ไล่นักท่องเที่ยวอย่างไร? | วรากรณ์ สามโกเศศ
ข่าวคราวเรื่องการรีดไถนักท่องเที่ยวต่างประเทศของเจ้าหน้าที่รัฐไทย ที่ผุดขึ้นมาให้เห็นหลายรายในขณะนี้ ทำให้รู้สึกเคืองใจมาก
จึงคิดเล่น ๆ เชิงประชดในเรื่องที่ซีเรียสนี้ว่า คนไทยเรามีหนทางใดบ้างที่จะทำให้นักท่องเที่ยวไม่มาเที่ยวบ้านเราในยามที่เราต้องการอำนาจซื้อจากข้างนอกมาช่วยเศรษฐกิจที่เพิ่งฟื้นไข้
ลองจินตนาการว่าคนที่กำลังพยายามว่ายน้ำอย่างหนักให้ถึงฝั่ง หลังจากไม่มีโอกาสว่ายน้ำมานาน 3 ปี เบิกบานใจเพราะเริ่มมีงานทำและมีเงินใช้ แต่ปรากฏว่ามีคนคอยฉุดขาอยู่ใต้น้ำจนว่ายไปข้างหน้าได้อย่างลำบากจนอาจถึงกับจมน้ำตายได้ นี่คืออุปมาของสถานการณ์รีดไถกับการท่องเที่ยว
ขณะนี้ผู้คนกำลังเกร็งกันมากว่าโลกและภูมิภาคของเรา กำลังจะเผชิญกับสภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ อันเป็นผลพวงส่วนหนึ่งจากการปรับอัตราดอกเบี้ยสูงขึ้นในระดับโลก เพื่อปราบสภาวะเงินเฟ้อ จนความตั้งใจใช้จ่ายและความสามารถในการใช้จ่ายของผู้บริโภคโดยเฉพาะในโลกพัฒนาแล้วลดลง
อย่างไรก็ดี สำหรับบ้านเรามีภาพที่ดูเหมือนว่าเรามีโอกาสหลุดพ้นจากสภาวะเศรษฐกิจตกต่ำได้ เพราะมีนักท่องเที่ยวหลั่งไหลเข้ามาอย่างมาก ในปี 2565 มีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างประเทศประมาณ 10 ล้านคน
หากทางโน้มยังคงอยู่ตลอดปี 2566 ก็เชื่อว่าอาจมีนักท่องเที่ยวต่างประเทศเพิ่มขึ้นมากกว่าเดิม 8-10 ล้านคน รวมเป็น 18-20 ล้านคนในปีใหม่นี้
ถึงแม้การส่งออกที่นำเงินเข้าประเทศเรา มีท่าว่าจะลดลงเหมือนประเทศอื่น ๆ ในปี 2566 (ปี 2564 ส่งออกมูลค่า 270,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ลดลงเป็น 187,000 ล้านเหรียญในปี 2565)
แต่ถ้าเรามีนักท่องเที่ยวต่างประเทศไหลเข้าประเทศโดยนำเงินเข้ามาก็จะชดเชยการหดหายไป มูลค่าการส่งออกที่หายไปซึ่งอาจเป็นตัวช่วยผลักดันให้เกิดสภาวะเศรษฐกิจตกต่ำก็จะถูกชดเชยโดยเงินที่นักท่องเที่ยวนำเข้ามาใช้จ่าย
ถ้าการส่งออกเราลดไป 1% ซึ่งเท่ากับว่าเงินเข้าประเทศหายไป 1,870 ล้านเหรียญ แต่หากเรามีนักท่องเที่ยวเข้ามาอีก 1 ล้านคนแล้ว เราก็จะได้เงินเข้าประเทศในมูลค่าใกล้เคียงกัน
