"นฤมล" ชี้ "ขาดดุลแฝด" จุดเสี่ยงเศรษฐกิจ แนะเร่งเพิ่มรายรับจากการท่องเที่ยว

"นฤมล" ชี้ "ขาดดุลแฝด" จุดเสี่ยงเศรษฐกิจ  แนะเร่งเพิ่มรายรับจากการท่องเที่ยว

“ดร.นฤมล” ชี้ไทยขาดดุลแฝดร่วมแปดเดือนจุดเสี่ยงเศรษฐกิจ แนะเร่งเพิ่มรายรับจากการท่องเที่ยว - สร้างความมั่นคงทางพลังงาน

 ศ.ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงแรงงาน โพสต์Facebook ส่วนตัวสะท้อนมุมมองว่า  เมื่อเดือนกรกฎาคม ที่ผ่านมา ได้เคยบอกไว้ให้ติดตาม และเฝ้าระวัง ภาวะ "ขาดดุลแฝด" คือ การขาดดุลการคลัง และการขาดดุลบัญชีเดินสะพัด

ในขณะเดียวกัน ไทยยังใช้นโยบายขาดดุลการคลัง ตามพระราชบัญญัติ(พ.ร.บ.)งบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ.2566 ที่กำหนดวงเงินกู้เพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณ 695,000 ล้านบาท หรือคิดเป็น 3.88% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ( GDP)  ส่วนตัวเลขดุลบัญชีเดินสะพัด ตั้งแต่มกราคม ถึงสิงหาคม 2565 มีเดือนมีนาคม เพียงเดือนเดียวที่เกินดุล เดือนอื่นที่เหลือขาดดุลบัญชีเดินสะพัดต่อเนื่อง 
 

เมื่อเจาะดูดุลบัญชีเดินสะพัดรายเดือน พบสิ่งที่น่าสนใจว่า - ตั้งแต่มกราคม 2564 ถึงสิงหาคม 2565  ไทยขาดดุลบริการมาตลอดทุกเดือน ซึ่งสาเหตุหลักเกิดจากรายรับจากนักท่องเที่ยวต่างชาติที่น้อยลงเนื่องจากสถานการณ์โควิด-19  แต่ห้วงเวลาเดียวกัน ไทยยังเกินดุลการค้าทุกเดือนจนถึงมิถุนายน 2565 จนมาสองเดือนหลังคือ เดือนกรกฎาคม และสิงหาคม 2565 ที่เริ่มเกิดการขาดดุลการค้า

นั่นคือ มูลค่าจากการนำเข้าสินค้ามากกว่ามูลค่าจากการส่งออกสินค้า ซึ่งหลักๆ เป็นผลมาจากการนำเข้าน้ำมันและก๊าซปิโตรเลียมมากกว่าการส่งออก และค่าเงินบาทที่อ่อนตัวลงมาอย่างต่อเนื่อง

จึงเรียกได้ว่า ไทยเกิดภาวะขาดดุลแฝดต่อเนื่องมาหลายเดือน และภาพรวมทั้งปี 2565 สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ หรือสภาพัฒน์ ประเมินไว้ว่าดุลบัญชีเดินสะพัดมีแนวโน้มขาดดุล 7,600 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 266,000 ล้านบาท คิดเป็น 1.5% ของ GDP แต่ข้อมูลจากธนาคารแห่งประเทศไทย( ธปท.)นับถึง สิงหาคม 2565 ดุลบัญชีเดินสะพัดขาดดุลสะสมไปแล้วถึง 1,275,165 ล้านบาท มากกว่าที่สภาพัฒน์คาดไปแล้วเกือบ 5 เท่า

การขาดดุลแฝด ไม่ได้เกิดขึ้นเฉพาะที่ไทย แต่เกิดขึ้นในหลายประเทศเช่นกัน เพราะภาวะการคลังติดลบเกือบหมด รัฐบาลต่างจำเป็นต้องอาศัยการกู้เป็นเครื่องจักรหลักในการฟื้นฟูเศรษฐกิจหลังการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 และยังมาเจอขาดดุลการค้าจากการนำเข้าน้ำมันประกอบกับสกุลเงินที่อ่อนค่าลงอย่างมากเช่นกัน

อย่างไรก็ตาม การปล่อยให้อยู่ในภาวะขาดดุลแฝดนานไป ย่อมไม่เป็นผลดี จำเป็นต้องเฝ้าระวังใกล้ชิด และปรับนโยบายทางเศรษฐกิจเพื่อลดการขาดดุลบัญชีเดินสะพัด ด้วยแนวทางลดการขาดดุลบริการ ตามที่รัฐบาลส่งเสริมภาคการท่องเที่ยว เปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ เพื่อเพิ่มรายรับจากนักท่องเที่ยวต่างชาติให้มากขึ้น ส่วนแนวทางลดการขาดดุลการค้า เราควรต้องทบทวน และเอาจริงเอาจังกับแผนความมั่นคงทางพลังงานเพื่อลดสัดส่วนการพึ่งพิงการนำเข้าสินค้ากลุ่มพลังงาน
 

ขณะเดียวกัน นโยบายทางการคลังจากนี้ไปต้องรัดกุม หลีกเลี่ยงการกู้เงินนอกเหนือจากที่กำหนดไว้ใน พ.ร.บ.งบประมาณ ยิ่งแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยสูงขึ้น ภาระดอกเบี้ยจ่ายที่ต้องตั้งงบประมาณรองรับในอนาคตก็สูงตาม จึงควรพิจารณาทางเลือกแหล่งเงินทุนอื่นเพื่อการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ เช่น การร่วมทุนกับภาคเอกชน หรือการระดมทุนด้วยกองทุนโครงสร้างพื้นฐาน

 

 

 

พิสูจน์อักษร....สุรีย์  ศิลาวงษ์