"สมศักดิ์" ไขข้อข้องใจโซเชียล ไม่ทิ้ง "กระท่อม" พืชเศรษฐกิจใหม่ สร้างรายได้
“สมศักดิ์” ไขข้อข้องใจโซเชียล ไม่ทิ้ง พืชกระท่อม ยังคงเฝ้าติดตามแม้หมดวาระ หวัง อย.เร่งทำค่ามาตรฐานกลางสารไมทราไจนีนในผลิตภัณฑ์ เชื่อ กระท่อม จะเป็นพืชเศรษฐกิจใหม่เต็มตัว ช่วยสร้างรายได้ให้ชาวบ้าน กระตุ้นเศรษฐกิจได้มหาศาล
17 มิ.ย.2566 นายสมศักดิ์ เทพสุทิน อดีต รมว.ยุติธรรม กล่าวว่า มีผู้คนถามตนมาเยอะใน สื่อโซเชียลมีเดีย ถึงความคืบหน้าของ กระท่อม ในการนำมาสร้างผลิตภัณฑ์ต่างๆ เรื่องนี้ตนยังติดตามอยู่อย่างต่อเนื่อง แม้ว่าตนจะไม่ได้ดำรงตำแหน่ง รมว.ยุติธรรมแล้ว แต่ไม่ได้ทิ้งในเรื่องนี้ โดย พืชกระท่อม ปลดล็อกจากยาเสพติดเมื่อวันที่ 24 ส.ค.2564 จากนั้นอีก 1 ปีให้หลังเมื่อวันที่ 27 ส.ค.2565 จึงมี พ.ร.บ.พืชกระท่อม เพื่อให้มีกฎหมายรองรับอย่างถูกต้องครบถ้วน ทั้งการนำเข้า-ส่งออก การส่งเสริมและสนับสนุนการใช้ประโยชน์จากพืชกระท่อม เพราะตนเล็งเห็นความสำคัญของพืชเศรษฐกิจตัวใหม่ และได้ให้ทาง ป.ป.ส. เร่งทำการวิจัย โดยร่วมกับ กระทรวงอุดมศึกษาฯ และสถาบันวิจัยมหาวิทยาลัยต่างๆมากกว่า 30 โครงการ เพื่อพัฒนาส่งเสริมให้เป็นพืชเศรษฐกิจ รวมทั้งมีการสร้างโรงงานต้นแบบ ร่วมกับ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ และสร้างแอปพลิเคชัน เพื่อเชื่อมโยงกับภาคอุตสาหกรรม
นอกจากนี้ ทาง ป.ป.ส.ยังได้ร่วมกับ กรมศุลกากร หารือเรื่องการเชื่อมโยงและพัฒนาระบบการนำเข้าและส่งออกพืชกระท่อม มีการทดสอบระบบงานในระยะที่ 1 ไปแล้วเมื่อเดือน มี.ค.2566 ส่วนการทำอาหารและผลิตภัณฑ์ต่างๆ ตนทราบว่าขณะนี้ยังรอประกาศจากกระทรวงสาธารณสุข โดยยังอยู่ระหว่างการทดลองวิจัยผลิตภัณฑ์ ซึ่งที่ช้าเพราะทาง อย. ยังหาค่ากลางในการกำหนดสารไมทราไจนีน ในผลิตภัณฑ์จากพืชกระท่อมไม่ได้ โดยทาง อย.กำหนดไว้แค่ 0.2 มิลลิกรัม แต่ใน 1 ใบมีประมาณ 1.2-1.6 มิลลิกรัม เราจึงขอให้เพิ่มเป็น 1.0 มิลลิกรัม โดยจะมีการจัดประชุมคณะอนุกรรมการเร่งรัดติดตาม ในวันที่ 19 มิ.ย.นี้ เพื่อให้ได้มาตรฐานกลางออกมาเร็วที่สุด
“แม้ว่าขณะนี้ตนไม่ได้มีตำแหน่งใดๆ แต่ตนยังเฝ้าติดตามงานที่เคยได้ดำเนินการไว้สมัยที่เป็น รมว.ยุติธรรม โดยเฉพาะพืชกระท่อม ที่ตนได้ทำการปลดล็อกหลังจากที่ชาวบ้านรอคอยมานานถึง 78 ปี ทำให้พวกเขาสามารถใช้ได้ตามวิถีชีวิต และยังสร้างเป็นพืชเศรษฐกิจตัวใหม่ สร้างรายได้ให้กับพี่น้องประชาชน ส่วนเรื่องการทำผลิตภัณฑ์เรายังคงเฝ้ารอกระทรวงสาธารณสุข หวังว่าจะได้ความชัดเจนโดยเร็ว เพราะหากทำผลิตภัณฑ์ได้ จะสร้างรายได้ให้กับชาวบ้านได้อีกเยอะ และจะเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจได้อย่างมาก”นายสมศักดิ์ กล่าว