ช่างปั้น "ยักษ์นั่งหลับ" เปิดใจ โอดเสียดายถูกตีกรอบงานศิลปะร่วมสมัย

ช่างปั้น "ยักษ์นั่งหลับ" เปิดใจ โอดเสียดายถูกตีกรอบงานศิลปะร่วมสมัย

เปิดใจ! ช่างปั้น "ยักษ์นั่งหลับ" เฝ้าหน้าโบสถ์วัดม่วง โอดเสียดายงานศิลปะร่วมสมัย หวั่นศิลปินถูกตีกรอบจนไม่กล้าผลิตงานสร้างสรรค์อีก เจ้าอาวาสเผยยอมแก้ใหม่เพื่อความสบายใจของทุกฝ่าย

จากกรณีที่ "วัดม่วง" ตำบลในเมือง อำเภอเมืองนครราชสีมา จังหวัดนครราชสีมา ได้มีการสร้างรูปปั้น "ยักษ์นั่งหลับ" 2 ตน นั่งเฝ้าอยู่บริเวณทางเข้าประตูด้านข้างของโบสถ์ทั้งสองข้าง หรือที่เรียกว่า ทวารบาล (ทะ-วา-ระ-บาน) หมายถึง ผู้รักษาประตูทางเข้า-ออก

 

 

โดยประตูด้านขวาของโบสถ์เป็นรูปปั้นยักษ์นั่งหลับด้วยท่าชันเข่า สวมหน้ากากอนามัย มือด้านซ้ายถือเรือดำน้ำ แทนการถือกระบอง ส่วนที่ประตูด้านซ้ายของโบสถ์เป็นรูปปั้นยักษ์นั่งหลับด้วยท่าชันเข่าเช่นกัน ที่ข้อมือด้านซ้ายสวมนาฬิกา 2 เรือน พร้อมติดป้ายที่นาฬิกาว่า "ยืมเพื่อน" ขณะที่มือด้านซ้ายถือโทรศัพท์มือถือ

 

ทั้งนี้ทำขึ้นเพื่อเป็นกุศโลบายและเป็นปริศนาธรรมให้กับคนที่เดินทางมาทำบุญที่วัด โดยยักษ์ที่นั่งหลับก็เปรียบเสมือนกับคนเราทุกคน หากเราไม่ได้ตั้งสติก็เหมือนเปิดโอกาสให้กิเลสเข้ามาครอบงำตัวของเราได้

 

ความคืบหน้าล่าสุดวันนี้(26 เมษายน 2565) ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่ไปที่ "วัดม่วง" เพื่อพบกับนายปุณณ์ธนชัย ม่วงประกาย อายุ 59 ปี หัวหน้าช่างปั้นยักษ์หลับ หน้าโบสถ์วัดม่วง ซึ่งได้นำทีมงานช่างปั้นทำการแก้ไขรูปแบบของยักษ์ใหม่ โดยยักษ์ตนที่อุ้มเรือดำน้ำ ได้แก้ไขตัวเรือดำน้ำทำเป็นกระบองแทน ส่วนยักษ์หลับอีกตนที่เคยสวมใส่นาฬิกาข้อมือ มีรถถังอยู่ข้างๆ และถือโทรศัพท์สมาร์ทโฟนก็ได้แก้ใหม่ โดยแก้นาฬิกาข้อมือทั้ง 2 ข้าง ให้เป็นกำไลข้อมือ ส่วนรถถังข้างๆก็แก้เป็นหมอนขิตสามเหลี่ยม และโทรศัพท์สมาร์ทโฟน ก็แก้เป็นสมุดข่อยแทน

 

ช่างปั้น \"ยักษ์นั่งหลับ\" เปิดใจ โอดเสียดายถูกตีกรอบงานศิลปะร่วมสมัย

 

 

หัวหน้าช่างปั้นลวดลายโบสถ์วัดม่วง กล่าวว่า หลังจากที่มีกระแสข่าวออกไปก็มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ต่างๆนานา ทั้งด้านบวกและด้านลบ ทำให้พระผู้ใหญ่ในพื้นที่รู้สึกไม่สบายใจ จึงได้แนะนำให้วัดม่วงทำการแก้ไขรูปแบบยักษ์นั่งหลับใหม่ เพื่อไม่ให้เกิดข้อถกเถียงในสังคม ทางวัดจึงได้ทำการแก้ไขตามที่พระผู้ใหญ่แนะนำ

