'Next Door Catastrophe' นิสิตจุฬาฯ ชวนถก 'มนุษย์' คือภัยอันตรายที่สุดในโลก ?

'Next Door Catastrophe' นิสิตจุฬาฯ ชวนถก 'มนุษย์' คือภัยอันตรายที่สุดในโลก ?

"Samyan Mustard" นิสิตจุฬาฯ 7 คณะ ร่วมสรรค์สร้าง ยกห้องเรียนขึ้นเวที เปลี่ยนมุมมองภัยคุกคามมนุษย์ใหม่ ชี้ปัญหาไม่ใช่ใครที่ไหนแต่คือ “มนุษย์” ด้วยกันเอง ในงาน “Next Door Catastrophe รู้ตัวอีกที วินาศสันตะโร”

นิสิตจุฬาฯ จาก 7 คณะ ทั้งสายวิทย์และสายศิลป์ รวมตัวกันในชื่อ Samyan Mustard ร่วมเปิด หอประชุมคณะวิศวกรรมศาสตร์ Hall of intania เสนอประสบการณ์การเรียนรู้นอกห้องเรียน จับมือ “เฮียวิทย์” และอาจารย์จุฬาฯ เปลี่ยนมุมมองภัยคุกคามมนุษย์ ที่ไม่ใช่ AI แฮกเกอร์ หรือเอเลี่ยน แต่กลับเป็น “มนุษย์” ด้วยกันเองที่อาจพาไปถึงจุดจบ ภายใต้แนวคิด Documentary on Stage แบบใหม่ไม่ซ้ำใคร ผ่านแสง สี เสียงสุดอลัง ใน “Next Door Catastrophe รู้ตัวอีกที วินาศสันตะโร”

ชวนถกคิดให้เห็นว่ามนุษย์เป็นตัวสร้างปัญหาที่อันตรายที่สุดผ่าน 6 หัวข้อ ได้แก่

  • สงครามระหว่างเผ่าพันธุ์เมื่อเอไอถึงเหิมเกริมคิดจะครองโลก
  • ความวินาสันตะโรเกิดเมื่อมนุษย์โลภอย่างไม่สิ้นสุด
  • ภัยพิบัติที่แท้จริงคือมนุษยชาติไร้ความจริงใจ
  • โลกอาจจะแตกถ้ามนุษย์ต่างดาวบุกโลก หรือ เพราะมนุษย์เอง
  • ความวินาศสันตะโรที่แท้จริงคือเจาะระบบแฮกสามัญสำนึก
  • ยุคสมัยแห่งการสูญพันธุ์อาจจะกลับมาตอนที่มนุษย์ทำตัวเป็นภัยแก่กัน

 

นายปัณณสิษฐ์ จิวะพงศ์ นิสิตคณะวิศวกรรมศาสตร์ชั้นปีที่ 3 ประธานโครงการกล่าวเปิดงานว่า “ความเป็นจริงแล้ว ต้นตอความวินาศสันตะโรในชีวิต อาจไม่ได้มาจากไหนไกล หากแต่มันอาจกำลังมองเราจากจุดใดจุดหนึ่ง จากสักวินาทีในตอนเช้าที่แปรงฟัน หรือขับรถ”

\'Next Door Catastrophe\' นิสิตจุฬาฯ ชวนถก \'มนุษย์\' คือภัยอันตรายที่สุดในโลก ?

สงครามระหว่างเผ่าพันธ์เมื่อเอไอถึงเหิมเกริมคิดจะครองโลก

ผศ.ดร.สุกรี สินธุภิญโญ อาจารย์ประจำภาควิชาวิศวกรรมคอมพิวเตอร์ คณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ต้ังคำถามว่าต่อประเด็น เอไอ ว่า ทำไมถึงคิดว่าเอไอถึงเหิมเกริมและหาญกล้า ขนาดคิดจะครองโลก เป็นมนุษย์หรือเปล่า ที่เอากิเลส ความทะยานอยากของตัวเองไปตั้งคำถามกับเอไอ

บทเรียนจากอดีตแสดงให้เห็นว่าความอยากของมนุษย์นี่แหละที่คอยสร้างปัญหาให้มนุษย์ด้วยกันเอง สิ่งที่เอไอจะทำได้วันนี้ คงไม่ได้เป็นการทำร้ายพวกเราโดยตรง แต่กลายเป็นพวกเราเองต่างหาก ที่หลงลืมความรู้สึกของตัวเอง จนในที่สุดความเป็นตัวตนก็จะหายไป

“ถ้าวันนั้นมาถึง ความสัมพันธ์อย่างที่เราเป็นอยู่อาจจะหายไป เอไอจะมายึดครองเราหรือไม่ ขึ้นอยู่กับว่าเราจะเลือกใช้มันอย่างไร เราต้องไม่ลืมความเป็นมนุษย์ ความรู้สึก และอารมณ์ของเรา เพราะสิ่งเหล่านี้คือสิ่งที่ทำให้เราเป็นเรา” ผศ.ดร.สุกรี กล่าว

\'Next Door Catastrophe\' นิสิตจุฬาฯ ชวนถก \'มนุษย์\' คือภัยอันตรายที่สุดในโลก ?

