JOKER: FOLIE À DEUX เจอเสียงวิจารณ์ที่เทศกาลภาพยนตร์นานาชาติเมืองเวนิส 2024

JOKER: FOLIE À DEUX เจอเสียงวิจารณ์ที่เทศกาลภาพยนตร์นานาชาติเมืองเวนิส 2024

ต้อนรับหนัง JOKER: FOLIE À DEUX ลงโรงฉายในบ้านเรา ด้วยความเห็นจากนักวิจารณ์เมื่อครั้งที่หนังเรื่องนี้ไปเปิดตัวรอบปฐมทัศน์ที่เทศกาลภาพยนตร์นานาชาติเมืองเวนิส 2024

นับเป็นปรากฏการณ์สำคัญสำหรับวงการเทศกาลหนัง เมื่องานฮอลลีวู้ดบล็อคบัสเตอร์เรื่องดังที่ทุกคนรอคอยอย่าง Joker ของผู้กำกับ Todd Phillips จะได้ร่วมเข้าประกวดในเทศกาลภาพยนตร์ที่มุ่งเน้นความเป็นศิลปะอย่างเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติเมืองเวนิส เมื่อปี 2019 และสามารถเอาชนะคู่แข่งอีก 20 เรื่อง คว้ารางวัลใหญ่อย่าง ‘สิงโตทองคำ’ ประจำเทศกาลไป ท่ามกลางความประหลาดใจของใครหลาย ๆ คน!

จวบจน ค.ศ. 2024 นี้ ผู้กำกับ Todd Phillips ก็มีผลงานภาคต่อชื่อ Joker: Folie à Deux (โจ๊กเกอร์: โฟลี-อะ-เดอซ์) เผื่อจะย้อนรอยได้เจอความสำเร็จเดิมกันอีกครั้ง ด้วยการส่งหนังเข้าประกวดในเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติเมืองเวนิส หวังพิชิตรางวัลใหญ่ สร้างปรากฏการณ์ใหม่ให้หนังทั้งสองภาคชนะรางวัลสิงโตทองคำในแบบที่ไม่เคยมีใครทำได้มาก่อน

 

JOKER: FOLIE À DEUX เจอเสียงวิจารณ์ที่เทศกาลภาพยนตร์นานาชาติเมืองเวนิส 2024

JOKER: FOLIE À DEUX เจอเสียงวิจารณ์ที่เทศกาลภาพยนตร์นานาชาติเมืองเวนิส 2024 Credit : Marco BERTORELLO / AFP

 

ทว่าตอนที่หนังออกฉายรอบปฐมทัศน์สำหรับสื่อ เมื่อวันพุธที่ 4 กันยายน ณ โรง Sala Darsena ตั้งแต่เวลา 08.15 น. ผู้ชมก็ออกจากโรงมาแลกเปลี่ยนปฏิกิริยากันอย่างเสียงแตก แม้ทุกคนจะเห็นตรงกันว่าอารมณ์หนังเดินไปคนละทางกับภาคแรก แต่ก็มีทั้งคนที่ปลื้มไปกับความแปลกใหม่ และคนที่ส่ายหัวไม่เข้าใจว่า Todd Phillips กำลังทำอะไร

เมื่อ Joker: Folie à Deux จะกลายเป็นงาน romantic musical ใส ๆ ด้วยการให้ Joaquin Phoenix จับคู่กับ Lady Gaga เล่าเหตุการณ์ช่วงวันเวลาแห่งการไต่สวนความผิดของตัวละคร Arthur Fleck ในเมืองอาร์คาม พร้อม ๆ ไปกับการมีความรักกับตัวละครหญิงหัวขบถ ผู้มีรสนิยมต่อต้านสังคมสมจะเป็นคนรักของ Arthur Fleck เป็นอย่างดี

โดยทั้งคู่มีสิ่งที่เหมือนกันคือหัวใจที่รักในดนตรี และมักจะขับขานท่วงทำนองเมโลดี้คุ้นหูเคียงคู่กันอยู่เสมอ ๆ ราวโลกใบนี้มีเพียงแค่ฉันกับเธอก็เพียงพอแล้ว!

