‘สธ.’ จับมือ 5สส.เชียงราย เปิดเวทีสอนนับคาร์บ แนะ กินข้าวปริมาณเหมาะสม

‘สธ.’ จับมือ 5สส.เชียงราย เปิดเวทีสอนนับคาร์บ แนะ กินข้าวปริมาณเหมาะสม

“สมศักดิ์” สู้โรค NCDs หนัก จับมือ 5 สส. ขึ้นเหนือเปิดเวทีสอนคำนวนคาร์บ ปลื้ม อสม.-ปชช. นับเป็นแล้ว 7 ล้านคน เร่งเดินหน้าต่อ หลังพบต้องใช้งบสูงถึง 7.9 หมื่นล้านบาท แนะ กินข้าวปริมาณเหมาะสม พร้อมเยี่ยมชมกิจกรรมชมรมผู้สูงอายุอำเภอพาน

นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธานเปิดงานการขับเคลื่อนนโยบายคนไทยห่างไกลโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (NCDs) โดยมี นายชรินทร์ ทองสุข ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย นายแพทย์โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข นางสาวปิยะรัฐชย์ ติยะไพรัช สส.เชียงราย เขต 2 นางสาววิสาระดี เตชะธีราวัฒน์ สส.เชียงราย เขต 4 นายเทอดชาติ ชัยพงษ์ สส.เชียงราย เขต 5 พรรคเพื่อไทย นายชิตวัน ชินอนุวัฒน์ สส.เชียงราย เขต 1 นายฐากูร ยะแสง สส.เชียงราย เขต 3 พรรคประชาชน นายวิชัย ไชยมงคล ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข นายแพทย์กิตติศักดิ์ อักษรวงศ์ อธิบดีกรมสุขภาพจิต นายแพทย์ภาณุมาศ ญาณเวทย์สกุล อธิบดีกรมควบคุมโรค ผู้บริหารกระทรวงสาธารณสุข และอสม.กว่า 1,200 คน เข้าร่วม ที่สนามสิงห์ เชียงรายสเตเดียม อำเภอเมือง จังหวัดเชียงราย

นายสมศักดิ์ กล่าวว่า รัฐบาลและกระทรวงสาธารณสุข ให้ความสำคัญกับการแก้ปัญหาโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง หรือ NCDs ซึ่งเป็นปัญหาที่สำคัญของประเทศ โดยล่าสุด เมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายน 2567 น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี  ได้ให้เกียรติมาเป็นประธานในพิธี Kick off นโยบายคนไทยห่างไกล NCDs ที่จังหวัดเชียงใหม่ ด้วยตนเอง สำหรับงานที่จังหวัดเชียงรายในวันนี้ เป็นการดำเนินการต่อเนื่องในระดับจังหวัด ซึ่งตนทราบว่าโรค NCDs สร้างปัญหาให้กับพี่น้องชาวเชียงรายเช่นกัน โดยมีผู้ป่วยเบาหวานกว่า 75,000 คน และมีผู้ป่วยความดันโลหิตสูงกว่า 180,000 คน ดังนั้น การแก้ปัญหาโรค NCDs เราจำเป็นจะต้องให้ความสำคัญกับการสร้างความรู้ความเข้าใจให้แก่พี่น้องประชาชน เพื่อปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพให้เหมาะสม 

“ทั้งการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ และการกินอาหารให้เหมาะสมกับการใช้พลังงาน ด้วย “การนับคาร์บ หรือคาร์โบไฮเดรต” ที่มาจากแป้งและน้ำตาล ซึ่งต้องอาศัยความร่วมแรงร่วมใจ จากบุคลากรสาธารณสุขและพี่น้อง อสม. ผมเชื่อมั่นว่า บุคลากรสาธารณสุขและพี่น้อง อสม. ที่ร่วมงานในวันนี้ จะสามารถนับคาร์บได้ โดยขอให้พวกเรานำองค์ความรู้ และข้อมูลที่เป็นประโยชน์ จากการบรรยาย บูธนิทรรศการ ทั้ง 6 บูธ รวมถึงสมุดบันทึกและชุดดูแลสุขภาพ ไปถ่ายทอดและขยายผล เพื่อให้การแก้ไขปัญหาโรค NCDs เห็นผลอย่างเป็นรูปธรรม” รมว.สาธารณสุข กล่าว

นายสมศักดิ์ กล่าวอีกว่า การขับเคลื่อนโครงการคนไทยห่างไกล NCDs ครั้งนี้ เป็นครั้งที่ 7 ซึ่งครอบคลุมทั้ง 12 เขตสุขภาพแล้ว โดยมี อสม.และประชาชน เรียนนับคาร์บแล้วกว่า 7 ล้านคน ซึ่งจากนี้ อสม.ก็จะไปช่วยแนะนำประชาชนต่อจนทั่วประเทศ  เพื่อลดการเจ็บป่วย และเสียชีวิต ด้วยกลุ่มโรค NCDs ของพี่น้องประชาชนต่อไป ทั้งนี้ กระทรวงสาธารณสุข ยังได้ขับเคลื่อนนโยบาย 30 บาทรักษาทุกที่ ระยะที่ 4 โดยจังหวัดเชียงราย อยู่ในเฟสที่ 2 สามารถใช้บริการได้แล้วตั้งแต่ วันที่ 1 มีนาคม 2567 และขณะนี้ เริ่มเฟส 4 ให้ครอบคลุมทั่วประเทศ ซึ่งประชาชน ร้อยละ 98 มีความพึงพอใจมากต่อบริการ เพราะสามารถลดระยะเวลาใช้บริการลงกว่าครึ่ง ลดค่าใช้จ่ายของประชาชน เฉลี่ย 160 บาทต่อครั้ง รวมถึงลดการขาดงานของญาติและผู้ป่วยได้อีกด้วย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในระหว่างการสอนนับคาร์บ ได้มี อสม.หญิงรายหนึ่ง เกิดเหตุเก้าอี้ที่นั่งอยู่หัก ทำให้เกิดเสียงฮือฮาในห้องประชุมเป็นอย่างมาก นายสมศักดิ์ จึงถือโอกาสนี้ เชิญขึ้นบนเวที เพื่อเป็นแบบอย่างในการคำนวนคาร์บ ซึ่งพบว่า มีน้ำหนักเกินกว่าค่ามาตรฐาน จึงแนะนำจำนวนข้าวที่ทานได้อย่างเหมาะสมกับร่างกาย นอกจากนี้ ยังได้เชิญ สส.ทั้ง 5 คน ขึ้นบนเวทีด้วย เพื่อร่วมคำนวนคาร์บ เป็นตัวอย่างให้กับ อสม.และประชาชนที่เดินทางมาร่วมงานด้วย 