ความวินาสันตะโรเกิดเมื่อมนุษย์โลภอย่างไม่สิ้นสุด

“เฮียวิทย์” ดร.วิทย์ สิทธิเวคิน ชี้ถึงภัยจากระบบเศรษฐกิจว่า ประวัติศาสตร์เต็มไปด้วยวิกฤตเศรษฐกิจที่ล้วนมีสาเหตุมาจาก "สัญชาติญาณความโลภ" และ "ความคิดเข้าข้างตัวเอง" ของมนุษย์

ตัวอย่างที่ชัดเจนคือ วิกฤตต้มยำกุ้งปี 2540 ก็เช่นกัน ประเทศไทยเปิดเสรีทางการเงิน เงินทุนไหลเข้าประเทศ ผู้คนกู้เงินต่างประเทศมาลงทุนในหุ้นโดยไม่คิดถึงความเสี่ยง ประเทศไทยได้รับคำเตือนจาก IMF สามครั้ง แต่ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง โดยเชื่อว่า สิ่งนี้จะไม่เกิดขึ้นกับประเทศไทย เงินสำรองถูกใช้ไปในการ พยุงค่าเงินให้อยู่ในระดับ "ภาพลวงตา" เมื่อถูกผลักเล็ก ๆ เศรษฐกิจไทยก็พังทลาย ไม่ต่างกัน

“สิ่งที่ไม่เคยเปลี่ยนเลย คือ ‘สัญชาติญาณความโลภ’ และ "การคิดเข้าข้างตัวเอง’ ของมนุษย์ ว่าจะสามารถเอาชนะคนอื่นได้ เอาชนะเทรนด์ได้ สิ่งนี้คือ เค้าลางแห่งความพินาศ ที่ทำให้โลกใบนี้ เกิดเหตุแบบนี้ ซ้ำแล้วและซ้ำอีก ไม่ต้องดูอื่นไกล ต้นตอวิกฤตทั้งหลาย อยู่ในตัวเรา ถ้ายังคิดว่าปัญหาอยู่ที่ปัจจัยภายนอก คงไม่ได้ไปไหน ต้องเริ่มจากตัวเอง”

\'Next Door Catastrophe\' นิสิตจุฬาฯ ชวนถก \'มนุษย์\' คือภัยอันตรายที่สุดในโลก ?

ภัยพิบัติที่แท้จริงคือมนุษยชาติไร้ความจริงใจ

“ครูโอ๋” ผศ. ดร.สุกัญญา สมไพบูลย์ รองคณบดี ฝ่ายวิจัย วิรัชกิจ และเชื่อมโยงสังคม คณะนิเทศศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า ทุกความสัมพันธ์ก็เป็นความสัมพันธ์ที่ เป็นมลพิษ แบบป้าข้างบ้านได้เหมือนกัน สิ่งที่น่ากลัว และเป็นมหันตภัยที่วินาศสันตะโรที่สุดสำหรับมนุษย์ อาจจะไม่ใช่ตัวของบุคคลที่เป็น ‘ป้าข้างบ้าน’ แต่เป็นการที่ป้าข้างบ้าน สามารถไปอยู่ในตัวทุกคนได้ด้วยคำพูดที่ร้ายกาจเป็นขีปนาวุธที่ระเบิดใจมนุษย์

ขอยกตัวอย่าง ‘Gaslighting’ ซึ่งมีที่มาจากภาพยนตร์เรื่อง Gaslight (1944) ที่ภรรยาสังเกตเห็นความผิดปกติของหลอดไฟใน บ้านแล้วบอกสามี แต่กลับพูดให้เธอรู้สึกว่าเป็นบ้าไป นอกจาก Gaslighting แล้วยังมีการทำร้ายจิตใจด้วยคำพูดรูปแบบอื่นที่ดูเหมือนจะไม่รุนแรง แต่ทิ่มแทงผู้ฟังได้ ไม่ต่างจากการตะโกนด่า นั่นคือการพูดจิกอีกฝ่ายแต่อ้างว่าเป็นแค่มุกตลก (Disguised Jokes) พูดให้ผู้ฟังเชื่อว่าสิ่งที่เขารู้สึกนั้นไม่สำคัญ

ทำให้ผู้ฟังต้องยินยอมทำตามสิ่งที่ผู้กระทำต้องการ จนวันหนึ่งก็ได้กลายเป็นทาสอารมณ์โดยปริยาย จะเห็นได้ว่าสิ่งที่เล็กที่สุด อาจส่งผลให้ ทั้งโลกก็มีแต่ ‘ความสัมพันธ์ที่ล่มสลาย’ และไม่มีใครจริงใจต่อกันอีกต่อไป

\'Next Door Catastrophe\' นิสิตจุฬาฯ ชวนถก \'มนุษย์\' คือภัยอันตรายที่สุดในโลก ?

