สารภาพ! โกงสอบนายสิบตร. ฟันราย3-4แสน ชี้เอี่ยว500คน
คืบหน้า! หนุ่มเทศกิจมอบตัว คดีโกงสอบนายสิบตร. เผยได้ค่าหัว 3-4 แสนบาท อ้างทำคนเดียว -ตร.ชี้เอี่ยวเกือบ500คน แฉจ้าง51คนเก่งเฉลยข้อสอบ
จากกรณีที่พ.ต.อ.อุเทน นุ้ยพิน ผกก.ศฝร.บช.น. นำเอกสารหลักฐานเดินทางเข้าแจ้งความดำเนินคดีกับกลุ่มผู้ที่ทุจริตการสอบนายสิบตำรวจสังกัดกองบัญชาการตำรวจนครบาล ที่สน.พหลโยธิน โดยได้แจ้งความให้ดำเนินคดีนายจิระพจน์ พลายด้วง อายุ 45 ปี เจ้าหน้าที่สำนักเทศกิจ เขตปทุมวัน ที่เป็นตัวการใหญ่ ในขบวนการโดยดำเนินคดีใน 3 ข้อหา ประกอบด้วย ข้อหาอั้งยี่ที่มีการรวมตัวกันกระทำผิดทางอาญา, แจ้งความเท็จต่อเจ้าหน้าที่พนักงาน และ ความผิดตาม พ.ร.บ. คอมพิวเตอร์ มาตรา 14(2) กรอกข้อมูลอันเป็นเท็จเข้าไปในคอมพิวเตอร์ นอกจากนี้ได้มีการตั้งคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริง เพื่อดำเนินคดีกับผู้ต้องหา จำนวน 346 ราย และพบว่าน่าจะมีบุคคลเข้าข่ายกระทำผิดอีก 178 ราย
ที่สน.พหลโยธิน ล่าสุดเมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 10 มกราคม นายจิระพจน์ พลายด้วง อายุ 45 ปี เจ้าหน้าที่สำนักเทศกิจ เขตปทุมวัน พร้อมทนายเดินเข้ามอบตัวกับทางพนักงานสอบสวน โดยมีพล.ต.ท.ศานิตย์ มหาถาวร ผบช.น. พล.ต.ต.อดุลย์ ณรงค์ศักดิ์ รองผบช.น. พ.ต.อ.อุเทน นุ้ยพิน ผกก.ศฝร.บช.น. พ.ต.อ.ณรัช มูลศาสตรสาทร ผกก.สน.พหลโยธิน ร่วมสอบปากคำด้วยตนเอง โดยไม่อนุญาตให้สื่อมวลชนเข้าไปบันทึกภาพใช้เวลาสอบสวนนานกว่า 1 ชั่วโมง
พล.ต.ท.ศานิตย์ กล่าวว่า จากการสอบปากคำในเบื้องต้นให้การรับสารภาพว่าเป็นผู้ที่ดำเนินการเพียงคนเดียว สำหรับรายละเอียดยังไม่สามารถเปิดเผยได้ในขณะนี้ โดยขั้นตอนต่อจากนี้จะแจ้งข้อกล่าวหาและนำตัวส่งศาลต่อไป เบื้องต้นคัดค้านการประกันตัวในชั้นพนักงานสอบสวน เนื่องจากการกระทำดังกล่าวกระทบต่อปัญหาสังคม หากต้องการประกันตัวต้องประกันในชั้นศาล และเป็นดุลพินิจของศาลว่าจะให้ประกันตัวหรือไม่
ขณะนี้ตนไม่อยากระบุตัวเลขหรือบุคคลว่ามีใครเกี่ยวข้องบ้าง เพราะข้อมูลเหล่านี้จะต้องรอพิสูจน์ทราบให้แน่ชัดเสียก่อน ยืนยันจะทำเรื่องดังกล่าวให้เกิดความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย ซึ่งหากพบว่าเชื่อมโยงไปถึงใครก็จะดำเนินคดีทั้งหมด และจะต้องไม่ให้มีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นอีก เพราะการสอบนั้น จะมีอยู่ในทุกหน่วยงานไม่ว่าจะเป็นตำรวจ ทหาร ข้าราชการ หรือองค์กรปกครองท้องถิ่น จึงต้องทำลายขบวนการทุจริตให้หมดสิ้นเพราะเป็นการเอาเปรียบคนที่เขามีความมุ่งมั่นตั้งใจ เบื้องต้นทางการสืบสวนเชื่อว่าการทุจริตดังกล่าวน่าจะเชื่อมโยงกับการสอบของหน่วยงานอื่นๆเช่นกัน และหากพบก็จะต้องดำเนินคดีทันที