 

JOKER: FOLIE À DEUX เจอเสียงวิจารณ์ที่เทศกาลภาพยนตร์นานาชาติเมืองเวนิส 2024

ซึ่งผู้ชมและสื่อที่ ‘ซื้อ’ การฉีกแนวหนังแฟรนชายส์ Joker เรื่องนี้ ก็ยกย่องสดุดีว่าหนังได้สร้างพลังงานแปลกใหม่ที่พัฒนาจากงานภาคแรกไปไกล ใครจะคิดว่าจากงาน action drama บ้าเลือดเดือดพล่านไปด้วยความรุนแรงในภาคแรก จะแหวกสไตล์กลายมาเป็นงานเพลงบรรเลงกันอย่างลั้ลลามีความ Lady Gaga กันได้ขนาดนี้!

มันจึงเป็น Joker ในฉบับที่เราจะได้เห็นถึงมุมโลกสวยสุนทรีย์ แม้จะยังมีฉากดิบ ๆ โหด ๆ โกรธเกรี้ยวเดี๋ยวจะได้เจอดีที่รักษาลีลาจากภาคแรกไว้อยู่ แต่การเข้ามาของตัวละครเนื้อคู่อย่าง Lee ซึ่งรับบทโดย Lady Gaga ก็สามารถทำให้หนังทั้งเรื่องดูซอฟต์ลงไป ฉายให้เห็นอีกมุมด้านของตัวละคร Arthur Fleck ซึ่งยังไม่เคยมีใครได้เห็นมาก่อน!

 

JOKER: FOLIE À DEUX เจอเสียงวิจารณ์ที่เทศกาลภาพยนตร์นานาชาติเมืองเวนิส 2024

 

แต่สำหรับผู้ชมที่เห็นแต่ ‘จุดอ่อน’ ของหนังก็รุมโจมตีกันใหญ่ โดยเฉพาะสื่อจากอิตาลีและประเทศฝั่งยุโรปที่ให้ความสำคัญกับความละเอียดของตัวละคร ที่พอย้อนเทียบนาย Arthur Fleck ในภาคนี้กับภาคก่อนหน้า มันดูเหมือนมากันคนละเรื่องคนละคนกันเลย

จากที่เคยเห็นตัวละคร Joker เป็นฝ่ายระเบิดความรุนแรงหลังเป็นฝ่ายถูกกลั่นแกล้งทำร้าย ในภาคนี้เขาได้กลายเป็น ‘เทพบุตร’ สุดเท่หัวใจเต็มไปด้วยเมโลดี้ผู้มีสตรีเคียงข้างกาย

แถมบทเพลงที่เลือกมาไม่ว่าจะเป็น When You’re Smiling (The Whole World Smiles with You) (1929) ฉบับ Louis Armstrong เพลง To Love Somebody (1967) โดย Bee Gees หรือเพลง (They Long to Be) Close to You (1970) ของ The Carpenters ซึ่งเป็นงานเบอร์ดังจริง ไพเราะจริง เป็นตำนานจริง ๆ โดยไม่มีใครเถียง

แต่สุ้มเสียงสำเนียงที่ออกจะหวานหยดย้อยแบบไม่เกรงใจใคร ก็สร้างคำถามใหญ่ให้กับหนังได้เหมือนกันว่า สรุปแล้ว Lee และ Arthur เป็นตัวละครตระกูลเพี้ยนบ้าอย่างที่หนังได้เกริ่นปูมาหรือไม่ ทำไมเวลาขับขานประสานทำนองกันมันจึงดูกลายเป็นศิลปินช่างฝัน ซึ่งช่างไม่เข้ากันกับตัวละครเดียวกันที่ยังต้องเดินเรื่องในส่วนอื่น ๆ อีกด้วย!

