ย้อนตำนาน 50 ปี "เมอร์ไลอ้อน" กับเรื่องที่คนสิงคโปร์ก็อาจไม่เคยรู้
ย้อนตำนาน 50 ปี "เมอร์ไลอ้อน" รูปปั้นสัตว์ในตำนานที่มีหัวเป็นสิงโต และมีลำตัวเป็นปลา ที่โด่งดังทั่วโลกในฐานะสัญลักษณ์การท่องเที่ยวสิงคโปร์ ที่สร้างโดยช่างปั้นชั้นครู และลูกๆ อีก 8 คน
ช่วงเดือนกันยายนนี้ ถ้าใครไปเที่ยวสิงคโปร์ และแวะทักทายเจ้าสิงโต “เมอร์ไลอ้อน” ก็จะได้ตื่นตากับโปรเจกไลท์ติ้งสวยงาม เพื่อฉลองวันเกิดครบ 50 ปีของเมอร์ไลอ้อน รูปปั้นสัตว์ในตำนานที่มีหัวเป็นสิงโต และมีลำตัวเป็นปลา ที่โด่งดังทั่วโลกในฐานะสัญลักษณ์การท่องเที่ยวสิงคโปร์ โดยจะมีการจัดไฟตั้งแต่ 6 โมงเย็นถึงเที่ยงคืนของทุกๆ วันไปจนถึงวันที่ 29 กันยายน
สำหรับ สตอรี่ของสัตว์ที่หัวเป็นสิงโตแต่มีตัวเป็นปลา นามว่า “เมอร์ไลอ้อน” ตัวนี้ ตำนานมีอยู่ว่า เมื่อครั้งที่เจ้าชายแสง นิลา อุตามา แห่งเมืองพาเล็มบัง (ประเทศอินโดนีเซีย) เดินทางมาค้นพบท่าเรือสินค้าเก่าแก่ของเมืองเทมาเส็ก ก็ได้เห็นสัตว์ประหลาดที่มีรูปร่างคล้ายสิงโต จึงตั้งชื่อเมืองแห่งนี้ว่า “สิงหปุระ” หรือสิงคโปร์ในปัจจุบัน (มีรากศัพท์จากภาษาสันสกฤต แปลว่า เมืองสิงห์) และได้ขนานนามอีกชื่อว่า “เมอร์ไลอ้อน” ที่เกิดจากคำว่า “Mer” ที่แปลว่า ทะเล และ Lion ที่แปลว่า สิงโต
ต่อมาในปี 2507 เมอร์ไลอ้อน ถูกใช้เป็น “โลโก้” ของ “การท่องเที่ยวสิงคโปร์” ต่อเนื่องมาจนถึง พ.ศ.2540 โดยได้จดทะเบียนการค้าเมื่อวันที่ 20 กรกฎาคม พ.ศ. 2509
โลโก้ดั้งเดิมของการท่องเที่ยวสิงคโปร์ (เครดิตภาพ การท่องเที่ยวสิงคโปร์)
- จาก “โลโก้” สู่รูปปั้นไอคอนิก ที่สร้างโดยครอบครัวช่างปั้น
รูปปั้นเมอร์ไลอ้อน ถูกสร้างขึ้นในปี พ.ศ. 2515 โดยช่างฝีมือชาวสิงคโปร์ชื่อว่า “ลิม นัง เส็ง” ที่ใช้แบบร่างโดยศิลปินชื่อ ควาน ไส เคียง เป็นต้นแบบ และนำมาปั้นเป็น “สิงโตจิ๋ว” ต้นแบบ ก่อนจะขยายสู่ชิ้นงานจริง ณ ปากแม่น้ำสิงคโปร์
เหตุผลที่เมอร์ไลอ้อนหันหน้าไปทางทิศตะวันออก เพราะเป็นไปตามหลังฮวงจุ้ย เชื่อว่าจะนำความเจริญรุ่งเรืองมาสู่เมือง
เรื่องหนึ่งที่แม้แต่คนสิงคโปร์หลายคนเองก็อาจจะไม่ทราบว่า ช่างลิม ไม่ได้ปั้นเมอร์ไลอ้อนนี้ด้วยตัวคนเดียว แต่ได้รับความช่วยเหลือจากลูก ๆ ทั้ง 8 คนของเขา ที่เกือบทุกวัน ทั้งก่อนและหลังเลิกเรียน ลูกๆ จะมาขลุกกันที่หน้างาน เพื่อช่วยพ่อปั้นเจ้าสิงโตขึ้นมา
ลูก ๆ ที่โตหน่อย ก็จะปีนขึ้นไปบนนั่งร้าน และช่วยแกะส่วนตาของเมอร์ไลอ้อน ส่วนน้องเล็ก ๆ ก็แกะสลักเกล็ดปลา และครีบในส่วนหางของเมอร์ไลอ้อน กระทั่งเสร็จสิ้น
ในวันที่ 15 กันยายน พ.ศ. 2515 อดีตนายกรัฐมนตรี ลี กวน ยู เป็นประธานในพิธีติดตั้งและเผยโฉมเมอร์ไลอ้อนอย่างเป็นทางการ ที่ปากแม่น้ำสิงคโปร์ โดยเมอร์ไลอ้อนหันหน้าไปทางทิศตะวันออก ตามหลังฮวงจุ้ย เชื่อว่าจะนำความเจริญรุ่งเรืองมาสู่เมือง
ช่างลิมกำลังแกะสลักรูปปั้นสิงโตทะเลขนาดเล็ก (เครดิตภาพ Lim Nang Seng Collection, courtesy of National Archives of Singapore)
