(สกู๊ป) “บาร์เซโลนา”กับความล้มเหลวในตลาดนักเตะ

(สกู๊ป) “บาร์เซโลนา”กับความล้มเหลวในตลาดนักเตะ

จบลงไปแล้วสำหรับตลาดซื้อขายนักเตะในช่วงซัมเมอร์นี้ ซึ่งการเสริมทัพหรือการขายนักเตะ ก็เป็นสิ่งหนึ่งที่แฟนบอลทั่วโลกให้ความสนใจ และได้รับการจับตามองเป็นอย่างมาก

      โดยดีลที่มีมูลค่าแพงที่สุดในช่วงซัมเมอร์นี้ คงจะหนีไม่พ้นดีลช็อกโลกที่ เนย์มาร์ กองหน้าซูเปอร์สตาร์ทีมชาติบราซิลของ บาร์เซโลนา ที่ย้ายไปอยู่กับ ปารีส แซงต์-แชร์กแมง มหาเศรษฐีแห่งลีกเอิง ฝรั่งเศส ด้วยมูลค่าถึง 222 ล้านยูโร (ราว 8,615 ล้านบาท) ซึ่งทำลายสถิติค่าตัวของ ปอล ป็อกบา กองกลางตัวเก่งของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่ย้ายไปอยู่ในถิ่น โอล์ด แทร็ฟฟอร์ด ด้วยค่าตัว 100 ล้านยูโร (ราว 3,881 ล้านบาท) ลงอย่างราบคาบ

      สำหรับตลาดนักเตะในช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมา มีหลายทีมที่สมหวังในการเสริมทัพ แต่ก็มีอีกหลายทีมที่ผิดหวัง ซึ่งก็ถือเป็นเรื่องธรรมดาของการดึงตัวนักเตะในทุกๆปี อย่างไรก็ตามในตลาดครั้งนี้ มีสโมสรยักษ์ใหญ่ทีมหนึ่งที่ผิดหวังกับการเสริมทัพเป็นอย่างมาก จนเกิดกระแสวิจารณ์ และปัญหาภายในของทีมตามมาอย่างมากมาย นั่นก็คือ “เจ้าบุญทุ่ม” บาร์เซโลนา ที่ประสบกับความล้มเหลวอย่างชัดเจน
   
การขาย“เนย์มาร์”ออกจากทีม
     ถึงแม้ว่า “บาร์ซา” จะขายดาวเตะทีมชาติบราซิลรายนี้ออกจากทีมได้ด้วยราคาเป็นสถิติโลก แต่ดีลดังกล่าวที่เกิดขึ้นก็ทำให้สโมสรเกิดปัญหาตามมาชนิดที่ไม่รู้ว่าจะคุ้มค่าเงินหรือไม่
     เริ่มจากผลงานของทีมที่ตกต่ำลงอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งนับตั้งแต่ที่ทีม “เจ้าบุญทุ่ม” ขาด เนย์มาร์ ซึ่งถือเป็นหนึ่งใน 3 ประสานเกมรุก “เอ็มเอสเอ็น” ร่วมกับ ลิโอเนล เมสซี และ หลุยส์ ซัวเรซ พวกเขาก็ยังหาฟอร์มเก่งไม่เจอ ด้วยการเปิดฤดูกาลพ่ายต่อ เรอัล มาดริด คู่อริตลอดกาลไปอย่างยับเยินด้วยสกอร์รวม 2 นัดถึง 1-5 ในศึก สแปนิช ซูเปอร์ คัพ ทั้งๆที่ในฤดูกาลก่อน บาร์เซโลนา เคยบุกเอาชนะ “ราชันชุดขาว” ถึงถิ่นมาแล้ว เนื่องจากในช่วงหลัง เนย์มาร์ ถือเป็นหัวใจในเกมรุกของทีม ด้วยผลงานลงสนาม 123 นัด ยิงไป 68 ประตู
    ถึงแม้ว่า เอร์เนสโต บัลเบร์เ้ กุนซือของทีมพยายามแก้ไขปัญหาดังกล่าว ทั้งการให้ เคราร์ด เดวโลเฟว เล่นแทนตำแหน่งของ เนย์มาร์ รวมถึงปรับแผนการเล่นเป็น 3-5-2 แทน 4-3-3 ก็ยังไม่สามารถแก้ปัญหาของการที่ดาวเตะวัย 25 ปีย้ายออกจากทีมไปได้
     เรื่องดังกล่าวไม่ใช่แค่กระทบกับฟอร์มของทีมเท่านั้น แต่ยังกระทบมาถึงตัวนักเตะด้วย เนื่องจากมีรายงานว่าสาเหตุที่ ลิโอเนล เมสซี แนวรุกซูเปอร์สตาร์ของทีมยังไม่จรดปากกาขยายสัญญาใหม่ ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้เจ้าตัวเคยให้คำมั่นว่าจะต่อสัญญาตั้งแต่ช่วงก่อนเปิดฤดูกาล เนื่องจาก เมสซี ไม่พอใจที่บอร์ดบริหารของทีมตัดสินใจขาย เนยมาร์ คู่หูในเกมรุกของตนเองออกจากทีมแบบไม่มีความจำเป็น
 
