เรื่องวุ่นๆ 'มรดก'คนดังในอเมริกา มีทั้งแก้พินัยกรรมและยกให้สุนัข
คนดังในอเมริกา ไม่ว่าลิซา มารี เพรสลีย์ ,ฮาเวิร์ด มาร์แลล์ เจ้าของธุรกิจน้ำมัน,ซันนี่ โบโน่ นักร้องยุค70 และเศรษฐีนี เกล พอสเนอร์ คนเหล่านี้เมื่อเสียชีวิตไปแล้ว มักมีเรื่องวุ่นๆ ในเรื่องพินัยกรรม และที่เด็ดสุดคือ ยกมรดกจำนวนมากให้สุนัข 3 ตัว
เมื่อผู้ใหญ่ในครอบครัวเช่น พ่อแม่ เสียชีวิตลงและทิ้งมรดกไว้ให้ลูกหลาน ถ้ามีการเขียนพินัยกรรมไว้แล้ว การแบ่งมรดกก็ไม่ยุ่งยากนัก แต่ในบางครั้งถึงแม้จะมีพินัยกรรม แต่ถ้าผู้ที่รับมรดกที่ระบุไว้ในพินัยกรรมกลับกลายเป็นสัตว์เลี้ยงแสนรัก หรือลูกนอกสมรสที่ไม่ใครเคยรู้จัก ก็จะเป็นที่สนใจของคนทั่วไป นอกจากนี้ ถ้าเกิดดราม่า ฟ้องร้องแย่งชิงมรดกกันในครอบครัวของเซเลบ หรือดาราดังก็จะเป็นที่สนใจ ซุบซิบและจดจำของคนทั่วไป
เว็บไซต์บีบีซี มีรายงานเกี่ยวกับเรื่องนี้หลังจากการเสียชีวิตอย่างกระทันหันเมื่อเดือนมกราคมของลิซา มารี เพรสลีย์ ลูกสาวคนเดียวเอลวิส เพรสลีย์ ราชาร็อค แอนด์ โรล ระดับตำนานซึ่งเสียชีวิตไปตั้งแต่ปี 1977
- เรื่องวุ่นวายมรดกลิซา มารี เพลสลีย์
จริงๆ แล้ว ลิซา มารีได้มีการเขียนพินัยกรรมและจัดการเรื่องมรดกของเธอ (รวมทั้งที่ได้รับมาจากพ่อของเธอ) ไว้แล้ว แต่เรื่องมาเริ่มวุ่นวายเมื่อพริสซิลลา เพรสลีย์ แม่ของลิซาวัย 77 ปีได้ยื่นคำร้องขอเป็น “ผู้จัดการมรดก” ของลูกสาว และขอให้มีการตรวจสอบเอกสารที่แต่งตั้ง ไรลีย์ คีโอห์ ลูกสาวคนโตของลิซา มารี (ซึ่งเป็นหลานสาวคนโตของเธอ) เป็นผู้จัดการมรดกว่า เป็นเอกสารจริงหรือถูกปลอมแปลงขึ้นมา
เพราะก่อนหน้านี้ ลิซา มารีได้แต่งตั้งให้แม่ของเธอเป็นผู้จัดการมรดก แต่เมื่อเธอเสียชีวิตลง กลับกลายเป็นว่า มีการแก้ไขในเอกสารในปี 2016 ให้หลานสาวเป็นผู้จัดการมรดกแทน ทำให้พริสซิลลาต้องขอพิสูจน์ว่า เอกสารนั้นเป็นเอกสารจริงหรือเปล่า
ลิซา มารี เพรสลีย์ ลูกสาวคนเดียวของเอลวิส เพรสลีย์
พริสซิลลา เพรสลีย์ (ซ้าย) และลูกสาวคนเดียวของเธอ ลิซา มารี เพรสลีย์
ในเอกสารดังกล่าว ระบุให้ไรลีย์ และ เบนจามิน คีโอห์ ลูกชายวัย 27 ที่เกิดจากแดนนี คีโอห์ สามีคนแรกเป็นผู้จัดการมรดกร่วมกัน แต่ เบนจามิน นั้นฆ่าตัวตายไปเมื่อปี 2020 ทำให้ตอนนี้ไรลีย์เป็นผู้จัดการมรดกเพียงผู้เดียว
