณภาพของการบด และอื่น ๆ
ที่จริงเรื่องนี้ก็น่าศึกษาอยู่ไม่น้อย แต่วันนี้ขอโฟกัสเฉพาะปริมาณคาเฟอีนในเมนูกาแฟยอดนิยมตามที่ปรากฎเป็นข่าวจากอังกฤษ เพราะเห็นว่ามีประโยชน์มากสำหรับนักบริโภคกาแฟหรือผู้ที่ติดกาแฟงอมแงมในบ้านเรา
อีกประเด็นที่ผู้เขียนเห็นว่าน่าสนใจก็คือ ตอนที่ลงข่าวผลสำรวจของวิช? สื่ออังกฤษเว็บไซต์เดอะการ์เดี้ยน ก็หยิบเอาปริมาณคาเฟอีนในคาปูชิโนของคอสต้า คอฟฟี่ไปเปรียบเทียบกับเครื่องดื่มให้พลังงานแบรนด์ เรดบูล (Red Bull) ในรูปแบบกระป๋องขนาด 250 มิลลิลิตร ซึ่งมีปริมาณคาเฟอีน 80 มิลลิกรัม เหมือนพยายามชี้ชัดให้เห็นว่า ตัวเลขคาเฟอีนในกาแฟของคอสต้า คอฟฟี่ สูง แซงหน้า เครื่องดื่มให้พลังงานไปแล้ว
ผลสำรวจพบว่าร้านเพร็ท เอ แมนเจอร์ มีปริมาณคาเฟอีนมากสุดในเมนูเอสเพรสโซและกาแฟฟิลเตอร์ ภาพ : commons.wikimedia.org/wiki/Zhangyang
จำได้ว่าเมื่อหลายปีก่อน เคยมีข่าวไปทั่วโลกทำนองว่า เครื่องดื่มให้พลังงาน (energy drink) ของหลาย ๆ เจ้ารวมไปถึงเรดบูล ถูกเพ็งเล็งจากหน่วยงานในสหรัฐและอังกฤษว่า มีระดับ คาเฟอีน และ น้ำตาล สูงจนอาจสร้างความเสียหายต่อสุขภาพของเด็กวัยรุ่น จึงพยายามเดินหน้าผลักดันกฎหมายห้ามขายเครื่องดื่มพลังงานให้กับเด็กวัยรุ่นออกมา
แต่ก็โดนสวนกลับมาจากผู้ผลิตเครื่องดื่มให้พลังงานว่า เรื่องนี้ไม่ยุติธรรม...คาเฟอีนมีอยู่ในเครื่องดื่มหลายประเภท เช่น น้ำอัดลม, ชา และกาแฟ โดยเฉพาะร้านกาแฟบางแห่ง เสิร์ฟกาแฟที่มีปริมาณคาเฟอีนสูงกว่าเรดบูลกระป๋องเสียอีก!
ทำให้ผู้เขียนอดคิดไม่ได้ว่า เรื่องปริมาณคาเฟอีนในกาแฟ มีประเด็นอะไรที่เราเพิกเฉยหรือมองข้ามไปหรือเปล่า?
ดูเหมือนจะตกเป็นเป้าจับจ้องไม่น้อยทีเดียวสำหรับ คอสต้า คอฟฟี่ ถึงขั้นต้องให้โฆษกบริษัทออกมาชี้แจงในประเด็นดังกล่าว โดยระบุว่าปริมาณคาเฟอีนของกาแฟในแต่ละแก้ว ขึ้นอยู่จำนวนเมล็ดกาแฟและขนาดของเครื่องดื่มที่ลูกค้าสั่ง แล้วกาแฟดีแคฟและเครื่องดื่มที่ปราศจากคาเฟอีน ร้านเราก็มีจำหน่ายอยู่นะ ขณะที่ข้อมูลคาเฟอีนทั้งหมดสามารถหาได้จากในร้านหรือผ่านทางเว็บไซต์ของบริษัท
ปริมาณคาเฟอีนในกาแฟขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น สายพันธุ์ของเมล็ดกาแฟ , วิธีการคั่ว และประเภทเมนูกาแฟ เป็นต้น ภาพ : Nathan Dumlao on Unsplash
"ที่ผ่านมา ร้านได้กระตุ้นให้ลูกค้าตระหนักถึงปริมาณคาเฟอีนในกาแฟคอสต้า เพื่อให้แน่ใจว่าอยู่ในระดับเหมาะสมกับข้อกำหนดด้านการบริโภคในแต่ละวันหรือเป็นไปตามไลฟ์สไตล์ของแต่ละคน" โฆษกคอสต้า คอฟฟี่ กล่าวทิ้งท้าย
ข้อมูลคาเฟอีนที่คอสต้า คอฟฟี่ บอกว่ามีอยู่ในเว็บไซต์บริษัทนั้น ผู้เขียนพยายามเข้าไปค้นหา อยากรู้ว่า ตรง หรือ ต่าง กับผลสำรวจข้างต้น แต่หาไม่เจอ เจอแต่ข้อมูลด้านโภชนาการของแต่ละเมนูเครื่องดื่ม ท่านใดรู้ว่าอยู่ตรงไหน ช่วยแจ้งมายังผู้เขียนด้วยครับ จะขอบคุณมาก ๆ ผู้เขียนอาจพลาดหรือสแกนไปไม่ทั่วถึง
เอาเข้าจริง ๆ ประเด็นระดับคาเฟอีนในเมนูกาแฟไม่ได้เป็นปัญหาสำหรับผู้ที่ดื่มมากแล้วไม่มีผลกระทบ แต่ถ้าคุณดื่มกาแฟวันละหลายแก้ว หรือต้องการควบคุมการบริโภคคาเฟอีน หรือตั้งครรภ์ หรือมีอาการไวต่อสารคาเฟอีน อาจต้องถึงครามาปรับแนวทางเสียใหม่ตอนออเดอร์กาแฟตามคาเฟ่มาดื่ม คิดให้เยอะขึ้นนิดนึงในความรักสุขภาพว่า กำลังสั่งเมนูอะไร? จากร้านไหน แล้วมีคาเฟอีนอยู่เท่าไหร่
เรื่องนี้หากว่าร้านกาแฟแจ้งให้ลูกค้าทราบ หรือนำมาเปิดเผยให้เป็นที่ประจักษ์ต่อสาธารณะ ไม่ต้องรอให้ถูกสุ่มสำรวจตรวจหาเข้าเสียก่อน ก็ถือว่าชนะใจลูกค้าและได้ใจผู้บริโภคไปเต็ม ๆ ครับ