 

JOKER: FOLIE À DEUX เจอเสียงวิจารณ์ที่เทศกาลภาพยนตร์นานาชาติเมืองเวนิส 2024

 

ด้านการแสดงเป็นตัวละครจิตป่วยอย่าง Arthur Fleck ของ Joaquin Phoenix เองก็เห็นถึงอาการประดิษฐ์เกร็งเค้นและพยายาม โดยเฉพาะตอนคำรามเสียงหัวเราะที่กลายเป็นเสียงสังเคราะห์จากความ ‘ตั้งใจ’ แสดง มิได้เสียดแทงออกมาจากภาวะความรู้สึกภายในอันแท้จริง

หลาย ๆ สิ่งใน Joker: Folie à Deux จึงยังมีความสะเหร่อเด๋อด๋า บทหนังเกี่ยวกับการว่าความในศาลก็ยังไม่เห็นถึงแก่นสารอันใด ไม่ได้น่าประทับใจดังที่หลาย ๆ คนคาดหวังไว้ว่ามันต้อง ‘จึ้ง’ ต้อง ‘ทำถึง’ มากกว่านี้

 

JOKER: FOLIE À DEUX เจอเสียงวิจารณ์ที่เทศกาลภาพยนตร์นานาชาติเมืองเวนิส 2024

พอเสียงตอบรับมีทั้งคนที่ชื่นชมผสมก่นด่า วันก่อนหน้าจะประกาศผลรางวัล Joker: Folie à Deux จึงไม่ปรากฏรายชื่อในโพลนำเสนอตัวเก็งในการคว้ารางวัลใหญ่ และเมื่อถึงวันตัดสินว่าผู้ชนะแต่ละรางวัลเป็นใคร Joker: Folie à Deux ก็กลายเป็นหนังประกวดที่ไร้ร่องรอย ไม่ค่อยมีใครหวนกลับไปพูดถึงกันอีก และต้องปลีกตัวกลับไปเก็บกระเป๋าเดินทางกลับบ้านมือเปล่า ไม่ได้ยินแม้แต่เงาของเสียงหัวเราะเหอะ ๆ แห้ง ๆ ในฐานะผู้ที่จะมาแย่งชิงรางวัลรางวัลสิงโตไปในคำรบที่สอง!

 

JOKER: FOLIE À DEUX เจอเสียงวิจารณ์ที่เทศกาลภาพยนตร์นานาชาติเมืองเวนิส 2024

 

ส่วนหนังที่ต้องกลับบ้านมือเปล่าเรื่องอื่น ๆ ก็ยังมีผลงานของผู้กำกับขึ้นชื่อจากอิตาลี เริ่มตั้งแต่เรื่อง Battlefield ของ Gianni Amelio ที่ย้อนเวลาไปในช่วงปลายสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง ซึ่ง Stefano และ Giulio หมอทหารสองนาย จะต้องรับมือกับผู้บาดเจ็บซึ่งส่วนใหญ่จะตั้งใจทำร้ายร่างกายตนเองเพื่อหนีสงครามหวังจะได้รับหมายตามตัวกลับบ้าน ซึ่งเป็นการกระทำที่กำกวมเหลือเกินว่าเจตนาที่แท้จริงคืออะไร ระหว่างอาการใจปลาซิวหรือเป็นพฤติกรรมต่อต้านอาการ ‘หิวสงคราม’ ของกองทัพ!

