เที่ยวกาญจนบุรี อุโมงค์สามมิติ ชม ‘สะพานลาว....หลากหลาย’

สะพานลาว.....หลากหลาย ‘คมฉาน ตะวันฉาย’ พา เที่ยวกาญจนบุรี เยือน ‘บ้านสะพานลาว’ จากทองผาภูมิ ไปถึง อุโมงค์สามมิติ แนะนำเส้นทางขับรถเที่ยวอีกเส้นทางหนึ่ง แบบบรรยากาศครบทุกความต้องการใน 'การท่องเที่ยว'
คราวนี้จะนำพาเรื่องราวของ บ้านสะพานลาว ซึ่งเป็นหมู่บ้านหนึ่งใน ต.สหกรณ์นิคม อ.ทองผาภูมิ จ.กาญจบุรี มาเล่าสู่ท่านผู้อ่าน ก่อนอื่นท่านผู้อ่านน่าจะคุ้นกับคำว่า สหกรณ์นิคม เพราะมีหลายที่เหลือเกินในประเทศไทย ตอนผมเขียนเรื่องทุ่งทานตะวันเขาจีนแล ที่ลพบุรี นั่นก็สหกรณ์นิคม แล้วยังมีอีกหลายที่ ผมเลยไปค้นหาที่มาของสหกรณ์นิคมมาฝากกัน ดังนี้
สหกรณ์นิคม คือ สหกรณ์การเกษตรในรูปแบบหนึ่งที่มีการดำเนินการจัดสรรที่ดินทำกินให้ราษฎร การจัดสร้างปัจจัยพื้นฐานและสิ่งอำนวยความสะดวกให้ผู้ที่อยู่อาศัย ควบคู่ไปกับการดำเนินการจัดหาสินเชื่อ ปัจจัยการผลิตและสิ่งของที่จำเป็น การแปรรูปผลิตผลการเกษตร การส่งเสริมอาชีพ รวมทั้งกิจการให้บริการสาธารณูปโภคแก่สมาชิก
‘สหกรณ์นิคม’ ได้เริ่มดำเนินการเป็นแห่งแรกในรูปของสหกรณ์การเช่าซื้อที่ดิน ที่ อำเภอลำลูกกา จังหวัดปทุมธานี เมื่อปี พ.ศ. 2478 โดยดำเนินการจัดซื้อที่นาราชพัสดุจากกระทรวงการคลัง เนื้อที่ 4,109 ไร่เศษ มาจัดสรรให้สมาชิก 69 ครอบครัว
ต่อมาในปี พ.ศ. 2481 ได้จัดตั้งในรูปของนิคมสหกรณ์ ที่อำเภอสันทราย จังหวัดเชียงใหม่ ในเนื้อที่ 7,913 ไร่ และได้จัดในรูปสหกรณ์การเช่าที่ดินในเขตป่าสงวนแห่งชาติที่เสื่อมสภาพแล้ว ที่อำเภอบางสะพาน จังหวัดประจวบคิรีขันธ์ เมื่อปี พ.ศ. 2518
เพื่อคลายข้อสงสัย เพราะมีชื่อตำบลสหการณ์นิคมหลายแห่ง หลายจังหวัด ก็เลยไปค้นที่มามาฝากท่านผู้อ่าน ทีนี้เรามาเข้าเรื่องของเรา ในตำบลสหกรณ์นิคมใน อ.ทองผาภูมิ นี้ มีหลายหมู่บ้าน ที่เป็นคนอีสาน มาปักหลักอยู่กันมานานครับร่วม 40-50 ปีแล้วแหละ
ผมเคยไปดูประเพณีจุดบั้งไฟที่บ้านห้วยเสือด้วย กรณีคนอีสานย้ายมาอยู่ที่ ทองผาภูมิ นี้ ไม่แน่ใจว่ามาจากกรณีที่นิคมสหกรณ์จัดสรรที่ดิน หรือว่าเพราะมาเป็นคนงานทำเหมืองแร่ต่างๆ ในย่านนี้
พอเหมืองเลิกก็เลยตกค้าง ปักหลักทำมาหากิน จะด้วยเหตุผลใดไม่แน่ชัด แม้กระทั่งชื่อบ้านสะพานลาว ผมก็พยายามไปค้นหา แต่ก็ไม่เจอที่มา ตอนนี้มาดูกันก่อนว่า ‘บ้านสะพานลาว’ นั้นอยู่ตรงไหน?
