‘ปิล็อก’ ฝนชอบหยอก หมอกเบิกบาน และเมืองลับแลในสายหมอก 'บ้านอีต่อง'
ช่วงหน้าฝน 'บ้านอีต่อง' จะกลายเป็น 'เมืองลับแลในสายหมอก' ร่องรอยทางประวัติศาสตร์ของเหมือง 'ปิล็อก' ยังหลงเหลือให้เห็น บริเวณใกล้เคียงยังมีธารน้ำใสจาก น้ำตกปิล็อก
แรกทันทีที่มาถึงหมู่ บ้านอีต่อง ในช่วงบ่ายแก่ ๆ ทุกคนก็ตกอยู่ในอาณาจักรที่ถูกครอบครองด้วยสายหมอก ภาพที่คุ้นเคยโดนกลืนหายไปแทบทั้งหมด เราพากันเดินลงจากรถด้วยความยินยอมพร้อมใจ นอบน้อมให้ทุกความชัดเจนแห่งฤดูกาล
สำรวจเส้นทางในอดีตของ เหมืองปิล็อก และ เมืองลับแลในสายหมอก หรือ หุบเขาในสายหมอก ที่ บ้านอีต่อง
เหมืองปิล็อก
กว่า 300 กิโลเมตร จากกรุงเทพฯ นับเป็นการเดินทางอันยาวนานกว่าปกติ แม้ว่าปัจจุบันมอเตอร์เวย์ M81 จะเริ่มเปิดทดลองให้บริการและช่วยลดเวลาเดินทางได้ไม่น้อย แต่เมื่อไปถึง อ.ทองผาภูมิ ยังต้องใช้เส้นทางไต่เขาขึ้นไปที่บ้านอีต่องอีก 70 กิโลเมตร ทางแคบ ๆ ที่คดเคี้ยวรวม 399 โค้ง ทำให้ต้องใช้เวลาและความระมัดระวังมากเป็นพิเศษ โดยเฉพาะหน้าฝน
เหมืองปิล็อก บ้านอีต่อง เมืองลับแลในสายหมอก
เล่าเรื่องเหมืองปิล็อก ย้อนไปเมื่อปี พ.ศ.2483 ในตอนที่ธุรกิจเหมืองแร่กำลังเฟื่องฟู หมู่บ้านกลางหุบเขา แถบชายแดนไทย-เมียนมา ก็เป็นแหล่งเหมืองแร่ดีบุกที่มีคนงานอาศัยอยู่หลายร้อยชีวิต ก่อนจะซบเซาลงไปราวปี 2527-2528
ร่องรอยทางประวัติศาสตร์ของ เหมืองปิล็อก ยังหลงเหลือให้เห็น วันนี้มัคคุเทศก์น้อยพาเราไปชมภาพความเป็นอยู่ของเหมืองเก่าปิล็อกในอดีต ไม่ว่าจะเป็นบ้านพัก ซากยานพาหนะ เครื่องจักรและเครื่องมือต่าง ๆ
น้ำตกจ๊อกกระดิ่น
บริเวณใกล้เคียงยังมีธารน้ำใสจาก น้ำตกปิล็อก ไหลมารวมเป็นบ่อน้ำเล็ก ๆ มีปลาคาร์พว่ายวนไปมา ในช่วงหมอกหนา ฝนฉ่ำ ให้ความรู้สึกเย็นใจดีเป็นพิเศษ
หุบเขาแห่งสายหมอก ช่วงหน้าฝน หมู่บ้านอีต่อง จะกลายเป็น เมืองลับแลในสายหมอก และอาจไม่มีแสงแดดสาดส่องเป็นเวลาหลายวัน อย่างเดือนกันยายน สายฝนจะตกพรำ ๆ แทบจะตลอดเวลา
น้ำตกเล็ก ๆ ที่บ้านอีต่อง
ฝนที่บ้านอีต่องมีนิสัยชอบแกล้ง ชอบหยอก เมื่อนึกจะก้าวเท้าออกไปไหนก็เหมือนโดนสกัด นั่งกินข้าวอยู่ตั้งนาน พอจะลุกออกจากร้านก็เทโครม จึงเป็นทริปที่ต้องพกเสื้อกันฝนหรือร่มติดตัว สิ่งที่ต้องระวังอีกนิดในช่วงนี้คือความลื่นบนพื้นถนน บันได รวมทั้งผืนดินและผืนหญ้ารอบ ๆ หมู่บ้าน
ที่พักในย่านบ้านอีต่องล้วนเป็นโฮมสเตย์ มีทำเลและหน้าตาที่แตกต่างกันไป หากพักในย่านศูนย์กลางซึ่งเป็นตัวตลาด ก็จะง่ายและสะดวก ใครที่เลือกพักห่างออกไป ก็จะได้ฟีลใกล้ชิดป่าเขามากยิ่งขึ้น