 

JOKER: FOLIE À DEUX เจอเสียงวิจารณ์ที่เทศกาลภาพยนตร์นานาชาติเมืองเวนิส 2024

 

ซึ่งเมื่อมองจากความประณีตในงานสร้างก็ต้องนับว่าหนังกำกับออกมาอย่างดูดีมีมาตรฐานในทุกด้าน แต่ด้วยแนวทางการกำกับที่ยัง old school จนดูโบราณทำให้ผลงานหนังแนวขนบเรื่องนี้อาจจะยังไม่มีแง่มุมความแปลกใหม่ไปแข่งสู้กับใคร ๆ มากนัก

 

ส่วนเรื่อง Sicilian Letters ของสองผู้กำกับ Fabio Grassadonia และ Antonio Piazza ก็เล่าเรื่องราวจดหมายรักหักมุมระหว่าง Catello อดีตมาเฟียนักการเมืองคอร์รัปชันหลังชดใช้วันเวลาไถ่โทษในคุกอยู่หลายปี ที่ได้รับมอบหมายจากฝ่ายสืบสวนของทางการอิตาลี ให้แอบส่งสาส์นแสดงความปรารถนาดีไปยัง Matteo บุตรมาเฟียบุญธรรมที่กำลังกบดานแอบซ่อนตัว ยั่วยุให้ Matteo คายความลับจนรัฐบาลสามารถจับกุมตัวเขาได้ โดยหารู้ไม่ว่าจดหมายเหล่านั้นมันมีรหัสลับด้วยศัพท์มาเฟียแฝงอยู่!

 

JOKER: FOLIE À DEUX เจอเสียงวิจารณ์ที่เทศกาลภาพยนตร์นานาชาติเมืองเวนิส 2024

ซึ่งแม้ว่าหนังจะได้คู่นักแสดงดังระดับแม่เหล็กอย่าง Toni Servillo และ Elio Germano มารับบทเป็น Catello และ Matteo ตามลำดับ ผู้กำกับกลับเล่าเรื่องราวได้ไม่น่าสนใจ ในขณะที่ตัวบทเองก็ซับซ้อนยอกย้อนจนยากจะทำความเข้าใจ Sicilian Letters จึงกลายเป็นหนังมาเฟียแนวหักเหลี่ยมเฉือนคมที่เรื่อง ‘จม’ เสียจนหมดสิ้นความสนุก!

 

หนังอิตาเลียนย้อนยุคเรื่อง Diva Futura ของผู้กำกับหญิง Giulia Louise Steigerwalt ที่พาเรากลับไปยังสมัย 1980s-1990s ช่วงที่หนังโป๊ home video กำลังเป็นที่นิยมโด่งดัง ดัดแปลงจากนิยาย Don’t Tell Mom I’m a Secretary (2013) โดย Debora Attanasio ก็เล่าเบื้องหลังการสร้างงานวาบหวิวของดาราสาวผิวแทนทองของค่าย Diva Futura บริหารงานโดย Riccardo Schicchi ว่าพวกเขาจะต้องทำงานท่ามกลางวิถีอนุรักษ์นิยมจากประชาคมโรมันคาทอลิกกันอย่างไรภายใต้แรงเสียดทาน

มอบฝันหวานซาบซ่านรัญจวนให้มวลประชาทั้งในอิตาลีและที่สั่งซื้อกันมาจากทั่วทุกหัวระแหง จนนักแสดงหญิงได้รับความนิยมเรียกเสียงโหวตได้ถล่มทลายกลายเป็นสมาชิกรัฐสภาและสามารถลงชิงตำแหน่งนายกเทศมนตรีแห่งกรุงโรมได้ในที่สุด

 