เวลาท่านผู้อ่านมาจากทางเมืองกาญจน์ มุ่งหน้าไป ทองผาภูมิ ก็จะผ่าน น้ำตกไทรโยคน้อย ผ่านทางเข้าอุทยานฯ ไทรโยค
ผ่านทางเข้า น้ำพุร้อนผาตาด เลยมาอีกไม่ไกล ก็จะเห็นทางแยกขวามือบอกทางเข้า นิคมสหกรณ์ นั่นละครับเลี้ยวรถเข้าไปตามทางเลย ทางจะเป็นทางราดยาง สายเล็กๆ
ย้อนหลังไปราว 30 ปี เป็นช่วงที่ผมมาเห็นถนนสายนี้ครั้งแรก เป็นทางฝุ่นหมดเลยครับ และผมว่าน่าจะเป็นทางของรถขนแร่
เพราะย่านนี้จะมี ‘เหมืองแร่’ หลายแห่ง เรื่อยไปจนเข้าไปใน เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร ก็ยังมี เหมืองแร่ เส้นทางจึงมักเป็นทางของรถขนแร่ บรรดาประทานบัตรทำเหมืองมาหมดเอาช่วงปี 45-50 นี่เอง
ธรรมชาติในพื้นที่
และก็ไม่มีการต่อประทานบัตรอีกบรรดาสถานที่ที่เคยเป็นเหมืองมาก่อนก็เลยร้าง และหลายแห่งก็อยู่ในพื้นที่อุทยานแห่งชาติบ้าง เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าบ้าง ซึ่งเขาได้ประทานบัตรทำเหมืองแร่
ก่อนที่พื้นที่เหล่านี้จะประกาศเป็น ‘ป่าอนุรักษ์’ ก็ต้องให้เขาทำจนหมดอายุ พอหมดอายุประทานบัตรและไม่ต่ออายุ เจ้าของพื้นที่ก็เข้ามาควบคุม
อย่างที่ผมบอกว่าสมัยก่อนเป็นเส้นทางขนแร่ ทางจึงวิ่งเข้าไปในป่า เหมืองแร่ทั้งหลายนี่แหละที่ตัดทาง มาในยุคสมัยที่การขับรถท่องเที่ยวแค้มปิ้งได้รับความนิยมอย่างเดี๋ยวนี้
เส้นทางนี้จึงเป็นอีกเส้นทางหนึ่งที่น่าขับรถเที่ยวเล่น พอเข้าไปตามทาง เข้าไปจากแยกไม่เท่าไหร่ ก็จะถึงน้ำตกรอยช้างเผือกทางซ้ายมือ เข้าไปตามทางและจอดรถริมลำธารได้เลย
น้ำตกรอยช้างเผือก นี้ อันที่จริงเป็นแก่งน้ำไม่ใหญ่นัก มีบริเวณที่เป็นแก่งหลายแห่ง เล่นน้ำ ตั้งแคมป์ปิคนิคได้บรรยากาศร่มรื่น ถ้าช่วงร้อนๆ ผมว่าเหมาะทีเดียว
เลยจาก ‘น้ำตกรอยช้างเผือก’ มาไม่ไกล ก็จะถึง บ้านสะพานลาว ซึ่งอย่างที่ผมบอกว่าไปค้นที่มาที่ไปของหมู่บ้านไม่ได้ แต่คงจะเกี่ยวพันอะไรกับพี่น้องคนอีสานที่ย้ายมาอยู่แน่ๆ
สมัยก่อนผมนั่งรถเพื่อจะเข้าทุ่งใหญ่ มาใช้เส้นทางทางนี้ มาถึงบ้านสะพานลาวเขาจะมีด่านเข้าใจว่าเป็นด่านของป่าไม้ ขวางไม้กั้นอยู่ ใครจะไปจะมาต้องมาแจ้งเจ้าหน้าที่ก่อน แล้วย่านนี้จะเปลี่ยวมาก ดึกๆ นี่เงียบกริบเลย บรรยากาศต่างกับเดี๋ยวนี้มาก
หลัง วัดบ้านสะพานลาว จะมี น้ำตกหินปูน สูงราว 3-4 เมตร หน้าน้ำตกกว้างมีน้ำทั้งปี แต่หน้าฝนน้ำจะมากหน่อย เป็นที่พักผ่อนหย่อนใจของคนในย่านนี้คนภายนอกไม่ค่อยรู้จักว่าหลังวัดมีน้ำตกด้วย แวะเข้าไปเที่ยวดูเที่ยวเล่นได้ ด้วยความที่อยู่หลังวัดสะพานลาว จะเรียกน้ำตกสะพานลาวก็ได้
ต่อจาก ‘บ้านสะพานลาว’ มา ทางจะเริ่มขึ้นเนินนิดๆ จะเห็นแนวหน้าผาของ ‘ภูเขาหินปูน’ ขวางกั้น อยู่ข้างหน้า หน้าผาจะเป็นสีออกแดงๆ เพราะมีพวกธาตุเหล็กมาเคลือบ
