จับ "แม่ยาย" คดีดัง ร่วมวางยาพ่อแม่ผัว จนสติหลอน หวังฮุบสมบัติ
ตำรวจกองปราบ ตามจับ "แม่ยาย" คดีดัง ร่วมวางยาพ่อ-แม่-ผัว จนสติหลอน หวังฮุบสมบัติ หลังหลบหนีจากใต้มาอยู่นนทบุรี
สะใภ้ตัวแสบ คิดวางยาฝ่ายครอบครัวผัว หวังฮุบสมบัติ เริ่มจากให้ลูกสาว สานสัมพันธ์กับหนุ่มครอบครัวเป้าหมาย อ้างหาเหตุชวนแม่เข้าบ้าน พยายามผูกมัดด้วยกฎหมาย ทั้งการแต่งงาน จดทะเบียนสมรส เพื่อหวังเงินประกัน พร้อมกับหยอดยาเสพติดให้พ่อ แม่และสามี จนสติหลอน แต่พี่ชายจับพิรุธได้ แจ้งความตามจับกุมได้ 2 แม่ลูก
วันที่ 26 กรกฎาคม 2565 ตำรวจกองปราบ นำโดย พ.ต.อ.พงศ์ปณต ชูแก้ว ผกก.6 บก.ป. นำกำลังเข้าจับกุม นางลักศมีกานต์ (สงวนนามสกุล) อายุ 62 ปี ชาว กทม. ได้ที่บ้านพัก ในพื้นที่ ต.บ้านใหม่ อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี หลังตกเป็นผู้ต้องหา ตามหมายจับศาลจังหวัดพัทลุง ลงวันที่ 1 มี.ค. 2565 ข้อหา “พยายามฆ่าผู้อื่น”
จากพฤติการณ์ของนางลักศมีกานต์ ร่วมกับบุตรสาว น.ส.เปมิกา (สงวนนามสกุล) หรือ แป้ง แอบเอายาเสพติดผสมในอาหารให้กับเหยื่อ 2 ราย คือ ร.ต.อ.สุชีพ เทพพิชัย อดีตข้าราชการตำรวจวัย 63 ปี และนางวรรณี เทพพิชัย อดีตข้าราชการครู วัย 64 ปี รับประทานจนเกิดอาการหลอน เหมือนผู้ป่วยจิตเวช
กระทั่งนายพงษ์ศา เทพพิชัย อายุ 40 ปี ชาวบ้านในพื้นที่ อ.ควนขนุน จ.พัทลุง บุตรชายเหยื่อ ทราบเรื่องจึงเข้าแจ้งความไว้กับพนักงานสอบสวน สภ.ควนขนุน
เหตุการณ์เริ่มเมื่อช่วงเดือน มกราคม 2563 นายอริยะ เทพพิชัย หรือเบส อายุ 30 ปี น้องชายผู้แจ้งความ ได้รู้จักกับ น.ส.เปมิกา ผ่านเฟซบุ๊ก แล้วเกิดความสนิทสนมจนถึงขั้นคบหากันเป็นแฟน ต่อมา น.ส.เปมิกา อ้างว่าครอบครัวเดือดร้อน จึงของพา "นางลักศมีกานต์ ซึ่งเป็นแม่มาอาศัยอยู่ด้วย แล้วหลังจาก ทั้งสองเข้ามาอยู่ด้วย กลับทำให้ ร.ต.อ.สุชีพ และนางวรรณี ผู้เป็นพ่อ - แม่ของผู้แจ้งความและนายเบส มีอาการผิดปกติ มีความหวาดระแวง เซื่องซึม ชอบเก็บตัว ไม่ค่อยพูด นอนไม่หลับ โดยเฉพาะผู้เป็นพ่อถึงขั้นคิดจะฆ่าตัวตาย
คนในครอบครัว เริ่มพบความผิดสังเกต จึงเฝ้าจับตาพฤติกรรม จนพบว่า ทั้ง 2 ร่วมกัน นำยาเสพติดผสมในอาหารให้ ร.ต.อ.สุชีพ และ นางวรรณี กินจนเกิดอาการหลอน ก่อนพยายามหลอกล่อให้ทำธุรกรรมทางการเงิน ทำประกันชีวิต รวมถึงพยายามร้องขอให้นายอริยะหรือเบส แต่งงานและจดทะเบียน
ทั้งนี้ เมื่อคนในครอบครัว เร่งนำเรื่องเข้าแจ้งความ จนมีการออกหมายจับ ทำให้ น.ส.เปมิกา พยายามหลบหนี แต่มาถูกตำรวจตรวจคนเข้าเมืองสกัดจับกุมตัวไว้ได้ ระหว่างเดินทางออกนอกประเทศ คงเหลือเพียงนางลักศมีกานต์ ผู้ต้องหารายนี้ ซึ่งผลของการแกะรอยทำให้ทราบว่านางลักศมีกานต์ หนีมาหลบซ่อนตัวอยู่ในพื้นที่ จ.นนทบุรี
เบื้องต้น นางลักศมีกานต์ให้การปฏิเสธ พร้อมอ้างว่า เรื่องที่เกิดขึ้นไม่เป็นความจริง อีกทั้งช่วงที่อาศัยอยู่ร่วมด้วยตนและบุตรสาว ยังคอยช่วยเหลือกลุ่มบุคคลดังกล่าว ไม่เคยคิดทำเรื่องไม่ดีตามที่ถูกกล่าวหา แต่ทางเจ้าหน้าที่ยังไม่ปักใจเชื่อ จึงนำตัวส่ง สภ.ควนขนุน ดำเนินการตามกฎหมายต่อไป