JOKER: FOLIE À DEUX เจอเสียงวิจารณ์ที่เทศกาลภาพยนตร์นานาชาติเมืองเวนิส 2024

หนังขุดบรรยากาศในมุมที่เราไม่เคยพบเห็นหลังม่านความเป็นไปของอุตสาหกรรมหนังโป๊ในยุคนั้นได้อย่างน่ารักและชวนฝันดี เสียแต่ Pietro Castellitto ที่มารับบทเป็น Riccardo Schicchi ดูจะมีบุคลิกเป็นคนจิตใจดีที่ไม่เข้ากับตำแหน่งผู้จัดการบริษัทหนังโป๊จนเรื่องออกจะโม้ ๆ ชอบกล จากน้ำเสียงหนังที่น่าจะมีความ sexy ซุกซน พอคนกำกับเป็นผู้หญิงสิ่งเหล่านี้จึงมีมุมมองที่เปลี่ยนไป ไม่เหลือความวาบหวิวยั่วยวนใจในแบบหนังเรทอาร์ที่เล่าจากสายตาของเหล่าบรรดาผู้กำกับชายแทร้!

 

ในขณะที่กลุ่มหนัง LGBTQ+ ก็ไม่ยอมแพ้ ส่งหนังใหม่เรื่อง Queer ของผู้กำกับอิตาลี Luca Guadagnino มาร่วมเข้าชิงชัย

 

JOKER: FOLIE À DEUX เจอเสียงวิจารณ์ที่เทศกาลภาพยนตร์นานาชาติเมืองเวนิส 2024

หนังดัดแปลงด้วยการนำนิยายชื่อเดียวกัน (1985) ของ William S. Burroughs มาเล่าใหม่ โดยได้นักแสดงหนุ่มหุ่นกร้าวใจ Daniel Craig มารับบทเป็น Lee ชายเกย์อเมริกัน expat ในเมืองเม็กซิโกซิตี้เมื่อปี ค.ศ. 1950 ที่ชอบไปนั่งจิบเครื่องดื่มและสุรา ณ บาร์สำหรับชาวอเมริกัน

ที่นั่นเขาได้พบปะพูดคุยกับเพื่อนชายรสนิยมเดียวกัน และต้องตะลึงงันเมื่อได้พบกับ Allerton (รับบทโดย Drew Starkey) นักศึกษาหนุ่มหน้าใสที่ Lee จะต้องวัดใจว่าจะพิสมัยร่างกายอันกำยำของเขาหรือไม่ ก่อนที่ทั้งคู่จะชวนกันไปหาสารลับที่อเมริกาใต้

จากนิยายระบายความในใจของเหล่าตัวละครชายรักชายที่ William S. Burroughs เขียนต้นฉบับทิ้งไว้หลายสิบปีกว่าจะได้ตีพิมพ์เป็นเล่ม กลายมาเป็นหนังที่เต็มไปด้วยฉากอวดเรือนร่างและการร่วมรักกันอย่างอล่างฉ่างของนักแสดงนำโดยไม่ได้ให้ความสำคัญกับการพัฒนาเนื้อหาเรื่องราว

หนังเรื่อง Queer จึงเหมือนจงใจจะนำเสนอฉากเลิฟซีนแบบหวังสร้างความอื้อฉาว ปล่อยทอดความยาวไปถึง 135 นาทีอย่างไม่มีสาระประเด็นให้เห็นถึงความลุ่มลึกในด้านใดเลย!

 

หนัง LGBTQ+ อีกเรื่องในสายประกวดอย่าง Love ของ Dag Johan Haugerud จากนอร์เวย์ก็มีระดับคุณภาพที่ค่อนไปทางเฉย ๆ งั้น ๆ

 

JOKER: FOLIE À DEUX เจอเสียงวิจารณ์ที่เทศกาลภาพยนตร์นานาชาติเมืองเวนิส 2024

ช่วงกลางวัน ทั้งแพทย์หญิง Marianne และบุรุษพยาบาล Tor ทำงานอยู่ในโรงพยาบาลเดียวกัน พอตกเย็นหนุ่มโสดอย่าง Tor ก็จะหันไปใช้บริการเรือเฟอร์รีข้ามฝั่งฟาก บำบัดอาการอยากมีคู่ด้วยการส่องดูแอป Tinder เผื่อว่าจะเจอชายในฝันอยู่บนเรือใหญ่ลำนั้น