พล.ต.ท.ศานิตย์ กล่าวอีกว่า นายจิระพจน์อ้างว่าตนก่อเหตุเพียงคนเดียวแต่มีหลายกลุ่มที่ทำในลักษณะเดียวกัน ซึ่งตนทำมาประมาณ 1 ปี ได้เงินต่อรายประมาณ 300,000-400,000 บาท และที่เลือกกระทำการดังกล่าวเนื่องจากนายจิระพจน์ทำงานอยู่ย่านปทุมวัน เป็นย่านที่มีนักเรียนไปติวหนังสือเพื่อเข้าสอบนายสิบจำนวนมาก จึงได้ไปทำความรู้จักและเสนอตัวด้วยตนเอง
อย่างไรก็ตามสำหรับข้อมูลที่นายจิระพจน์ให้มายังต้องตรวจสอบให้แน่ชัดอีกครั้ง ทั้งนี้ที่มีกระแสข่าวว่ากรณีดังกล่าวมีส่วนเกี่ยวข้องกับการสอบตำรวจนายสิบในพื้นที่ตำรวจภูธรภาค 7 นั้น ขอยังไม่เปิดเผย
ด้านพล.ต.ต.อดุลย์ กล่าวว่า ขณะนี้ได้สอบปากคำไปทั้งหมด 12 ปากแล้ว ซึ่งในกรณีที่มีกระแสข่าวว่ามีผู้เกี่ยวข้องอีกกว่า 50 รายนั้น ขณะนี้ยังไม่มีการออกหมายจับใครเพิ่มเติม เนื่องจากอยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐานให้แน่ชัด โดยส่วนใหญ่ที่เรียกมาสอบนั้นเป็นผู้ที่อยู่ในห้องสอบ อย่างไรก็ตาม จากการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่ามีผู้กระทำความผิด300 กว่าคน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายจิระพจน์เดินทางมาให้ปากคำ โดยสวมหมวก และมีผ้าปิดปากปิดบังใบหน้า ขณะเดียวกันมีผู้สื่อข่าวหลายสำนักเฝ้ารอทำข่าวจำนวนมาก ซึ่งนายจิระพจน์ปฏิเสธให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน ทั้งนี้ ระหว่างพนักงานสอบสวนสอบปากคำนายจิระพจน์นั้น พบว่านายจิระพจน์มีอาการเครียดอย่างเห็นได้ชัด
รายงานข่าวแจ้งว่าชุดสืบสวนพบพฤติกรรมความเชื่อมโยงของกลุ่มขบวนการทุจริตการสอบนายสิบในครั้งนี้ว่ามีนายจิระพจน์ เป็นตัวการ โดยจะติดต่อกลุ่มนักเรียนที่มีผลการเรียนดีตามสถาบันกวดวิชาต่างๆ โดยอ้างว่าให้มาติวให้กับผู้ที่ต้องการที่จะสอบบรรจุเข้ารับราชการ แต่เมื่อถึงเวลากลับให้ทำหน้าที่เป็นมือปืนรับจ้าง เข้าสอบเพื่อเฉลยคำตอบ โดยได้ค่าตอบแทนครั้งละ5,000-20,000บาท ทั้งนี้จากการตรวจสอบรายชื่อกลุ่มมือปืนรับจ้างทั้ง 51 ราย ที่แนวทางการสืบสวนเชื่อว่าอยู่ในขบวนการทุจริตสอบดังกล่าว ก็ไปปรากฏชื่อในสนามสอบต่างๆ ที่หน่วยงานรัฐเปิดขึ้น เช่น การสอบบรรจุเจ้าหน้าที่ไปรษณีย์ ,จ่าอากาศ ,นักเรียนนายสิบ เป็นต้น ซึ่งส่วนใหญ่ จะเป็นการสอบบรรจุโดยใช้วุฒิการศึกษาระดับชั้นม.6