‘สธ.’ ลุยปราบบุหรี่ไฟฟ้า จ่อเพิ่มโทษทั้งจำทั้งปรับ หลัง ระบาดหนักในเยาวชน
“รองโฆษกฯ สธ.” เผย "สมศักดิ์" เตรียมตั้งคณะทำงานบูรณาการปราบปรามบุหรี่ไฟฟ้า หลัง แพร่ระบาดในกลุ่มเด็ก-เยาวชน รุนแรงขึ้น เพิ่มนักสูบหน้าใหม่อื้อ จ่อเพิ่มโทษเอาผิดทั้งจำทั้งปรับ
นายจิรพงษ์ ทรงวัชราภรณ์ รองโฆษกกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยว่า นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข จะดำเนินการโดยอาศัยอำนาจตาม มาตรา 20 แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. 2538 และที่แก้ไขเพิ่มเติม ออกคำสั่งกระทรวงสาธารณสุข แต่งตั้งคณะทำงานบูรณาการเพื่อปราบปรามและบังคับใช้กฎหมายเกี่ยวกับบุหรี่ไฟฟ้า ซึ่งประกอบด้วย ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ผู้ช่วยรัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุข ผู้แทนสำนักงานปลัดกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ผู้แทนสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ผู้แทนสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค ผู้แทนกรมศุลกากร ผู้แทนกรมปกครอง รองอธิบดีกรมควบคุมโรค ผู้อำนวยการกองคณะกรรมการควบคุมผลิตภัณฑ์ยาสูบ
นายจิรพงษ์ เปิดเผยอีกว่า เนื่องจากปัจจุบัน มีการประกาศ ห้ามนำเข้าและครอบครองบุหรี่ไฟฟ้าออกมาจากรัฐบาล ซึ่งเป็นนโยบายหลักที่ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ให้ความสำคัญ ถึงแม้ว่าจะมีการปราบปรามกันอย่างเข้มงวดจนนำไปสู่การจับกุม และตรวจยึดของกลางได้ในหลายกรณี แต่ก็คงมีการแพร่ระบาดเข้าไปในสถานศึกษาในกลุ่มเด็กและเยาวชน ทวีความรุนแรงเพิ่มมากขึ้น โดยธุรกิจบุหรี่ไฟฟ้ามีการปรุงแต่งให้มีกลิ่นหอมและมีรสชาติไม่เหมือนบุหรี่ทั่วไป รวมถึงการออกแบบบรรจุภัณฑ์ที่เลียนแบบของเล่นเด็ก ทำให้ผู้ปกครองไม่สามารถทราบได้ว่าเป็นบุหรี่ไฟฟ้า เพื่อเพิ่มยอดนักสูบหน้าใหม่เป็นเยาวชนหวังกินยาว
นายจิรพงษ์ เปิดเผยต่อว่า จากปัญหาที่เกิดเกี่ยวกับเด็กและเยาวชนดังกล่าว นายสมศักดิ์ จะดำเนินการปราบปรามล่อซื้อ ขยายผลให้เด็กและผู้ปกครองแจ้งเบาะแส นำตัวผู้กระทำผิดมาลงโทษ โดยเพิ่มโทษจากการทำผิดตาม พระราชบัญญัติคุ้มครองเด็ก พ.ศ. 2546 มาตรา 25 (10) และพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์แก่ผู้ค้าออนไลน์ จากฐานความผิดเดิมคือตามพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้บริโภค ฉบับที่ 4 พ.ศ. 2562, พระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ. 2560 มาตรา 244, ประกาศกระทรวงพาณิชย์เรื่องกำหนดให้บารากุและบารากุไฟฟ้าหรือบุหรี่ไฟฟ้า เป็นสินค้าต้องห้ามนำเข้ามาในราชอาณาจักร พ.ศ. 2557 ซึ่งทุกกรณีมีโทษทั้งจำและปรับ