เกษตรกรขายเมล็ดพันธ์ผักหวาน สร้างรายได้ช่วงต้นฤดูฝน
เกษตรกรอำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี นำเมล็ดผักหวานป่า มาตากและเพาะพันธุ์ โพสต์ขายผ่านทางเฟสบุ๊ค สร้างรายได้เสริม หลังการหว่านไถข้าวช่วงต้นฤดูฝน
นายศิริ และ นางฟ้าเสรี ประพันธา สองสามีภรรยา ชาวบ้านคำระหงษ์ ต.โดมประดิษฐ์ อำเภอน้ำยืน จ.อุบลราชธานี ทำเป็นอาชีพเสริม สร้างรายได้ หลังจากไถนาเตรียมปลูกข้าวรอฝนและรอข้าวตั้งท้อง โดยได้หันมาเก็บเมล็ดผักหวานป่า ส่งขายผ่านเฟสบุ๊ค สร้างรายได้ให้ครอบครัว เกษตรกรอินทรีย์ วิถีธรรม ไร่นาฟ้าเอ็นดู สร้างงาน สร้างรายได้ จากการนำเมล็ดผักหวานป่ามาผึ่งลม จากร่อนเอาเนื้อออก เหลือแต่เปลือกหุ้มนับหมื่นเมล็ด พร้อมส่งขายผ่านทงเฟสบุ๊ค
นายศิริ เล่าว่า หลังจากศึกษาวิธีการเตรียมเมล็ดผักหวานป่าเพื่อเพาะปลูกจากนักวิชาการ โดยไม่ต้องใช้สารกันเชื้อราเคลือบเม็ด จึงได้หันมาขายเมล็ดผักหวานป่าเป็นอาชีพเสริมหลังหว่านข้าว ส่งขายเมล็ดละ 1 บาท เมล็ดใหญ่เมล็ดละ 2 บาท และเมล็ดงอก เมล็ดละ 3 บาท ในปีที่ผ่านมา ส่วนใหญ่รับผลผักหวานป่ามาจากพ่อค้าแม่ค้าชาวกัมพูชา ที่ตลาดช่องอานม้า ส่วนปีนี้บนเทือกเขาพนมดงรักผลผักหวานป่าออกผลน้อยไม่พอให้เก็บเหมือนทุกปี จึงต้องไปรับผลผักหวานป่าจากจังหวัดตาก โพสต์ขายทางเฟสบุ๊ค จนมียอดสั่งซื้อจากทั่วประเทศ รวมถึงประเทศเพื่อนบ้านหลายหมื่นเมล็ด นอกจากนี้มีผู้สนใจติดตามเฟสบุ๊คเข้ามาเยี่ยมชมที่ไร่นาวันละหลายสิบคน
ในช่วงปลายเดือนเมษายนของทุกปี ต้นผักหวานป่า จะออกผลเต็มต้น ในผืนป่าธรรมชาติที่เป็นเทือกเขา ซึ่งผักหวานป่าเป็นผักเลิศรส มีรสชาติดึกว่าผักหวานบ้าน และมีสรรพคุณทางยาสูง เป็นที่นิยมนำเอายอดอ่อนมาปรุงเป็นอาหาร และหารับประทานได้ยาก เพราะที่ผ่านมา ผักหวานป่าจะขึ้นเองตามธรรมชาติ ชาวบ้านนำเมล็ดมาเพาะพันธุ์เองได้ยาก เนื่องจากผลของผักหวานป่ามักจะถูกแมลงเจาะกิน แต่ปัจจุบันมีนักวิชาการคิดค้นกรรมวิธี โดยจะทำการร่อนเนื้อของผลผักหวานป่าออกให้หมด เหลือแต่เมล็ดนำไปผึ่งลม จากนั้นก็นำเมล็ดที่ได้ ไปเพาะบนแปลงดินร่วนปนทราย นำฟางแห้งมาคลุมแล้วรดน้ำ ทิ้งไว้ประมาณ 3 - 5 วัน จะพบว่ามีรากอ่อนแทงออกมาจากเมล็ดแล้วนำไปลงหลุมปลูกได้ทันที โดยในระยะแรก ผักหวานป่าต้องปลูกคู่กับต้นไม้พี่เลี้ยง เพื่อให้ร่มเงา ต้นผักหวานป่าจึงจะรอด หากดูแลดีดี ต้นผักหวานป่าจะมีอายุได้มากกว่า 100 ปี และจะให้ผลผลิตได้ต่อเนื่อง