โลกอาจจะแตกถ้ามนุษย์ต่างดาวบุกโลก หรือ เพราะมนุษย์เอง

อาจารย์ ดร.ณัชพล บุญประเสริฐกิจ อาจารย์ประจำภาควิชาวรรณคดีเปรียบเทียบ คณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า ในฐานะนักวรรณกรรมศึกษา อาจารย์จากภาควิชาวรรณคดีเปรียบเทียบ คณะอักษรศาสตร์ มองมนุษย์ต่างดาวในวรรณกรรม ว่าเป็นเครื่องมือสะท้อนความคิด ความกลัว และอนาคตของมนุษยชาติ ผ่านเรื่องราวจากนิยายวิทยาศาสตร์ที่ปรากฏในหลายยุคสมัย

ความน่าสนใจของมนุษย์ต่างดาว ยังอยู่ที่การตั้งคำถามถึง "Fermi Paradox" ว่าทำไมเราถึงไม่เคยพบร่องรอยของพวกมัน วรรณกรรมเรื่อง "นิวโรแมนเซอร์" เสนอแง่คิดว่า “แท้จริงแล้วสิ่งที่เป็นหายะวินาศสันตะโรแห่งจักรวาลอาจเป็นเรา เหล่ามนุษย์ที่สร้างความเดือดร้อนรำคาญ จนทำให้สิ่งทรงปัญหาอื่นทิ้งเราไว้เบื้องหลัง”

 

ความวินาศสันตะโรที่แท้จริงคือเจาะระบบแฮกสามัญสำนึก

ภูมิปรินทร์ มะโน วิศวกรซอฟต์แวร์ที่ Metabase และผู้ร่วมก่อตั้งกลุ่ม Creatorsgarten กล่าวว่า  สิ่งที่แฮกเกอร์ต่างกับคนทั่วไปคือ สามัญสำนึก ทุกอย่างเป็นไปได้ถ้าเราไม่มีมารยาท โดยมองว่าทุกอย่างคือความเป็นไปได้ เราสามารถหาข้อมูล วิเคราะห์ และเจาะเข้าไป ซึ่งปกติแล้วแฮกเกอร์เจาะเข้าไปในอุปกรณ์ หรือระบบ แต่ในปัจจุบันการแฮกนั้นง่ายขึ้นกว่าแต่ก่อนมาก เพราะการเจาะที่ง่ายที่สุดคือ “ใจคน” ไม่จำเป็นที่ต้องฝ่าเข้าไปในระบบที่แน่นหนาเพียงแค่ ทำให้ผู้เสียหายมอบรหัสมาให้

\'Next Door Catastrophe\' นิสิตจุฬาฯ ชวนถก \'มนุษย์\' คือภัยอันตรายที่สุดในโลก ?

ยุคสมัยแห่งการสูญพันธุ์อาจจะกลับมาตอนที่มนุษย์ทำตัวเป็นภัยแก่กัน

อาจารย์ ดร.ชวธัช ธนูสิงห์ อาจารย์ประจำภาควิชาชีววิทยา คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า เมื่อมนุษย์ทำตัวเป็นภัยแก่กันเอง โลกมี มีความละเอียดอ่อนกว่าที่คิด เมื่อธรรมชาติสียสมดุล จะพยายามทำให้ทุกอย่างคืนสู่สมดุล อาจเปรียบได้ว่าโลกเหมือนร่างการมนุษย์ เมื่อมีสิ่งแปลกปลอมเข้าสู่ร่างกาย ร่างกายจะมีระบบภูมิคุ้มกัน ในการกำจัดสิ่งแปลกปลอม มีระบบธำรงดุลที่ทำให้ร่างกายสามารถต้านทานในภาวะที่ไม่เหมาะสมได้

เช่นเดียวกันกับธรรมชาติ ที่จะมีกระบวนการทางนิเวศที่ยังรักษาให้ระบบต่าง ๆ บนโลกนั้นอยู่ได้อย่างสมดุล เราเรียกทฤษฎีการเปรียบเทียบโลกเป็นเหมือนสิ่งมีชีวิต ว่า Gaia Theory หากมนุษย์เปลี่ยนแปลงโลกนี้จนเสียสมดุล โลกอาจจะต้องดำเนินการบางสิ่งเพื่อรักษาสมดุล เช่นโรคระบาด ภัยพิบัติ หรือสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงไป ซึ่งอาจทำให้คน สูญพันธุ์ไปจากโลกใบนี้

\'Next Door Catastrophe\' นิสิตจุฬาฯ ชวนถก \'มนุษย์\' คือภัยอันตรายที่สุดในโลก ?