พริสซิลลา วัย 77 ปี อ้างว่า ในเอกสารทางกฎหมายที่ถูกเขียนขึ้นเมื่อปี 2010 ลิซา มารี ระบุชื่อของพริสซิลลา และ แบร์รี ซีเกล อดีตผู้จัดการดูแลธุรกิจ เป็นผู้จัดการมรดกร่วมกัน
ในคำร้องที่ยื่นไปราวปลายเดือนมกราคมที่ผ่านมา พริสซิลลา ตั้งข้อสังเกตว่า ลายเซ็นของลิซา มารี ในเอกสารกฎหมายที่ทำขึ้นเมื่อปี 2016 ดูแปลกๆ นอกจากนี้ ยังสะกดชื่อของเธอ ซึ่งเป็นแม่ของตัวเองในเอกสารไม่ถูกต้อง และหากมีการแก้ไขเอกสารใหม่ ทำไมเธอจึงไม่เคยได้รับแจ้งให้ทราบเลย
ก่อนหน้านี้ ลิซา มารี เคยยื่นฟ้อง แบร์รี ว่า ทำให้เธอต้องสูญเสียเงินไปกว่า 100 ล้านเหรียญสหรัฐ ขณะที่ซีเกล ฟ้องกลับ ลิซา มารี และเรียกเงิน 800,000 เหรียญ และกล่าวหาว่า ลิซา มารี ผลาญเงินทองที่ได้จากเอลวิสไปอย่างมากมาย เพื่อปรนเปรอชีวิตที่หรูหราและฟุ่มเฟือย
ครอบครัว เอลวิส พริสซิลลาและลิซา มารี เพรสลีย์
- ปัญหามรดกคนดัง
อีกตัวอย่างหนึ่งคือ กรณีของ แอนนา นิโคล สมิธ นางแบบจากนิตยสารเพลย์บอย เป็นเพลย์เมตประจำปี 1993 เธอเป็นไอคอนของความเซ็กซี่และข่าวฉาวมากมาย และเป็นที่รู้จักมากยิ่งขึ้นเมื่อแต่งงานกับเจ ฮาเวิร์ด มาร์แลล์ อภิมหาเศรษฐีเจ้าของธุรกิจน้ำมันวัย 89 ปี ซึ่งมีทรัพย์สินมากกว่า 400 ล้านเหรียญสหรัฐ
แต่แต่งงานกันได้เพียง 14 เดือน สามีวัยดึกของเธอก็เสียชีวิตลงในปี 1995 แต่แอนนาไม่ได้รับมรดกเลยซักบาท เพราะสามียกมรดกทั้งหมดให้กับอี มาร์แชล ลูกชายของเขา
แอนนาจึงยื่นฟ้องคัดค้านพินัยกรรมนี้ จนกลายเป็นคดีต่อสู้กันนานกว่า 10 ปี จนในที่สุด ศาลสูงสุดให้แอนนาชนะคดีในเดือนพฤษภาคม 2006 แต่ปรากฎว่า คดียังคงไม่จบ โดยทั้งสองฝ่ายยังฟ้องกันไปมา คดียืดเยื้อไปจนจบลงในปี 2014 หลังจากแอนนาเสียชีวิตไปแล้วถึง 7 ปี
แอนนา นิโคล สมิธถ่ายกับสามีของเธอ นายเจ ฮาเวิร์ด มาร์แลล์ อภิมหาเศรษฐีเจ้าของธุรกิจน้ำมันวัย 89 ปี
ส่วนกรณีของ ซันนี่ โบโน่ นักร้องชาวอเมริกันชื่อดังในยุคทศวรรษ 70 ก็เช่นเดียวกัน เขามีชื่อเสียงจากการร้องเพลงคู่และออกอัลบั้มคู่กับกับแชร์ (อดีต)ภรรยา ซึ่งก็เป็นดาราและนักร้องชื่อดังเช่นเดียวกัน