 

อย่างไรก็ตาม ตนเองก็รู้สึกเสียดายในงานศิลปะที่บรรดาช่างปั้นได้สร้างสรรค์ลงไปในยักษ์หลับ เพราะเป็นศิลปะร่วมสมัยที่สามารถเล่าเรื่องราวยุคสมัยนี้ได้เป็นอย่างดี เพื่อให้คนรุ่นหลังได้รับรู้ว่ายุคนี้สมัยนี้เกิดเหตุการณ์อะไรขึ้นบ้าง ทั้งเรื่องโรคโควิด-19 และเรื่องเหตุการณ์บ้านเมือง แต่เมื่อทำการแก้ไขไปแล้วก็ทำให้กลายเป็นยักษ์ธรรมดาทั่วไป ที่จะหาดูที่ไหนก็ได้ ไม่มีเอกลักษณ์ที่เด่นชัด ซึ่งตนเองรู้สึกกังวลใจว่าการมาตีกรอบงานศิลปะเช่นนี้ จะทำให้เป็นอุปสรรค์ต่อการสร้างสรรค์งานศิลปะของไทยให้อยู่แต่ในกรอบแคบๆจะไม่เกิดผลดีต่อวงการศิลปะในอนาคตแน่นอน

 

ด้าน พระปลัดไพวัลย์ จิตตคุตโต เจ้าอาวาสวัดม่วง เปิดเผยว่า หลังจากมีการนำเสนอข่าวออกไป ทำให้มีพระชั้นผู้ใหญ่หลายรูปแนะนำว่าควรปรับเปลี่ยนรูปแบบยักษ์นั่งหลับที่ถือเรือดำน้ำและใส่นาฬิกาข้อมือใหม่ เพื่อความสบายใจของทุกฝ่าย

 

ดังนั้น ทางวัดฯจึงได้เปลี่ยนยักษ์นั่งหลับที่ถือเรือดำน้ำ ด้วยการทาสีขาวเปลี่ยนเรือดำน้ำให้เป็นถือกระบองแทน ขณะที่ยักษ์นั่งหลับอีกตน ที่สวมใส่นาฬิกาข้อมือ ก็ให้ช่างทาสีขาวเปลี่ยนให้เป็นกำไลข้อมือ ส่วนอีกมือที่ถือโทรศัพท์มือถือก็เปลี่ยนเป็นพระคัมภีร์แทน เพื่อให้เกิดความสบายใจแก่ทุกฝ่าย และเป็นการยืนยันว่าทางวัดไม่ได้มีเจตนาทางการเมืองแต่อย่างใด

 

"รูปปั้นยักษ์นั่งหลับที่สร้างขึ้นนี้ เป็นเพียงคติธรรมสอนธรรมให้กับประชาชนเท่านั้นเอง"

 

นายสุชาติ แซ่จึง อายุ 61 ปี ชาวบ้านที่อยู่ในชุมชนวัดม่วง กล่าวว่า ตั้งแต่มีข่าวยักษ์หลับใส่นาฬิกาและอุ้มเรือดำน้ำ ออกไปตามสื่อต่างๆ ก็ทำให้มีนักท่องเที่ยวแห่มาชมกันอย่างคึกคัก แต่ตอนนี้นักท่องเที่ยวที่มาก็รู้สึกผิดหวังที่ไม่ได้เห็นสิ่งแปลกตาอีกแล้ว จะเห็นก็เพียงยักษ์หลับที่ไม่มีอะไรพิเศษมากนัก จึงเสียดายที่จะทำให้ขาดแรงจูงใจนักท่องเที่ยวให้มาที่วัดอีก แต่เพื่อความสบายใจของทุกฝ่ายตนเองก็เข้าใจในส่วนนี้

 

ข่าวโดย ประสิทธิ์ ตั้งประเสริฐ จ.นครราชสีมา