The Inside Line : โลกที่ไม่ลงรอย
ผมเชื่อว่าหลายคนเริ่มเล่นกีฬาอะไรสักอย่าง เพราะได้แรงบันดาลใจจากนักกีฬาอาชีพ ที่เราเฝ้าติดตาม
การแข่งขันและชีวิตของพวกเขา นักกีฬาที่เก่งกาจนั้นดูทรงพลัง สง่างามและเป็นแบบอย่างที่น่าชื่นชม อย่างน้อยๆ มันก็สร้างแรงผลักดันให้เราอยากจะเก่งขึ้น ไม่ว่าจะในด้านกีฬาที่เราชอบหรือในฐานะการเป็นมนุษย์ก็ดี
วงการจักรยานอาชีพนั้น เก่าแก่ร่วมร้อยปี และมีเรื่องราวน่าตื่นตาตื่นใจมากมาย ทั้งการเอาชนะคู่แข่งอย่างเหลือเชื่อ การพลิกเกมแบบไม่คาดฝัน โมเมนท์ที่นักปั่นโนเนมนอกสายตา แจกหมัดเซอร์ไพรส์โค่นแชมป์รายการใหญ่ ในสถานที่ๆชวนฝันน่าปั่นและท้าทาย เรื่องราวเหล่านี้กระตุ้นให้นักปั่นทั่วโลก หยิบจักรยานออกไปฝึกซ้อม และแข่งขันนับล้านคน
แต่ใช่ว่าเรื่องราวทุกอย่างจะลงรอย และจบด้วยดีเสมอมา วงการจักรยานอาชีพนั้นขึ้นชื่อ เรื่องนักปั่นโกงเกมการแข่งขัน ด้วยการใช้สารกระตุ้น มีข่าวการโด๊ปทุกปี ตั้งแต่นักปั่นดิวิชั่นล่างที่อยากจะสร้างผลงานเพื่อดึงดูดแมวมองจากทีมใหญ่ ไปจนถึงแชมป์รายการใหญ่อย่าง ตูร์ เดอ ฟรองซ์ เจ็ดสมัย (แลนซ์ อาร์มสตรอง) ที่โกหกกลางศาลได้แบบไม่ต้องกระพริบตา เชื่ออย่างหมดหัวใจว่าสิ่งที่เขาทำนั้นไม่ได้เอาเปรียบใคร ด้วยเหตุผลที่ว่าทุกคนก็โด๊ปเหมือนกัน ถ้าผมไม่โด๊ป ผมก็แพ้
การทรยศหักหลังของนักปั่นอาชีพชื่อดังนั้น มีให้เห็นต่อเนื่องซ้ำแล้วซ้ำเล่า จนผู้ชมทางบ้านหลายคนคิดว่าทั้งหมดนี้ มันเป็นเรื่องหลอกลวง มันไม่ใช่ความพยายามที่แท้จริง มันเป็นการโกงกันซึ่งๆหน้า มันทำลายมนต์เสน่ห์ของการปั่นจักรยานไปจนหมดสิ้น
มือสมัครเล่น รับแรงบันดาลใจจากมืออาชีพที่ปั่นได้ไกล เร็ว อึด ด้วยความหวังที่ว่า ถ้าเขาซ้อมมากพอ สักวันหนึ่งเขาก็น่าจะทำได้อย่างที่โปรทำบ้าง
เมื่อเราถูกโกหกซ้ำซ้อน เราเริ่มมองการแข่งขันอาชีพ เป็นเหมือนละครเวที ด้วยความหวาดกลัวที่ว่าจะถูกโกหกซ้ำอีก ฮีโร่ที่เราเห็นเมื่อปีที่แล้ว แชมป์โลก แชมป์แกรนด์ทัวร์…บางทีเราไม่อาจเชื่อได้สนิทใจ ว่าเขาเหล่านั้นจะใช้ความสามารถที่แท้จริง ความสามารถที่เราใช้เป็นแบบอย่าง เป็นแรงบันดาลใจได้ วงการจักรยานอาชีพ น่าจะเป็นวงการที่มีเรื่องโด๊ปออกมาเยอะที่สุดในบรรดากีฬาอาชีพทั้งหมดก็ว่าได้
อีกไม่กี่วัน ฤดูกาลแข่งขัน 2017 ก็จะเริ่มขึ้น ปีนี้มันอาจจะไม่ใช่เรื่องการโด๊ปหรือการใช้สารต้องห้าม แต่ก็มีเทคนิคการโกงใหม่ๆ อย่างการแอบใช้มอเตอร์ซ่อนในจักรยานมาแทนที่ ทุกปีวงการจักรยานมีเรื่องที่ฆ่าความน่าเชื่อถือตัวเองอยู่เสมอ
มีคนเคยบอกผมว่าจะดูจักรยานให้สนุก ให้คิดเหมือนไปดูหนัง หนังบางเรื่องมักจะเกริ่นว่า “ได้รับแรงบันดาลใจจากเหตุการณ์จริง” แต่ในตัวบทและการแสดงนั้น ก็มีการเพิ่มสีสันและเหตุการณ์ใหม่ๆ เข้าไปให้หนังมันน่าสนใจมากขึ้น การชมนักปั่นอาชีพแข่งก็เช่นกัน เราไม่มีทางรู้ได้ว่าใครโด้ปหรือไม่โด๊ป ถ้าเราตั้งแง่ตลอดเวลา ก็ไม่อาจที่จะชมการแข่งขันได้อย่างสบายใจครับ
ในมุมกลับ ยุคนี้ที่การปั่นจักรยานกลายเป็นงานอดิเรกร่วมสมัย วงการมือสมัครเล่นนั้น กลับน่าตื่นตาตื่นใจและเป็นแรงบันดาลใจได้ดียิ่งกว่า มันอาจจะไม่ใช่การปั่นระยะทางสามพันกิโลเมตรในยี่สิบเอ็ดวันทั่วประเทศฝรั่งเศส แต่การแข่งขันสามชั่วโมงจบของนักรบวันหยุดนั้น เต็มไปด้วยอารมณ์ พลัง และความมุ่งมั่นของสามัญชน ที่นอกจากจะต้องทำงานหาเงินเลี้ยงตัวเองแล้ว ยังต้องจัดตารางมาแบ่งเวลาฝึกซ้อม เพื่อให้ปั่นได้ไม่น้อยหน้าใครด้วย
นี่คือชีวิตการปั่นจริงที่คุณไม่ต้องไปหาชมในทีวี มันเป็นโลกที่ไม่ลงรอยกัน และน่าเสียดายว่าวงการจักรยานอาชีพ ยังเป็นอะไรที่ห่างเหินและเข้าถึงได้ยากกว่ากีฬาอื่นๆ แต่ถ้าวงการสมัครเล่นยังแข็งขันแบบนี้ เราก็ไม่ต้องไปแสวงหาแรงบันดาลใจจากที่ไหน เมื่อเพื่อนนักปั่นใกล้ตัวของเรา ก็เป็นฮีโร่ในใจของใครหลายๆ คนได้เช่นกัน