ถ้าเรามีนักท่องเที่ยวเพิ่มจากเดิมสัก 5 ล้านคน ก็หมายความอย่างหยาบ ๆ ว่าเราสามารถสู้การลดลงของการส่งออกได้ถึง 5 เปอร์เซ็นต์ โดยอำนาจซื้อรวมจากต่างประเทศยังคงเหมือนเดิม เงินที่ได้จากการท่องเที่ยวสร้างงานและรายได้ให้คนไทย และกระตุ้นให้เศรษฐกิจเจริญเติบโตได้เช่นกัน
เมื่อเห็นความสำคัญของการท่องเที่ยวในช่วงปี 2566 แล้ว คราวนี้เรามาดูแบบประชดกันว่าทำอย่างไรจึงจะไม่ให้นักท่องเที่ยวเหล่านี้มาเที่ยวบ้านเรา
1. เราต้องทำให้เหตุการณ์กล่าวถึงแล้ว ที่เจ้าหน้าที่รัฐทำกับนักท่องเที่ยวต่างประเทศที่มาเที่ยว เพราะชอบความสบาย ๆ ความสะดวก และความสนุกให้เกิดขึ้นอย่างกว้างขวางที่สุด
จงไถกันให้สนุกในเรื่องบุหรี่ไฟฟ้า สูบกัญชา ไม่พกพาสปอร์ต ไม่มีวีซ่า (คนอาเซียนเขาเดินทางระหว่างกันอย่างไม่มีวีซ่ามานานแล้วละลุ้ง) ไม่มีใบขับขี่มอเตอร์ไซค์ถูกต้อง ฯลฯ คนต่างชาติจะได้กลัวและขยาด
คนภาคท่องเที่ยวทำการตลาดกันอย่างหนักโดยปรารถนาให้นักท่องเที่ยวหรือลูกค้าเป็นเซลล์แมนให้ประเทศไทยด้วย ผ่านการบอกปากต่อปาก ผ่านยูทูป ผ่านโซเชียลมีเดียต่าง ๆ คราวนี้เขาก็ทำหน้าที่เหมือนกัน แต่ไปในทางแนะนำไม่ให้มา
2.จงมองนักท่องเที่ยวเป็นขนมหวาน ที่สมควรจะถูกขูดรีดทุกเม็ดทุกโอกาส เท่าที่เห็นในปัจจุบันมีแท็กซี่และตุ๊ก ๆ จำนวนหนึ่งชอบจอดหน้าศูนย์การค้าและลงไปชักจูงนักท่องเที่ยวให้โดยสารโดยโก่งราคา พาอ้อม ไม่ใช้มิเตอร์ บอกราคาอย่างหนึ่งพอถึงที่หมายก็บอกเพิ่มอีกมาก
ยืนยันว่าคนฟัง ๆ ผิด และเมื่อเถียงกันก็มักออกลูกนักเลง บ้างก็จอดข้างวัดสำคัญและบอกว่าปิดแล้ว จะพาไปวัดอื่น เมื่อพาไปไกลและเปลี่ยวก็โก่งราคาขากลับ ทำอย่างนี้กันมาก ๆ ดีครับ จะได้โดนสหบาทาของคนอื่น ๆ ในภาคท่องเที่ยว
3.ราคาอาหารบ้านเราเป็นตัวดึงดูดนักท่องเที่ยวมาก พอพูดกันว่าราคาถูกก็เริ่มมีปฏิกิริยาจากสมาคมต่าง ๆ คิดพร้อมใจกันปรับราคาขึ้นเพื่อหวังกำไรมาก ๆ อาหารบ้านเรานั้นต้องเรียกว่าสมราคา ไม่ควรพูดว่าถูกเพราะจะทำให้คิดว่าควรขายแพงกว่านี้ได้ ที่ร้ายก็คือหลายแห่งไม่มีป้ายระบุราคาซึ่งผิดกฎหมาย
