พิษ น้ำมันแพง อาหารทะเลปรับราคาขึ้นอีก จี้รัฐเร่งแก้ปัญหาราคาน้ำมันดีเซล
พิษ "น้ำมันแพง" ร้านอาหารทะเลโอดแบกต้นทุนสูงขึ้น ซ้ำยอดขายลดลงเหตุประชาชนไม่มีกำลังซื้อ จี้รัฐเร่งแก้ปัญหาราคาน้ำมัน เพราะเป็นปัจจัยหลักที่ทำให้ข้าวของแพง
วันที่ 5 พฤษภาคม 2565 ผลพวง "ราคาน้ำมันดีเซล" ลอยตัว พิษ "น้ำมันแพง" กระทบร้านขายอาหารทะเลสดต้องแบกรับภาระต้นทุนสูงขึ้น เพราะต้องขับรถไปรับอาหารทะเลเอง ทั้งบางอย่างเริ่มปรับราคาส่งแต่ยังต้องขายปลีกเท่าเดิม ซ้ำยอดขายกลับลดลงกว่าครึ่งเพราะประชาชนไม่มีกำลังซื้อ วอนรัฐเร่งแก้ปัญหาให้ "ราคาน้ำมัน" ถูกลง เพราะเป็นปัจจัยหลักที่ทำให้ข้าวของแพงขึ้น
ภายหลังจากที่มีการปล่อยลอยตัว "ราคาน้ำมันดีเซล" ตั้งแต่วันที่ 1 พ.ค. 2565 เป็นต้นมา ตามมติคณะกรรมการบริหารกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (กบน.) เพิ่มเป็นลิตรละ 32 บาท และจะมีการปรับขึ้นราคาแบบขั้นบันไดจนถึงลิตรละ 35 บาท "น้ำมันแพง" ได้ส่งผลกระทบกับหลายสาขาอาชีพ เพราะน้ำมันถือเป็นปัจจัยหลักในการดำรงชีวิต
ซึ่งร้านขายอาหารทะเลสดในตลาดสดเทศบาลเมืองบุรีรัมย์ได้รับผลกระทบเต็ม ๆ เพราะต้องแบกรับภาระต้นทุนที่สูงขึ้น เนื่องจากอาหารทะเลบางชนิดต้องขับรถไปรับเองถึง จ.สมุทรปราการ จากเดิมที่เคยเติมน้ำมันไปกลับประมาณ 2,000 บาท แต่หลังจากน้ำมันปรับขึ้นราคาต้องเติมเพิ่มขึ้นเป็น 3,000 กว่าบาท
อีกทั้งผลพวงของราคาน้ำมันที่ลอยตัวทำให้ราคาส่งอาหารทะเลบางชนิดเริ่มปรับขึ้นแล้ว เฉลี่ยกิโลกรัมละ 10 บาท ทำให้พ่อค้าแม่ค้าที่รับมาขายต่อมีต้นทุนสูงขึ้น แต่ยอดขายปลีกกลับลดน้อยลงจากเดิมกว่าเท่าตัว เนื่องจากประชาชนไม่มีกำลังซื้อและต้องเซฟค่าใช้จ่ายในช่วงที่ข้าวของราคาแพง
นายเฉียบ ชุมตรีนอก พ่อค้าร้านขายอาหารทะเลสดรายหนึ่ง บอกว่า หลังจากน้ำมันปรับขึ้นราคาก็ได้รับผลกระทบเป็นอย่างมาก เพราะต้องแบะรับภาระค่าน้ำมันที่ขับรถไปรับอาหารทะเลมาขายเพิ่มขึ้น อีกทั้งขณะนี้ราคาส่งอาหารทะเลบางอย่างก็เริ่มขยับราคาขึ้นแล้ว โดยเฉพาะปลาหมึกสดได้ปรับขึ้นเฉลี่ยกิโลกรัมละ 10 บาท แต่ราคาขายปลีกยังเท่าเดิม ซึ่งหากอาหารทะเลชนิดอื่นทยอยปรับขึ้นอีกก็จำเป็นต้องปรับราคาขายปลีกตามกลไกตลาดเช่นกัน
"จากผลกระทบดังกล่าวอยากเรียกร้องให้รัฐบาลเร่งหาแนวทางแก้ปัญหาราคาน้ำมันให้ถูกลงกว่านี้ เพราะราคาน้ำมันแพงข้าวของทุกอย่างทั้งอุปโภคบริโภคก็จะแพงขึ้นตามไปด้วย ประชาชนทุกอาชีพก็จะเดือดร้อนตามไปด้วย"
ข่าวโดย สุรชัย พิรักษา จ.บุรีรัมย์