‘ฟ้าจรดทราย’ เดอะมิวสิคัล 2024 เวอร์ชั่น ‘ณเดชน์ คูกิมิยะ’

ฟ้าจรดทราย เดอะมิวสิคัล 2024 สร้างจาก ฟ้าจรดทราย นวนิยายชื่อดังของ โสภาค สุวรรณ นามปากกาของ รำไพพรรณ สุวรรณสาร ศิลปินแห่งชาติ สาขาวรรณศิลป์ ประจำปี พ.ศ. 2556 

ขณะนี้อยู่ในระหว่างการซ้อมและการเตรียมความพร้อมให้สมบูรณ์ที่สุด มีกำหนดการเปิดแสดงวันที่ 12 มิถุนายน - 21 กรกฎาคม 2567 ณ เมืองไทยรัชดาลัย เธียเตอร์

 

โสภาค สุวรรณ เป็นนักเขียนที่มีผลงานมากมาย ส่วนหนึ่งถูกนำไปสร้างเป็นละครโทรทัศน์ อาทิ กระท่อมไม้ไผ่ (2540 ช่อง7) เงาราหู (2538 ช่อง3) จินตปาตี (2540 ช่อง3)จันทร์ ฤ จะฉาย (2548 ช่อง3) ชิงช้าชาลี (2536 ช่อง7) ญาติกา (2539 ช่อง7) ดวงยิหวา (2541 ช่อง3) ดาวหลงฟ้า (2562 ช่อง3) ตะวันลับฟ้า (2542 ช่อง3)

ทางช้างเผือก (2551 ช่อง3) ทับตะวัน (2546 ช่อง3) ฟ้าจรดทราย (2556 ช่อง7) ไม้เมือง (2543 ช่อง3) รักในสายหมอก (2542 ช่อง3) รักเร่ (2558 ช่อง7) ลมหวน (2549 ช่อง3) ลูกสาวพ่อมด (2557 ช่อง3) สงครามดอกรัก (2544 ช่อง7) สายโลหิต (4 ครั้ง 2529, 2546 ช่อง 3 และ2538, 2561ช่อง 7)

Cr. Kanok Shokjaratkul

เรื่องที่เด่นที่สุดคือ ฟ้าจรดทราย ถูกนำไปสร้างเป็นละครเวที ครั้งแรก พ.ศ. 2550 โดย ถกลเกียรติ วีรวรรณ บริษัท เอ็กแซ็กท์ จำกัด ในชื่อว่า ฟ้าจรดทราย เดอะมิวสิคัล แสดงโดย ปฏิภาณ ปฐวีกานต์, มีเรีย เบนเนเดดตี้, รฐา โพธิ์งาม, ศรัณยู วงษ์กระจ่าง, พชรพล จั่นเที่ยง ฯลฯ

และถูกสร้างเป็นละครโทรทัศน์ พ.ศ. 2553 โดย สยาม สังวริบุตร บริษัท ดาราวิดีโอ จำกัด แสดงโดย ธีรภัทร์ สัจจกุล, อุษามณี ไวทยานนท์, มรกต กิตติสาระ, ฐสิษฐ์ สินคณาวิวัฒน์, อานัส ฬาพานิช บางส่วนถ่ายทำที่ประเทศอียิปต์ ใช้เวลาถ่ายทำนานเกือบสามปี พ.ศ. 2553-2556

วันที่ 16 มกราคม 2567 ถกลเกียรติ วีรวรรณ ประกาศข่าวและโพสต์ภาพโปสเตอร์ละครเวทีเรื่อง ฟ้าจรดทราย เดอะมิวสิคัล ที่จะนำกลับมาสร้างใหม่อีกครั้ง โดยมี ณเดชน์ คูกิมิยะ เป็นชาริฟ 

วันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2567 ถกลเกียรติ วีรวรรณ ให้สัมภาษณ์กรณีมีดราม่า หลังเปิดตัวนักแสดงนำ ฟ้าจรดทราย เดอะมิวสิคัล ครบ 5 คนแล้ว มีความเคลี่อนไหวว่า นางเอก แก้ม กุลกรณ์พัชร์ ไม่ตรงกับคาแรคเตอร์มิเชลล์