- 50 ปีอันโชกโชน ของเมอร์ไลอ้อน
ในปีพ.ศ. 2540 ได้มีการสร้างสะพานเอสพลานาด เพื่ออำนวยความสะดวกทางด้านการจราจรจากตัวเมืองไปยังย่านมารีน่า ส่งผลให้ทัศนียภาพของเมอร์ไลอ้อนถูกบดบัง จึงเป็นสาเหตุให้มีการย้ายที่ตั้งของเมอร์ไลอ้อน ในปี 2545 โดยได้มีการคัดเลือกสถานที่ถึง 8 แห่งที่จะเป็นที่ตั้งแห่งใหม่ของเมอร์ไลอ้อน สุดท้ายตัดสินใจย้ายไปที่หน้าศูนย์การค้า One Fullerton ซึ่งห่างจากจุดเดิมเพียง 120 เมตร
เหตุผลหลักของการตัดสินใจเขยิบเมอร์ไลอ้อนออกมาแค่ใกล้ๆ ก็เนื่องจาก เมอร์ไลอ้อนจะต้องตั้งอยู่ใกล้กับปากแม่น้ำสิงคโปร์เท่านั้นด้วยเหตุผลทางประวัติศาสตร์ เพราะเป็นบริเวณที่ เจ้าชายแสง นิลา อุตามา เห็นสัตว์ที่ท่านคิดว่าเป็นสิงโตเป็นครั้งแรกนั่นเอง
เบื้องหลังการเคลื่อนย้ายเมอร์ไลอ้อน มาบริเวณหน้าศูนย์การค้า One Fullerton (เครดิตภาพ : AFP)
นอกจากนี้รูปปั้นเมอร์ไลอ้อน ก็ยังเคยถูกฟ้าผ่าจนเสียหาย โดยเหตุการณ์เกิดขึ้นในช่วงบ่ายแก่ๆ ของวันที่ 28 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2552 ซึ่งเกิดพายุฝนฟ้าคะนอง และมีฟ้าผ่าลงมา ทำให้ชิ้นส่วนบริเวณแผงคอหลุดออก จนเกิดเป็นรูขึ้นที่รูปคลื่นที่ส่วนฐานของรูปปั้น โชคดีที่ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ และรูปปั้นเมอร์ไลอ้อนก็ถูกปิดไปประมาณ 1 เดือนเพื่อบูรณะซ่อมแซมและติดตั้งระบบป้องกันฟ้าผ่าให้ปลอดภัยยิ่งขึ้น
คีธ ตัน ผู้อำนวยการการท่องเที่ยวสิงคโปร์กล่าวว่า “เมอร์ไลอ้อน เป็นสัญลักษณ์คู่บ้านคู่เมืองสิงคโปร์ที่รู้จักกันไปทั่วโลกมาอย่างยาวนาน ซึ่งนับเป็นหนึ่งในตัวแทนการท่องเที่ยว ที่ช่วยให้สิงคโปร์เป็นเมืองที่มีชีวิตชีวามากขึ้น และเป็นบ้านเกิดที่ชาวสิงคโปร์ทุกคนภาคภูมิใจ หลังจากช่วงเวลาที่ยากลำบากของธุรกิจการท่องเที่ยวสองปีที่ผ่านมา ถึงเวลาที่เราจะร่วมเฉลิมฉลองวันเกิดครบ 50 ปีให้กับเมอร์ไลอ้อน โดยขอเชิญชวนทั้งคนสิงคโปร์และนักท่องเที่ยวให้มาฉลองวันเกิดร่วมกัน”
ในขณะที่ประเทศสิงคโปร์กำลังเตรียมพร้อมรับนักเดินทางต่างชาติ การฉลองครบรอบวันเกิดครบ 50 ปีของเมอร์ไลอ้อน จึงเป็นเหมือนการเฉลิมฉลองเพื่ออนาคตที่สดใส สำหรับนักท่องเที่ยวสายเซลฟี ที่ต้องการภาพคู่กับเมอร์ไลอ้อน รูปปั้นเมอร์ไลอ้อน ที่ เมอร์ไลอ้อน ปาร์ค ใกล้ศูนย์การค้า One Fullerton จะมีการจัดไฟประดับตั้งแต่วันที่ 15 กันยายนไปจนถึงวันที่ 29 กันยายน ตั้งแต่เวลา หกโมงเย็นถึงเที่ยงคืนทุกวัน
สำหรับผู้ที่ชื่นชอบศิลปะ ก็สามารถเข้าชมนิทรรศการศิลปะ เกี่ยวกับเมอร์ไลอ้อนได้ที่หอศิลป์แห่งชาติสิงคโปร์ ในงาน “Nothing is Forever: Rethinking Sculpture in Singapore” และสำหรับผู้ที่สนใจด้านการทำขนมก็สามารถลงทะเบียนเรียนการทำคุกกี้รูปน้องเมอร์ลีกับ RedMan Baking Studio ได้อีกด้วย
สำหรับรายละเอียดเพิ่มเติม สามารถคลิกอ่านได้ที่นี่