"น้ำมันแพง" ใช้รถไฟขนสินค้าจากมาบตาพุด-แหลมฉบัง
"น้ำมันแพง" โรงงานอุตสาหกรรม หันใช้บริการรถไฟ ส่งสินค้าแทนรถบรรทุก แถมช่วยลดปัญหาการจราจรและลดอุบัติเหตุบนถนน
เมื่อวันที่ 14 มิ.ย. 65 นายณรงค์ ชูสลับ นายสถานีรถไฟมาบตาพุด จ.ระยอง นายปัญญา ปะพุธสะโร ประธานกรรมการ บริษัทเก้าเจริญ เทรน ทรานสปอร์ต จำกัด และนายชัยยุทธ มณีรัตน์ รองประธานฝ่ายโลจิสติกส์ บริษัท อินโดรามา จำกัด (มหาชน) ได้ร่วมกันปล่อยขบวนรถไฟส่งสินค้าจากสถานีรถไฟมาบตาพุดไปยัง สถานีรถไฟแหลมฉบัง จ.ชลบุรี ซึ่งเป็นเที่ยวแรกหลังจากสถานการณ์โควิด-19 คลี่คลาย รวมถึงการประสบปัญหาขาดแคลนตู้คอนเทนเนอร์ในช่วงดังกล่าวด้วย โดยเริ่มกลับมาขนส่งทางรางเป็นปกติแล้ว
นายปัญญา กล่าวว่า การปล่อยขบวนรถไฟขนส่งสินค้าซึ่งเริ่มเป็นขบวนแรกดังกล่าว เป็นการขนส่งเม็ดพลาสติกของ บริษัท อินโดรามาฯ จำนวน 60 ตู้คอนเทนเนอร์ นับเป็นเรื่องที่ดีเป็นการช่วยลดปัญหาการจราจรบนท้องถนน และการลดอุบัติเหตุ เพราะการขนส่งทางรางหนึ่งขบวนรถไฟ เท่ากับลดปริมาณรถบรรทุกลงไป จึงทำให้ความแออัดบนถนนลดลงไปในระดับหนึ่ง ที่สำคัญประหยัดน้ำมัน โดยการขนส่งทางราง 60 ตู้คอนเทรนเนอร์จากสถานีมาบตาพุด-แหลมฉบัง ใช้น้ำมันเชื้อเพลิง 400 ลิตร ขณะที่ขนส่งทางรถบรรทุกต้องใช้น้ำมันเชื้อเพลิงถึง 3,600 ลิตร โดยปัจจุบันเริ่มมีการขนส่งประมาณ 35-40 เปอร์เซ็น โดยมีเป้าหมายเพิ่มขึ้นอยู่ที่ 80 เปอร์เซ็นภายในปีนี้ เพื่อดึงภาคขนส่งบนถนนลงมาสู่ระบบราง
ด้านนายชัยยุทธ มณีรัตน์ รองประธานฝ่ายโลจิสติกส์ บริษัทอินโดรามาฯ กล่าวว่า หลังจากเกิดปัญหาขาดแคลนตู้คอนเทนเนอร์ จากสถานการณ์โควิด-19 เริ่มกลับมาเป็นปกติแล้ว การขนส่งทางรางในวันนี้จึงเป็นขบวนแรกที่ทางบริษัทฯ ได้ร่วมกับบริษัทเก้าเจริญ เทรน ทรานสปอร์ตฯ ขนส่งเม็ดพลาสติกไปยังท่าเรือแหลมฉบัง ซึ่งเหตุผลที่เลือกใช้ระบบรางขนส่ง เพื่อเป็นการรับผิดชอบต่อสังคมในการช่วยลดความแออัดบนถนน เนื่องจากการใช้ระบบรางหรือรถไฟในการขนส่งเท่ากับลดการใช้รถบรรทุกบนถนน การจราจรบนท้องถนนก็จะคล่องตัวขึ้น และเรื่องค่าใช้จ่ายจากราคาน้ำมันที่สูงขึ้นด้วย ทั้งนี้ทางบริษัทฯ จะเพิ่มการใช้รถไฟในการขนส่งสินค้าเพิ่มขึ้นต่อไป
ขณะที่นายณรงค์ ชูสลับ หัวหน้าสถานีรถไฟมาบตาพุด กล่าวว่า สำหรับการขนส่งทางรางเป็นอีกทางเลือก ทั้งภาคอุตสาหกรรม และภาคการเกษตร ซึ่งทางสถานีรถไฟมาบตาพุด เป็นสถานีรถไฟสำหรับการขนส่งเท่านั้น ไม่มีการบริการในด้านโดยสาร โดยมีการขนส่งสินค้าไปทั่วประเทศ ซึ่งนับเป็นอีกหนึ่งทางเลือกในการขนส่ง จึงสนับสนุนให้หันมาใช้การขนส่งผ่านระบบรางเพิ่มขึ้น หากหันมาใช้ระบบรางเพิ่มขึ้นก็เท่ากับลดการใช้รถบรรทุกลง จึงเป็นการช่วยลดปัญหาการจราจร การเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนน และยังลดต้นทุนอีกด้วย