"เราต้องเข้าใจก่อนว่าบทประพันธ์นี้เป็นบทประพันธ์ที่คนรักมาก ณเดชน์ก็มีคนรักมาก พอนางเอกเป็นแก้ม บางคนก็บอกว่าดีจังเลย

หลายคนคงจำไม่ได้ เมื่อ 17 ปีที่แล้ว ฟ้าจรดทราย เดอะมิวสิคัล ครั้งแรกที่เปิดตัวมอส ปฏิภาณ เป็นชารีฟ 99 เปอร์เซนต์ก็โดนด่าเละมาก บอกว่ามอสไม่ใช่ชาริฟ มอสตัวเล็กไป จะเป็นองครักษ์ได้ยังไง

แต่พอแสดงออกมาแล้วทุกคนชื่นชอบชื่นชม มาครั้งนี้ ทั้ง 4 ตัวละครหลักนอกเหนือจากณเดชน์ จะต้องเป็นคนที่เคยเล่นละครเวทีมาแล้ว ผมก็ต้องมาดูตัวทอป และขณะนี้ทุกคนก็กำลังเริ่มซ้อมเพลง"

Cr. Kanok Shokjaratkul

"การได้เอาตัวเองมาอยู่บนเวทีนี้ ถือเป็นอีกหนึ่งความฝัน"

ณเดชน์ คูกิมิยะ ให้สัมภาษณ์ ในช่วงพักเที่ยงของวันที่ 28 มีนาคม 2567 ณ โรงละคร เมืองไทยรัชดาลัย เธียเตอร์ ถึงการได้มาแสดงละครเวทีเรื่องนี้ว่า

"อาทิตย์ที่แล้ว ได้มาเรียนร้องเพลง อาทิตย์นี้ได้เข้ากับพี่ ๆ นักแสดงทุกคน สนุกมาก ได้รับพลังจากเขาด้วย ยังไม่ได้ซ้อมแบบเข้าบท อยู่ในช่วงเรียนรู้วิธีการร้องแบบละครเวที 

Cr. Kanok Shokjaratkul

ฉากที่ต้องวิ่ง ต้องแอ็คชั่น การโฟกัสที่เสียง อารมณ์ของตัวละคร ละครเวทีมีร้องเพลงด้วยก็ต้องมีสติมากขึ้น ความแตกต่างของละครกับละครเวทีคือ ละครเวทีไม่มีเทค รวดเดียวตั้งแต่ต้นเรื่องจนจบเรื่องเลย 

ทุก ๆ วันที่มา จะไล่เพลงตั้งแต่องก์หนึ่ง พักเบรค องก์สอง ถ้ามีพี่ ๆ นักแสดงท่านอื่นเข้ามาด้วยก็จะเข้าคู่กัน ร้องคู่กัน"

ณเดชน์ บอกว่า การร้องเพลงของละครเวทีไม่เหมือนกับการร้องเพลงทั่วไป 

"ละครเวทีเป็นเรื่องของการหายใจด้วย ครูจะสอนให้เราเข้าใจเทคนิค กลับบ้านไปเราต้องทำการบ้าน วอร์มเสียง บางทีซ้อมทุกวันแต่ไม่วอร์มเสียงก็เหลือศูนย์

ถ้าเราพยายามไปเรื่อย ๆ เข้ามาแล้วเสียงพร้อม ร่างกายพร้อม กะบังลมพร้อม มันก็จะง่าย ยิ่งร้องมากขึ้น ก็ยิ่งเข้าใจเพลงมากขึ้น ฟิลลิ่งมันก็ได้

เพิ่มลูกเล่นในการร้องเพลงได้ว่า ประโยคนี้ขอยืดหน่อย ประโยคนี้ขอสั้น ๆ ตรงนี้ต้องแบ่งวรรคหายใจ เพื่อจะลากเสียงให้ยาว

ทั้งเรื่องมีประมาณ 20 เพลง มีร้องกับคนอื่นด้วย ไม่ใช่ของเราคนเดียว

พี่บอย (ถกลเกียรติ วีรวรรณ) ส่งผมมาเรียนร้องเพลงเป็นคนแรก ก่อนที่นักแสดงคนอื่นจะเริ่ม เพราะว่าหลายคนมีประสบการณ์แล้ว แต่ว่าผมยังไม่มี"