จากนั้น นายสมศักดิ์ พร้อมคณะ ได้เดินทางต่อไปยัง วัดหัวฝาย ตำบลสันกลาง อำเภอพาน จังหวัดเชียงราย เพื่อเยี่ยมชมกิจกรรมชมรมผู้สูงอายุอำเภอพาน และพบปะ อสม. “รมว. พบประชาชน เริ่มต้นดูแลตนเองด้วยการนับคาร์บ” พร้อมมอบใบประกาศโรงเรียนผู้สูงอายุต้นแบบจังหวัดเชียงราย เครือข่ายโรงเรียนผู้สูงอายุจังหวัดเชียงราย 18 แห่ง โดยมี พระครูปิยวรรณพิพัฒน์ ได้นำเยี่ยมชมกิจกรรมต่างๆของผู้สูงอายุ ซึ่งนายสมศักดิ์ กล่าวว่า การตั้งโรงเรียนผู้สูงอายุ กว่า 3,000 แห่งทั่วประเทศ ของพระครูปิยวรรณพิพัฒน์ นับว่า เป็นประโยชน์อย่างมาก เพราะเป็นการดูแลผู้สูงอายุ  ซึ่งจากนี้ พระครูปิยวรรณพิพัฒน์ ก็จะช่วยสื่อสารเรื่องโรค NCDs โดยเฉพาะการแนะนำการทานอาหารที่เหมาะสม ผู้สูงอายุจะได้ไม่ป่วย ส่วนตัวเลขผู้สูงอายุขณะนี้มีกว่า 10 ล้านคน ซึ่งมีเพิ่มขึ้นอีกปีละเกือบ 5 แสนคน จึงเป็นภารกิจพระครูปิยวรรณพิพัฒน์ ที่ต้องดูผู้สูงอายุเพิ่มขึ้นด้วย 

“วันนี้ มีพี่น้องประชาชน และอสม.เดินทางมาเป็นจำนวนมาก ผมก็อยากเล่าให้ฟังว่า การประชุมคณะรัฐมนตรีสัญจร ที่จังหวัดเชียงใหม่ เมื่อวันที่ 29 พ.ย.67 น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ก็มีความเป็นห่วงประชาชน จึงเห็นชอบโครงการเร่งด่วนของจังหวัดเชียงใหม่ และเชียงราย รวม 39 โครงการ กรอบวงเงิน 641 ล้านบาท ซึ่งนี่คือระยะสั้น ส่วนระยะยาว ก็มีการนำเสนอโครงการเข้ามา มูลค่ากว่า 19,282 ล้านบาท รวมถึงการประชุมครม. ยังได้เห็นชอบปรับเบี้ยผู้สูงอายุด้วย โดยอายุ 60-69 ปี จาก 600 บาท เป็น 700 บาท อายุ 70-79 ปี จาก 700 บาท เป็น 850 บาท อายุ 80-89 ปี จาก 800 บาท เป็น 1,000 บาท อายุ 90 ปีขึ้นไป จาก 1,000 บาท เป็น 1,250 บาท และกลุ่มผู้พิการ จาก 800 บาท เป็น 1,000 บาท โดยสะท้อนว่า รัฐบาล ให้ความสำคัญกับผู้สูงอายุเป็นอย่างมาก” รมว.สาธารณสุข กล่าว 

นอกจากนี้ นายสมศักดิ์ ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนว่า การสอนนับคาร์บ เพื่อให้ประชาชนรู้ว่า ร่างกายของเรามีความจำเป็นที่ต้องบริโภคเท่าไหร่ จะได้ทานอย่างเหมาะสม ไม่เจ็บป่วย ตั้งแต่โรคความดัน ที่เป็นจุดเริ่มต้นของสารพัดโรค และใช้งบประมาณของ สปสช. มากถึง 52% หรือ 7.9 หมื่นล้านบาท กระทรวงสาธารณสุข จึงต้องรณรงค์ด้วยกลไก อสม.ที่จะไปช่วยสื่อสารกับพี่น้องประชาชนต่อ โดยหลังจากขับเคลื่อนโครงการนี้ มากกว่า 1 เดือน มีอสม.เรียนนับคาร์บแล้ว 9 แสนคน และประชาชนที่เรียนรู้การนับคาร์บต่ออีก 6.1 ล้านคน รวมเป็น 7 ล้านคนแล้ว แต่เราก็ยังไม่หยุดเท่านี้ เพราะเรื่อง NCDs ไม่ใช่การนับคาร์บเพียงอย่างเดียว แต่ยังมีเรื่องอื่นๆด้วย เช่น บุหรี่ และสุรา เป็นต้น