กาฬสินธุ์ ยังต้องเฝ้าระวังปัญหาฝนตกหนักในพื้นที่ทั้ง 18 อำเภอ ทำให้ยังมีน้ำจำนวนมากไหลหลากเข้ามาตัวอ่างเก็บน้ำเขื่อนลำปาว
วันที่ 1 ก.ย. 60 จากการติดตามสถานการณ์ในพื้นที่จ.กาฬสินธุ์ โดยขณะนี้ 5 อำเภอ ที่ประกอบด้วย อ.กมลาไสย อ.ร่องคำ อ.ฆ้องชัย อ.เมือง และอ.ยางตลาด ยังเป็นพื้นที่ประสบอุกภัย ขณะที่สถานการณ์น้ำที่เขื่อนลำปาว ล่าสุดปริมาณน้ำได้เพิ่มขึ้นเฉลี่ย 12 ชั่วโมง ต่อ 3 ซม. โดยล่าสุดมีน้ำไหลหลากเข้าเขื่อน 33 ล้าน ลบ.ม. ทำให้เขื่อนลำปาวมีปริมาณน้ำสูงที่ร้อยละ 84 หรือ 1,657 ล้าน ลบ.ม. จากความจุเต็มพิกัดที่ 1,980 ล้าน ลบ.ม. ขณะที่สถานีอุตุนิยมวิทยา จ.กาฬสินธุ์ ได้เตือนประชาชนติดตามสถานการณ์สภาพอากาศอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะช่วงวันที่ 1-3 ก.ย. จากอิทธิพลของมรสุมตะวันตกเฉียงใต้และวันที่ 4-6 ก.ย. ที่จะมีฝนตกหนักจากในหลายพื้นที่โดยเฉพาะภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน ทั้งนี้จากอิทธิพลของพายุโซนร้อนมาวาร์ จะทำให้เกิดฝนตกหนัก ในวันที่ 2-3 ก.ย. แต่จะไม่กระทบกับประเทศไทยโดยตรง
ส่วนพื้นที่ 5 อำเภอที่ยังประสบปัญหาอุทกภัย ระดับน้ำได้เพิ่มขึ้น 1 ซม.ระดับน้ำที่ท่วมขังที่ 30 – 80 ซม. และในหลายจุดอย่างบ้านดอนยานาง บ้านร่มเย็น บ้านเชียงสา อ.ยางตลาด ระดับน้ำยังทรงตัว ส่วนพื้นที่การเกษตรได้รับความเสียหายแล้วเกือบ 300,000 ไร่ และลักษณะน้ำท่วมขังยาวนานเป็นระยะ 1 เดือน ชาวบ้านยังไม่ทำการเกษตรได้ โดยเฉพาะนาข้าวเสียหายสิ้นเชิงทั้งหมด
นอกจากนี้ชาวบ้านยังเฝ้าระวังปัญหาน้ำล้นตลิ่งในโซนเฝ้าระวังใกล้ริมตลิ่งและติดพนังลำน้ำปาว ลำน้ำพาน ได้เสริมการสอบทรายและจัดเวรยามเฝ้าระวังสับเปลี่ยนกันตลอด 24 ชม. นอกจากนี้โซนพนังกั้นแม่น้ำชี อ.ฆ้องชัย ระยะทาง 21 กม. ชาวบ้านได้เฝ้าระวัง 5 จุดเสี่ยงโดยมีหลายหน่วยงานเวียนเข้าไปช่วยเหลือ ทั้งนี้ทางด้านนายสุวิทย์ คำดี ผู้ว่าราชการ จ.กาฬสินธุ์ ได้กำชับให้ความช่วยเหลือชาวบ้านอย่างต่อเนื่องโดยเฉพาะเรื่องความเป็นอยู่และความปลอดภัย