วันหนึ่งเขาดันไปเจอคุณหมอ Marianne เข้า เลยเล่าทุกอย่างให้นางฟังว่าเขากำลังมาทำอะไร Marianne เลยนึกสนุกลองใช้แอป Tinder ตาม แสวงหาความรักจากการลองส่องปัดนัดบอดกันทางโทรศัพท์มือถือ ค้นหาว่าใครคือคู่แท้ ที่จะไม่คิดแคร์เลยว่า อดีตที่ผ่านมาเธอต้องเสียน้ำตาให้กับอะไรบ้าง

หนังเล่าออกมาอย่างอ่อนหวานชนิดน้ำตาลเมืองเพชรต้องเรียกพี่ ทั้ง ๆ ที่ตัวละครหลักก็เป็นทั้งหมอและพยาบาล แต่พวกเขาเหมือนใช้ชีวิตอยู่ในโลกจินตนาการแห่งฝันหวาน จนแทบไม่เห็นกระบวนคิดในแบบวิทยาศาสตร์ที่พวกเขาร่ำเรียนกันมาสักนิด!

 

ปิดท้ายด้วยหนัง LGBTQ+ สุดแปลกประหลาดพิสดารในสายประกวดประจำเทศกาล ได้แก่ผลงานเรื่องใหม่ของผู้กำกับ Luis Ortega จากอาร์เจนตินา ชื่อว่า Kill the Jockey ที่ทลายกรอบขนบทางเพศของตัวละครจนไม่อาจอธิบายได้ต่อไปว่าอะไรเป็นอะไร

 

JOKER: FOLIE À DEUX เจอเสียงวิจารณ์ที่เทศกาลภาพยนตร์นานาชาติเมืองเวนิส 2024

เนื้อหาหลัก ๆ จับไปที่ตัวละคร Remo จ็อกกี้ขี่ม้าแข่งชื่อดังที่พักหลัง ๆ เริ่มจะวาสนาไม่ดีมีอุบัติเหตุเภทภัยมาทำให้เขาต้องได้รับบาดเจ็บทั้งในและนอกสนามแข่งอยู่ไม่เว้นแต่ละวัน เขาติดหนี้พนันกับ Sirena หัวหน้ามาเฟียที่เป็นผู้จัดการดูแลเขาเป็นแรงกดดันรุมเร้าให้ Remo เอาชนะในการแข่งขันให้ได้

ส่วนเรื่องหัวใจเขาก็มี Abril จ็อกกี้ขี่ม้าแข่งสตรีเป็นคู่ชีวิตอยู่กินกัน แต่หลังจากที่เธอตั้งครรภ์ Abril ก็หันไปมีความสัมพันธ์แบบเลสเบี้ยนกับจ็อกกี้สตรีอีกราย เมื่อชีวิตของ Remo เจอแต่เรื่องฉิบหาย วันดีคืนดีเขาก็นึกอยากจะแปลงกายเป็นหญิงสาวสวมชุดกระโปรงยาวเอาเครื่องสำอางมาพรางหนวดเคราบนใบหน้า เผื่อว่ามันจะเป็นตัวตนลึก ๆ ที่แท้จริงของเขา!

หนังทั้งเรื่องจึงเล่าด้วยภาวะเพศสภาพของตัวละครที่เลื่อนไหล โดยไม่ต้องมีคำอธิบายหรือแม้แต่สถานการณ์ที่มาที่ไป ปล่อยให้ตัวละครได้สำรวจภาวะภายในของตัวเองในโลกบวม ๆ บ๊อง ๆ ที่ไม่ต้องแคร์ตรรกะเหตุผลหรือแรงดลใจที่สมจริงใด ๆ เป็นหนังที่เพี้ยนพิสดารเกินใคร ๆ จนปิ๋วทุกรางวัลไปแบบไม่ได้อะไรติดไม้ติดมือ!