ตรงนี้แหละที่เรียกว่า ‘ผาแดง’ ในหน้าฝนจะเห็นน้ำตกตกลงมาจากหน้าผาเป็นสายเล็กๆ 4-5 สาย
จะมีป้ายทางเข้าผาแดงทางซ้าย ก็เลี้ยวเข้าไปตามทางราว 700 เมตร เข้าไปจะเจอป้ายทางเข้าไปจะเป็นที่เอกชน เขามีที่พัก มี ร้านอาหาร มี ร้านกาแฟ ด้วย
ไม่แน่ใจว่าเข้าไปดูเขาเก็บเงินมั้ย แต่ผมเข้าไป 3 ครั้งแล้วไม่เสียเงิน เข้าไปด้านใน เลยตรงร้านเขาไปข้างใน จะเป็นไร่ มีสวนปาล์มมีต้นกล้วย เข้าไปราว200 เมตร ก็จะเป็นลานกว้าง
ด้านหน้ามีหน้าผาที่น้ำตกสายเล็กๆ ตกลงมา 4-5 สาย เรียกว่า น้ำตกผาแดง เขามีห้องน้ำไว้ด้วย น่าจะเป็นลานกางเต็นท์เอกชน ที่เก็บค่ากางเต็นท์มากกว่าที่จะเก็บค่าเข้าดู
แต่มาเห็นบรรยากาศแล้วก็น่ากางเต็นท์มากๆ สายน้ำตกที่ตกลงมาจากหน้าผาที่สูงร่วม 50 เมตร ตกลงมาในแอ่งน้ำข้างล่างเล่นน้ำได้ แต่องค์ประกอบสถานที่เพียงแค่นี้ ก็น่ามากางเต็นท์นอนแล้วครับ
ตรงสามแยกตรงนี้จะมีรีสอร์ทเอกชน แต่มีคดีความฟ้องร้องกับทางอุทยานฯ เรื่องบุกรุกพื้นที่ ไม่รู้ว่าผลคดีความเป็นอย่างไร เลยไม่รู้ว่าทางรีสอร์ทเขายังดำเนินการอยู่ไหม
เลยจากสามแยกหน้ารีสอร์ทนี้ไป ทางจะเริ่มขึ้นเนินเขา และสภาพทางจะเป็นดิน มีหลุมมีบ่อบ้าง(ยกเว้นถ้าเขามาทำทางใหม่) จะมีป้ายบริการเข้าไปเที่ยวอุโมงค์สามมิติ ซึ่งมันคืออุโมงค์เหมืองเก่า ของเหมือง
โดยมีรถเหมาพาเข้าไปเที่ยวในอุโมงค์ ซึ่งมันก็เป็นอุโมงค์ใต้ภูเขาที่รถยนต์ปิคอัพเข้าไปได้ เข้าไปมันก็จะมืดๆ มีทางแยกในนั้นด้วย
อุโมงค์น่าจะยาวเกือบกิโลกระมัง แล้วจะไปโผล่อีกที่หนึ่ง เป็นลานเหมือนที่รวมรถ รวมแร่ อันนี้ไม่แน่ใจ แต่ความที่มันร้างมาร่วม 20 ปี ก็เลยมีต้นไม้ขึ้นมาบ้างแล้ว
จากอุโมงค์นี้ ทางจะนำพาเราวิ่งซิกแซกขื้นเนินเขาชัน ด้านบนจะเป็นหน่วยพิทักษ์ป่า ของอุทยานฯศรีนครินทร์ ซึ่งเดิมก็เป็นที่ทำการของเหมืองแร่ มีซากสิ่งปลูกสร้างสมัยยังทำเหมืองแร่อยู่ด้วย
หน่วยนี้เขาเรียกหน่วยเนินสวรรค์ จะเป็นจุดชมวิว เห็นทิวทัศน์ที่เราบรรยายมาทั้งหมดนั้นอยู่ด้านล่าง ทางหน่วยพิทักษ์เขาทำลานกางเต็นท์เล็กๆ ไว้ให้พักแรมได้ด้วย เป็นบรรยากาศที่สวยเลย
หลังจากนั้น ทางเส้นนี้จะเป็นทางดิน ขึ้นเขาไป บางช่วงเป็นช่องเขาที่ตัดผ่านให้รถพอแล่นเข้าไปได้ ไปสักระยะ ทางก็จะไปเจอกับถนนลูกรังขวางหน้า
ทางซ้ายมือจะไปบ้านภูเตย ไปเขาพระอินทร์ ที่คนเขามาเที่ยว ถ้ำนกแอ่น ของอุทยานฯลำคลองงูนั่นแหละไปทุ่งใหญ่ ไปได้หมด
วันนี้แนะนำเส้นทางขับรถเที่ยวอีกเส้นทางหนึ่งแด่ท่านผู้อ่าน เพื่อเป็นข้อมูลในการเดินทางท่องเที่ยวในบ้านเรา ในบรรยากาศและมีช่วงเวลาที่พักผ่อนได้ ถ้าอยากลองไปยังสถานที่ใหม่ๆ ก็ลองดูเส้นทางที่ผมบอกนี้ครับ ได้บรรยากาศครบทุกความต้องการในการท่องเที่ยว
เมืองไทยของเรา เที่ยวเท่าไหร่ก็ไม่หมดครับ ผมยืนยัน.....