ซันนี่กระโจนเข้ามาเล่นการเมืองและได้รับเลือกเป็นนายกเทศมนตรีปาล์มสปริง เขาเสียชีวิตในปี 1998 จากอาการบาดเจ็บในอุบัติเหตุขณะเล่นสกี โดยที่ไม่มีการเขียนพินัยกรรมไว้ แชร์ฟ้องร้องเพื่อให้ครอบครัวของซันนี่จ่ายเงินให้เธอโดยอ้างว่า เป็นเงินที่ซันนี่สัญญาว่า จะจ่ายเมื่อทั้งสองหย่าร้างกัน
ซันนี โบโน่และแชร์ นักร้องคู่ขวัญยุคทศวรรษที่ 70
สมัยยังหวานชื่น ซันนี่ โบโน่และแชร์ นักร้องดังและสามี-ภรรยากันในชีวิตจริง แชร์เป็นภรรยาคนที่ 2 ใน 4 คนของโบโน่
ส่วนเศรษฐีนีชาวอเมริกัน เกล พอสเนอร์ ก็กลายเป็นข่าวฮือฮาเมื่อปี 2010 เมื่อเธอเสียชีวิตลงและทำพินัยกรรมยกมรดกให้ชิวาว่า 3 ตัวของเธอ โดยประกอบด้วยบ้านราคา 8.3 ล้านเหรียญสหรัฐและกองทุนการเงินมูลค่า 3 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยนายเบรต คารร์ ลูกชายคนเดียวของเธอได้รับมรดกเพียง 1 ล้านเหรียญสหรัฐเท่านั้น
เขายื่นเรื่องฟ้องต่อศาล กล่าวหาว่า ของเขาน่าจะถูกแม่บ้านและคนรับใช้ของเธอล้างสมอง โดยใช้ยาเพื่อเกลี้ยกล่อมให้เธอยกมรดกให้สุนัขแทน เพื่อที่พวกเขาจะสามารถควบคุมสุนัขเหล่านั้นได้
แม่บ้าน คนรับใช้และคนขับรถรวม 7 คนจะได้รับเงินกว่า 26 ล้านเหรียญสหรัฐเป็นค่าเลี้ยงดูมะหมาทั้งสาม รวมทั้งจะได้อาศัยอยู่ในบ้านของเกลโดยไม่ต้องเสียค่าเช่าอีกด้วย
เศรษฐีนีชาวอเมริกัน เกล พอสเนอร์ ผู้ยกมรดกเกือบทั้งหมดให้กับมะหมาสี่ขาของเธอ
บรู๊ซ คัตเซน ทนายส่วนตัวของนางพอสเนอร์ กล่าวว่า เธอมีปัญหาเรื่องยาอย่างรุนแรง เนื่องจากเธอป่วยเป็นโรคมะเร็ง และ “โรคอารมณ์สองขั้ว ” ซึ่งนั่นทำให้เธอถูกชักจูงได้ง่าย
เมื่อเกิดการแย่งชิงมรดกกัน มีคดีความในศาลแล้วศาลเล่า ผู้คนที่ได้รับรู้ก็จะจดจำแต่ดราม่าที่เกิดขึ้น เมื่อพูดถึงผู้วายชนม์ก็จะนึกถึงแต่เรื่องดังกล่าว เป็นเรื่องที่น่าเสียดายยิ่งนักเพราะผู้วายชนม์หลายๆ คนได้ทำความดีหรือสร้างชื่อเสียงไว้อย่างมากมายในขณะที่มีชีวิตอยู่ แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า เรื่องเงินๆ ทองๆ ที่เป็นของนอกกายนั้น ใครๆ ก็อยากได้
................
เรื่องและรูป : เว็บไซต์บีบีซี นิวยอร์คโพสต์ และแอลเอไทม์ส