Cr. Kanok Shokjaratkul

สิ่งที่ยากที่สุดของละครเวที ณเดชน์บอกว่า เป็นเรื่องของประสาทสัมผัส

"เราฟังเสียงเปียโนแล้วคิดว่าเราร้องสูงแล้ว แต่ครูบอกว่ายังไม่ใช่ ยังต่ำอยู่ บางทีเราสนุกร้องเกินไป ฟิลลิ่งอินเกินไป อาจทำให้ความสมบูรณ์แบบในการร้องหายไป 

ผมจะมาซ้อมทุกวันพฤหัส ศุกร์ เสาร์ อาทิตย์ ยาวไปถึงสิงหาคม รู้สึกตื่นเต้นที่ได้ทำ กระหายอยากจะซ้อม รู้สึกว่าเราเป็นน้องใหม่ ต้องเรียนรู้จากเขาเยอะ

เรื่องร้องเพลง ตอนแรกเรามั่นใจว่าเราร้องได้ แต่พอมาเข้าคลาสจริง ๆ คนละเรื่องเลย "โอย จะไหวหรือเปล่า" เราต้องทำให้ได้

Cr. Kanok Shokjaratkul

ละครเวทีมันคัทไม่ได้ เราก็ต้องซ้อมจนเราจำได้ พอเราจำบทได้ทุกอย่าง มันจะทำได้โดยปริยาย เรื่องร้องเพี้ยนอาจจะมีบ้าง แต่อย่าลืมเนื้อ 

เรื่องบท ผมมั่นใจว่าจำได้ พี่บอยเตือนว่า อย่ารู้ก่อนนะ เพราะพอเล่นบ่อย ๆ เริ่มชิน สักสิบรอบ นักแสดงจะเริ่มไหลไปเองแล้ว ไหลไปเกิน จนรู้ทุกอย่างไปแล้ว มันจะไม่รู้สึกว่ามันสด

ก่อนร้องเพลง เราจะซ้อมพูดบทก่อน สนทนาตัวละครก่อน เพื่อให้เข้าใจสภาวะอารมณ์ก่อนที่จะร้อง แล้วค่อยเข้าร้อง"

Cr. Kanok Shokjaratkul

ความกดดันในการเล่นละครเวทีครั้งแรกทุกคนต้องมี ณเดชน์ก็เช่นกัน 

"เรื่องนี้คนคาดหวังไว้เยอะ ตอนแรกก็คิดว่าจะกดดันตัวเองดีไหม แต่สุดท้ายเลือกที่จะไม่กดดันตัวเองดีกว่า เป็นการท้าทายความสามารถตัวเองอีกสเต็ปหนึ่ง

ที่กังวลที่สุดคือ เรื่องของคิวแอ็คชั่น ครั้งที่แล้วพี่มอสบาดเจ็บหนักมาก แต่ด้วยสปิริต พี่มอสก็ยังกลับมาขึ้นเวทีต่อ เราก็ต้องซ้อมหนัก เพราะต้องร้องไปด้วย โบกมือไป ต้องไปจำบล็อก"

กับการสวมบทบาทเป็น 'ชาริฟ'  เวอร์ชั่น 'ณเดชน์ คูกิมิยะ' เป็นอย่างไร 

"ชาริฟ รักประเทศของเขา ต้องการปกป้องประเทศ เป็นเหมือนตัวแทนของคนที่อยู่ฮิลฟารา เป็นตัวแทนของกฎหมาย เป็นตัวแทนของความซื่อสัตย์ ความภักดีต่อองค์กษัตริย์

แต่ถูกส่งไปเรียนต่างประเทศ แล้วกลับมา อะไรที่เป็นจารีตประเพณีที่ค่อนข้างจะรุนแรง ชาริฟจะปรับวิสัยทัศน์ของกลุ่มคนในราชวงศ์ให้มีมุมมองที่เป็นมิตรกับสหประชาชาติมากขึ้น

เท่าที่อ่านในนิยาย รู้สึกว่าชาริฟโคตรดุเลย เป็นทหารที่ไม่เล่น ไม่โน่นไม่นี่ แต่ที่ได้อ่านบทของเวอร์ชั่นนี้ เขายังมีความขี้เล่น มีความทีเล่นทีจริง เป็นเสน่ห์ที่เรามีความใกล้เคียงกัน 