ที่เห็นมากก็คือร้านอาหารที่ขายกันเป็นตลาดใหญ่ที่สวนจตุจักร มีไม่กี่ร้านที่ติดป้ายบอกราคา เข้าใจว่าสาเหตุที่ไม่ติดราคาก็เพื่อความคล่องตัวในการขูดรีด ครับก็ขูดกันต่อไปจนกว่าตัวเลขจะขึ้น เขาเอาไปเล่าต่อ ๆ กัน วันหลังจะได้ไม่มา
4. นักท่องเที่ยวมาบ้านเราในปีสุดท้ายก่อนโควิด 40 ล้านคน ทิ้งเพื่อนอาเซียของเราแบบไม่เห็นฝุ่น นอกจากการเดินทางที่สะดวกสบายในเมืองเพราะรถไฟฟ้า
อาหารสตรีทฟู้ดที่เปิด 24 ชั่วโมง สถานที่ช้อปปิ้ง สถานที่ท่องเที่ยว สถานที่บันเทิง กิจกรรมท่องเที่ยวหลากหลาย โรงแรมชั้นดีหลายราคา ฯลฯ ก็มีคนไทยที่มีอัธยาศัย ยิ้มแย้ม โอภาปราศรัย มีจิตใจช่วยเหลือ ต้อนรับแขกผู้มาเที่ยวอย่างน่ารัก เหล่านี้แหละคือแม่เหล็ก
หากจะไล่นักท่องเที่ยวเราจงพร้อมใจกลายเป็นยักษ์กัน หน้าตาบูดบึ้ง จิตใจโลภโมโทสัน จ้องจะต้มตุ๋น หลอกลวงนักท่องเที่ยวด้วยการโก่งราคาเป็นพิเศษแลกกับสินค้าด้อยคุณภาพ หากเสน่ห์เช่นนี้หายไปแล้ว ไม่นานนักก็จะสมใจเพราะจะเสื่อมลงไปเรื่อย ๆ
5.สถานที่ท่องเที่ยวทั้งหลายก็สมควรโก่งราคาสุด ๆ ให้เห็นว่ามีราคาต่างจากราคาสำหรับคนไทยมาก ๆ บริเวณสถานที่ท่องเที่ยวในเรื่องความงดงาม ความสะอาด ความสุภาพของเจ้าหน้าที่ และความสะอาดของห้องน้ำ ฯลฯ ก็ไม่ต้องไปสนใจ ช่างมันเพราะถึงอย่างไรก็มาเที่ยวสถานที่เราอย่างแน่นอนอยู่แล้ว
“ซื่อกินไม่หมด คดกันไม่นาน” ดูจะเป็นสุภาษิตที่เหมาะกับการท่องเที่ยวของเรา ตราบใดที่เราซื่อสัตย์ต่อลูกค้าแล้ว เรามีงานทำ มีเงินใช้กันอีกนานเพราะคนรุ่นก่อนเขาได้วางโครงสร้างพื้นฐานการท่องเที่ยวไว้ดี ได้ทิ้งมรดกทางวัฒนธรรมไว้ให้เราเอามาหากิน เมื่อมีน้ำจากบ่อกินกันไม่หมดก็ควรนึกถึงคนขุดบ่อบ้าง
เมื่อการท่องเที่ยวมีความสำคัญต่อปากท้องของเรามาก (รายได้จากการท่องเที่ยวเท่ากับ16% ของ GDP) เราก็ต้องช่วยกันทะนุถนอม รักษาไว้ให้ดี
อย่าให้คนที่รักแต่ตัวเองเท่านั้นมายื้อยุดฉุดขาจนเราจมน้ำ อย่าทำให้นักท่องเที่ยวผิดหวังจนไม่มาอีก เพราะต้องระลึกว่าเขาเดินทางมาเพื่อดูสิ่งที่เขาต้องการเห็น อันเป็นผลจากการได้ยินกิตติศัพท์จากคำพูดและสิ่งที่คนอื่นกล่าวถึงในสื่อต่าง ๆ เรามีหน้าที่ต้องทำให้เขาเห็นอย่างสมใจเขา