สนามชนโคภาคใต้บูมกว่า28แห่ง สงขลาครองแชมป์

กระแสการชนโคหรือวัวชนกลับมาได้รับความสนใจอีกครั้ง หบังจากที่มีการแข่งขันชนโคคู่ดุเดือดและคู่ประวัติศาสตร์แห่งปีในวงการวัวชนของภาคใต้ซึ่งจัดขึ้นที่สนามกีฬาชนโคนานาชาติอ.รัตภูมิจ.สงขลา เมื่อวันนี้26 ก.พ.ที่ผ่านมา ระหว่าง โคแดงหนึ่งในเขา หรือไอ้แดง จากคอก นายเชาว์ค่าย K.T.รีสอร์ท ซึ่งเป็นวัวเจ้าถิ่นจ.สงขลาซึ่งชนะรวดมา5ครั้ง

ปะทะกับ โคนิลแซมเพชรทองแท้ หรือไอ้ดำวังนา จากคอก นายปอ บ้านทุ่งขมิ้น จ.สตูลซึ่งชนะรวดมา4 ครั้งเช่นกัน โดยมีเงินเดิมพัน20 ล้านบาทและคาดว่าจะมีเงินสะพัดวงนอกของเซียนวัวไม่ต่ำกว่า 50 ล้านบาท

วันนี้27ก.พ.ที่สนามกีฬาชนโคนานาชาติรัตภูมิยังคงมีการแข่งขันการชนโค ประจำเดือน ก.พ.ระหว่างวันที่26-28ก.พ.ซึ่งมีการแข่งขันวันละไม่ต่ำกว่า10คู่ แต่ละวันมีการเดิมพันสูงหลายล้านบาท โดยการชนโคในพื้นที่ภาคใต้นั้น ถือเป็นกีฬาพื้นบ้านที่คนในพื้นที่คุ้นเคย อีกทั้งระยะหลังมักจะมีการชนโคเพื่อการกุศล นำรายได้มอบให้กับองค์กรต่างๆ เช่น มอบให้กับเด็กด้อยโอกาส สนับสนุนการกีฬารวมไปถึงการนำรายได้ช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วม

"วรรณา คงเมือง" หรือ "เจ้วรรณาหาดใหญ่" เจ้าของวัวชนที่มีวัวชนในสังกัด4ตัว บอกว่า การเบี้ยงวัวชนไม่ใช่เรื่องง่ายๆที่ใครๆจะเลี้ยงได้ เนื่องจากวัวชนเป็นวัวพันธ์เฉพาะที่ถูกฝึกมาให้ชนและเลี้ยงดูอย่างดีเนื่องจากวัวชนมีมูลค่าสูงเริ่มต้นราคาหลักแสนไปจนถึงหลัง10ล้าน "ตี5ต้องนำวัวออกวิ่งออกกำลังกายประมาณ1-2ชม.เมื่อกลับมาก็ต้องให้พักเหนื่อย 1ชม.พร้อมให้หญ้ากิน

จากนั้นต้องอาบน้ำพร้อมกินอาหารเสริมซึ่งต้องมีการป้อนให้กิน โดยจะมีตารางของการป้อนอาหารในแต่ละวันซึ่งจะต้องทำในลักษณะการทำซ้ำๆเหมือนกันทุกวันขณะที่หญ้าที่นำมาให้วัวกินนั้นต้องเป็นหญ้าสดๆ นอกจากนี้แล้วต้องไม่ลืมที่จะนำวัวออกตากแดดหรืออาบแดดเพราะเชื่อว่าจะเป็นการสร้างความแข็งแกร่งให้กับวัว ส่วนกลางคืนนั้นวัวจะต้องนอนคอกที่มีมุ้งกางให้นอนอย่างดีเพื่อป้องกันยุงและสัตว์มีพิษ จึงมีการพูดกันว่านักเลงวัวชนจะเลี้ยงวัวดียิ่งกว่าลูก" เจ้วรรณา กล่าว

เช่นเดียวกับ “เดชอิศม์ ขาวทอง” เจ้าของสนามกีฬาชนโคนานาชาติอ.รัตภูมิ บอกว่า การชนโคเป็นกีฬาของลูกผู้ชาย ในพื้นที่ภาคใต้ซึ่งมีความผูกพันกับวัวชนมาตั้งแต่บรรพบุรุษทำให้กระแสการชนวัวเป็นที่นิยมโดยปัจจุบันนี้มีสนามกีฬาชนวัวทั้งหมด 28 แห่ง มากที่สุดในพื้นที่จังหวัดสงขลาคือ 12 แห่ง

โดยแต่ละพื้นที่นั้นมีการปรับพัฒนาสนามให้รองรับนักท่องเที่ยวทุกกลุ่มมากยิ่งขึ้นโดยเฉพาะนักท่องเที่ยวชาวต่างประเทศซึ่งถือว่าได้รับความนิยมอย่างมากในปัจจุบัน อย่างไรก็ตามเจ้าของสนามกีฬาชนโครายนี้ยังบอกอีกว่าการเลี้ยงโคหรือว่าวัวชนมีคุณค่ามากกว่ารายได้จากการเล่นพนันเนื่องจาก ชาวบ้านรวมถึงเกษตรกรจะมีรายได้เพิ่มจากการปลูกพืชหรือปลูกหญ้าให้กับวัวชน

ซึ่งบางคนมีรายได้ดีกว่าการทำการเกษตรทั่วไปโดยเฉลี่ยเดือนละประมาณ 10,000 บาทและที่สำคัญยังมองว่าการเบี้ยงวัวชนเป็นการอนุรักษ์พันธุ์วันท้องถิ่นหรือพันธุ์วัวพื้นเมืองเอาไว้“ หากไม่มีสนามกีฬาชนโคก็จะไม่มีชาวบ้านที่เลี้ยงวัวชนที่เป็นวัวพันธ์พื้นเมืองที่อาจจสูญพัน์ได้ จึงอยากให้สังคมมองว่าการชนวัวนั้นเป็นวิถีของคนในพื้นที่ภาคใต้”