‘รองโฆษก สธ.‘ เผย นโยบายดูแลคนไทย ปั้น Medical Hub บุคลากรการเแพทย์มีรายได้
รองโฆษก สธ. “จิรพงษ์” เผย “สมศักดิ์” ประกาศนโยบายยกระดับให้เข้ากับบริบทสาธารณสุขไทย เสริมสร้างเพิ่มทุนให้ร่างกายมนุษย์ ให้คนไทยแข็งแรง ภายใน1ปีได้เห็นแน่ มุ่งปั้น Medical Hub ดึงเม็ดเงินเข้าประเทศ สร้างรายได้เพิ่มให้บุคลากรการเแพทย์ ลดเหลื่อมล้ำกับภาคเอกชน
นายจิรพงษ์ ทรงวัชราภรณ์ รองโฆษกกระทรวงสาธารณสุข (รองโฆษก สธ.) กล่าวว่า จากการประชุมมอบนโยบายกระทรวงสาธารณสุข พ.ศ.2567-2568 ของนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.สาธารณสุข ตนรู้สึกอุ่นใจแทนพี่น้องประชาชนคนไทย เพราะท่านแปลสารของนโยบายรัฐบาลได้อย่างชัดเจน และยังมีบางประเด็นที่เพิ่มเติมปรับปรุงให้เข้ากับบริบทของสาธารณสุขไทย
ประเด็นแรกคือ การมุ่งเน้นการเสริมสร้างเพิ่มทุนให้แก่ร่างกายของมนุษย์ ซึ่งถือว่าเป็นต้นทุนแรกที่เรามี ควรดูแลรักษาไว้ให้ดีเมื่อร่างกายดีก็สามารถทำประโยชน์อะไรได้หลายอย่างให้กับชีวิตตนเอง เป็นปรัชญาแนวความคิดว่า การกินอาหารเป็นยา ดีกว่ากินยาเป็นอาหาร จากแนวคิดดั่งกว่าภายใน 1 ปี นายสมศักดิ์ มีโครงการดีๆเพื่อเพิ่มสุขนิสัยที่ดีให้พี่น้องประชาชนคนไทยอย่างแน่นอน
นายจิรพงษ์ กล่าอีกว่า ประเด็นต่อมาคือการแถลงเชิญชวนผู้บริหารและบุคลากรทางการแพทย์ในกระทรวงสาธารณสุขมาทำธุรกิจร่วมกัน ประเด็นนี้นอกจากการเป็น Wellness @ Medical Hub ซึ่งเป็นนโยบายของ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ที่ตั้งใจจะเพิ่มรายได้ให้กับประเทศโดยใช้คุณภาพที่ดีของโรงพยาบาลไทย รวมถึงนวดแผนไทย และการใช้สมุนไพรไทย เพื่อดึงดูดเงินตราจากต่างประเทศเข้าประเทศ นายสมศักดิ์ ยังมองเห็นการสร้างรายได้ให้กับจังหวัดตามชายขอบ ส่งเสริมให้เป็น Medical Hub เฉพาะทาง เพื่อประโยชน์ของประชาชนคนไทยชาวจังหวัดชายขอบที่ติดกับชายแดนประเทศเพื่อนบ้าน ให้มีความสะดวกในการใช้บริการสาธารณสุขในจังหวัดตนเอง ลดความแออัดในเมืองใหญ่ และสร้างรายได้จากชาวต่างชาติเหล่านั้นให้กับโรงพยาบาลเพื่อสร้างรายได้นำไปพัฒนาโรงพยาบาลตนเองต่อไป
นายจิรพงษ์ ยังกล่าวว่า นายสมศักดิ์ ได้สั่งการให้คณะทำงานเก็บข้อมูลดังกล่าวเพื่อออกแบบโครงการจังหวัดนำร่องที่เป็นไปได้ ซึ่งขณะนี้ได้จังหวัดคร่าวๆได้แก่ หนองคาย มุกดาหาร สระแก้ว และกาญจนบุรี และประเด็นสุดท้าย คือ การสร้างรายได้ให้กับบุคลากรทางการแพทย์ของรัฐ ที่รายได้ยังเหลือล้ำกับภาคเอกชน ให้กระทรวงสาธารณสุขเร่งศึกษาเสนอแนวทางการแก้ไข เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจให้ผู้ปฎิบัติงานของกระทรวงสาธารณสุข จากประเด็นเพิ่มเติมดังกล่าวผมมั่นใจว่าสาธารณสุขไทยจะก้าวกระโดดไปอีกขั้น