เวอร์ชั่นนี้พี่บอยปรับหลายอย่าง เพราะว่ายุคสมัยนี้ ทุกอย่าง มุมมองของคนดูก็เปลี่ยนไป ทั้งเรื่องบท ทั้งตัวชาริฟ ตัวนางเอก ตัวพระราชา ให้มันมีความเข้ากับยุคสมัยนี้"

พระเอกกับนางเอก ได้เจอกันแล้ว นางเอกร้องเก่งมาก

"กับนางเอก ได้เจอกันซ้อมกันแล้ว 5-6 ครั้ง ต้องแบ่งช่องหายใจให้ดี ๆ เพราะพี่แก้มลากเสียงยาว ถ้าเริ่มเข้าบทเข้าฉากด้วยกันน่าจะสนุกกว่านี้

เราเคยดูละครเวทีมาหลายเรื่องแล้ว การที่ได้เอาตัวเองมาอยู่บนเวทีนี้ เป็นอีกหนึ่งความฝันที่เกิดขึ้นโดยที่เราไม่ทันตั้งตัว ก็อยากจะทำให้มันมีความสุข

Cr. Scenario & Rachadalai

ทั้งหมด 36 รอบ ก็ต้องเตรียมตัวด้วยการอย่าสนุกเกิน เพราะพอสนุกเกินเราจะใส่เต็ม ผมเคยขึ้นคอนเสิร์ตแค่สองรอบ ก็เสียงหายเลยหลังจบคอนเสิร์ตเสร็จ

ถ้าเราไม่ถนอมเสียงตัวเอง ไม่รู้จักวิธีการร้องที่ถูกต้อง พอมาละครเวทีก็ไม่ได้แล้ว ต้องเรียนรู้วิธีการร้องที่เซฟเส้นเสียงที่ดีที่สุด

การขึ้นเสียงสูง การลากเสียงยาว ๆ มันมีเทคนิควิธีที่ทำให้เราใช้เสียงได้อีกสิบวันเต็ม ๆ โดยที่คุณภาพการร้องยังเหมือนเดิม

ตอนนี้ต้องวอร์มเสียงทุกเช้า เป่าปาก นวดหน้า กระดกลิ้น มันช่วยได้ เพราะถ่ายละครต้องใช้กล้ามเนื้อ"

Cr. Kanok Shokjaratkul

หลายคนเล่นละครเวทีไปแล้วกลายเป็นคนเล่นใหญ่ ณเดชน์จะเป็นไหม

"พี่บอยบอกว่าถ้าไม่รู้สึกแล้วไปทำ คนดูก็ดูออก แล้วเขาก็จะไม่เชื่อ มันต้องมาจากข้างในจริง ๆ แล้วมันจะออกมา แล้วมันถึงจะดูว่า อ๋อ มันเป็นเพราะตัวละคร

พี่บอยบอกว่าถ้ามีไอเดียอะไรลองขายมาก่อน ลองทำมาก่อน อย่าปิดกั้นตัวเอง ปล่อยออกมาให้หมด แล้วมาดูกัน

บางทีเราเล่นไปสิบรอบแล้ว เราก็ยังปรับกันได้อยู่ หรือตรงนี้ไม่ตลกเลยก็อาจจะเปลี่ยนใหม่ ให้มันตลกขึ้น มีวิธีการเยอะแยะ อย่าเพิ่งไปวางอะไรตายตัว

นี่เป็นอีกหนึ่งโปรเจ็กต์ในฝัน ที่ผมได้มีโอกาสมาอยู่ร่วมกับ ฟ้าจรดทราย เดอะมิวสิคัล อยากฝากแฟน ๆ ฟ้าจรดทราย เวอร์ชั่นแรก และแฟน ๆ ที่ยังไม่เคยได้ดูละครเวที ให้มาดูกันเยอะ ๆ เราจะเริ่มกันเดือนมิถุนายนนี้ จำหน่ายบัตรแล้ว อย่าช้านะครับ เดี๋ยวเราเจอกันแน่นอน"