ที่บ้านอีต่องมีระบบการใช้ไฟฟ้าอย่างมีข้อจำกัด ทางหมู่บ้านจะประกาศให้ทราบเป็นระยะ แต่ที่พักบางแห่งก็อาจมีเครื่องปั่นไฟของตัวเอง หลายแห่งเลือกใช้แผงโซลาร์เซลล์เป็นอีกทางเลือก แน่นอนว่าไม่มีเครื่องปรับอากาศ ในช่วงหน้าฝนไฟฟ้าอาจจะติด ๆ ดับ ๆ ในบางเวลา ถือเป็นเรื่องธรรมดา
โฮมสเตย์
นิ่งหน่อย ๆ ค่อย ๆ ชื่นชม
มาถึง บ้านอีต่อง ทั้งที การได้อยู่นิ่ง ๆ คือสิ่งสุดยอดปรารถนาสำหรับใครหลายคน แต่ก็คงอดไม่ได้ที่จะก้าวออกไปชื่นชมอีกหลายมุมมองอันงดงาม อาทิ วัดเหมืองปิล็อก ซึ่งอยู่บนเนินเขาเตี้ย ๆ ในหมู่บ้าน สามารถเดินขึ้นไปชมได้ แต่หน้าฝนก็ต้องใช้ความระมัดระวังกันเป็นพิเศษ
โซล่าร์เซลล์ในฝนพรำและสายหมอก
ช่วงเช้าหรือเย็น นักท่องเที่ยวจะใช้บริการรถ 4WD ชาวบ้านขึ้นไปชมวิวบนเนินช้างศึก แต่ในช่วงที่หมอกปกคลุมหนาเช่นนี้ อาจจะมองไม่เห็นอะไร ในทริปนี้เราจึงเลือกขับรถขึ้นไปชมวิวที่ เนินเสาธง ซึ่งเป็นเส้นพรมแดนรอยต่อไทย-เมียนมาร์
ม่อลอกม่อแลกเข้าน้ำตกจ๊อกกระดิ่น
ห่างจากตัว หมู่บ้านอีต่อง ไปประมาณ 5 กิโลเมตร เมื่อจอดรถแล้วเดินเท้าเข้าไปอีกราว 300 เมตร เพื่อชื่นชมความงดงามของ น้ำตกจ๊อกกระดิ่น ในเขต อุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ
แม้ว่าฝนจะไม่ยอมหยุดพักลงง่าย ๆ แต่เราก็ดั้นด้นไปเพื่อพบกับภาพความเปลี่ยนแปลงแห่งฤดูกาล มาถึงตัวน้ำตกจ๊อกกระดิ่นซึ่งมีเพียงชั้นเดียว มวลน้ำปริมาณมากไหลทะลักผ่านซอกหิน กระแทกกระทั้นลงมาจนละอองฟุ้งกระจายเป็นวงกว้าง เมื่อบวกกับเม็ดฝนที่โปรยลงมาอย่างต่อเนื่อง แม้จะอยู่ในเสื้อกันฝน แต่สภาพโดยรวมของทุกคน คือ “ม่อลอกม่อแลก”
วัดเหมืองปิล็อก
ความเปียกปอนไม่นานก็แห้งไป เช่นเดียวกับความห่างไกลที่ไม่อาจขวางกั้น หมอกที่ปกคลุมย้ำภาพที่ชัดเจน มันคือสงบงามของหมู่บ้านกลางหุบเขาแห่งนี้
อีต่องหน้าร้อนก็สบาย ๆ ปลายปีหน้าหนาวท้องฟ้าสดใส ส่วนหน้าฝนนี้ถือว่าชุ่มฉ่ำชื่นใจ
ตอบไม่ได้ว่าฤดูไหนคือดีที่สุด รู้แค่ว่าไม่จำเป็นต้องดีที่สุดก็อยากกลับมาอีกทุกฤดูกาล...
บ้านเพาะรัก อ.ทองผาภูมิ
ร้านเพาะรัก@บ้านไร่อาจารย์หนวด จากทองผาภูมิขึ้นสู่บ้านอีต่อง ก่อนจะไต่เขาเข้าโค้งกันยาว ๆ แนะนำให้เตรียมพลัง ทั้งพลังของเครื่องยนต์ และพลังคน หนึ่งในร้านอาหารใน อ.ทองผาภูมิ ที่น่าสนใจ คือ ร้านเพาะรัก@บ้านไร่อาจารย์หนวด
ตัวร้านยกสูงจากพื้นอิงแอบอยู่ในผืนป่าริมลำธาร หน้าฝนนี้มีความเขียวชอุ่มชุ่มฉ่ำใจ มองไปทางไหนก็สบายตา ส่วนอาหารก็เป็นสูตรบ้าน ๆ แนะนำเมนูรสจัดอย่าง ต้มยำ แกงป่า ฯลฯ รวมทั้งวัตถุดิบตามฤดูกาล อย่างหน้าฝนนี้ คือ “ผักกูด” ต้ม ผัด แกง ยำ ก็อร่อย
ร้านอยู่บ้านท่าขนุน อ.ทองผาภูมิ กาญจนบุรี โทร.088 288 2293, FB: เพาะรัก บ้านไร่อาจารย์หนวด