การพลาดคว้าตัว“คูตินโญ”
     หลังจากที่พวกเขาต้องเสีย เนย์มาร์ ออกจากทีม บาร์เซโลนา ก็เริ่มสนใจที่จะดึงตัว ฟิลิปเป คูตินโญ กองกลางพรสวรรค์สูงของ ลิเวอร์พูล ซึ่งชื่นชอบ บาร์ซา มาตั้งแต่เด็ก และติดตามฟอร์มของแข้งรายนี้ในการลงเล่นช่วงพรีซีซั่นกับ “หงส์แดง”
     จนกระทั่งในเดือน ส.ค. พวกเขารุกคืบเข้าหานักเตะมากขึ้น ทั้งการกดดันทางสื่อ และติดต่อลับๆผ่านเอเยนต์ จนกระทั่งวันที่ 11 ส.ค. กลุ่ม เฟนเวย์ สปอร์ตส์ กรุ๊ป (เอฟเอสจี) บอร์ดบริหารของทีมแชมป์ยุโรป 5 สมัย ได้ออกมาประกาศว่าพวกเขาจะไม่ขายแข้งวัย 25 ปีรายนี้ออกจากทีมอย่างแน่นอนไม่ว่าด้วยกรณีใดๆ อย่างไรก็ตามในวันเดียวกัน คูตินโญ ได้ส่งอีเมลแจ้งต่อสโมสรว่า ต้องการขอขึ้นบัญชีย้ายทีม เพื่อกดดันบอร์ดบริหาร “หงส์แดง” ให้ปล่อยตัวเขาออกไปจากถิ่นแอนฟิลด์ โดยเชื่อว่าเกิดจากการที่ฝ่ายบริหารของ “อาซูลกรานา” บอกกับ “คูตี้” ว่าจะย้ายทีมตอนนี้ หรือจะไม่ได้ย้ายมาอยู่ในถิ่นคัมป์ นู อีกเลย
     หลังจากนั้นมีรายงานว่า “เจ้าบุญทุ่ม” ได้ยื่นข้อเสนอย่างเป็นทางการให้ ลิเวอร์พูล ถึง 3 ครั้ง โดยมีมูลค่าสูงสุดที่ 118 ล้านปอนด์ (ราว 4,958 ล้านบาท) โดยแบ่งเป็น ค่าตัวล้วนๆ 80 ล้านปอนด์ ที่บาร์เซโลนาจะผ่อนจ่ายเป็นเวลา 5 ปี บวกกับเงินโบนัสอีกจำนวนหนึ่ง แต่ก็ถูกทางบอร์ดบริหารของ “หงส์แดง” ปฏิเสธไปในทันที
     จนกระทั่ง คูตินโญ เริ่มตอบโต้ต้นสังกัดหลังจากไม่ได้ย้ายทีม ด้วยการอ้างว่ามีปัญหาอาการบาดเจ็บที่บริเวณหลัง และไม่ได้ลงสนามให้กับ ลิเวอร์พูล ตั้งแต่ช่วงเปิดซีซั่นที่ผ่านมา แต่กลับไปเล่นให้ทีมชาติบราซิลได้ด้วยสภาพร่างกายที่สมบูรณ์
     อย่างไรก็ตามสุดท้ายแล้วเมื่อตลาดซื้อขายนักเตะของสเปนสิ้นสุดลง เมื่อวันที่ 2 ก.ย. ที่ผ่านมา คูตินโญ ก็ยังเป็นนักเตะของ ลิเวอร์พูล ตามที่บอร์ดบริหารออกมาประกาศก่อนหน้านี้ และทำให้ บาร์เซโลนา คว้าน้ำเหลวครั้งใหญ่ ซึ่งถือว่าเป็นการซ้ำแผลเดิมจากการขาย เนย์มาร์ ออกจากทีม จนเกิดกระแสต่อต้านบอร์ดบริหารชุดนี้มากขึ้นเรื่อยๆ
     จนกระทั่ง อัลเบิร์ต โซเลร์ ผู้อำนวยการสโมสร บาร์เซโลนา ต้องออกมาแถลงข่าวถึงสาเหตุที่ทีมพลาดคว้าตัวอดีตนักเตะของทีม อินเตอร์ มิลาน รายนี้ ว่า เป็นเพราะ ลิเวอร์พูล เรียกค่าตัวของ คูตินโญ สูงถึง 200 ล้านยูโรในวันสุดท้ายของตลาดซื้อขายนักเตะ ซึ่งทีมไม่สามารถจ่ายเงินมหาศาลขนาดนั้นกับนักเตะคนเดียวได้ จึงต้องจำใจให้การเจรจาดังกล่าวล่มลงไป แต่หลังจากนั้น ลิเวอร์พูล ก็ออกมาสวนทันควันว่า ไม่เคยเจรจากับ บาร์ซา ถึงค่าตัวของ คูตินโญ แต่อย่างใด เพราะไม่ต้องการขายนักเตะรายนี้ออกจากทีมอยู่แล้ว
   
การเสริมทัพยังไม่เข้าตา
    ไม่ใช่ว่า บาร์เซโลนา จะพบแต่ความล้มเหลวกับการเสริมทัพอย่างเดียว เนื่องจากพวกเขาก็ได้นักเตะดังในการเติมความแข็งแกร่งของทีมในซีซั่นนี้ เริ่มจาก เปาลินโญ กองกลางดีกรีทีมชาติบราซิล ที่ดึงตัวมาจาก กว่างโจว เอเวอร์แกรนด์ ทีมในศึกไชนีส ซูเปอร์ลีก ด้วยค่าตัว 40 ล้านยูโร (ราว 1,552 ล้านบาท)
    รวมไปถึง อุสมาน เด็มเบเล ปีกดาวโรจน์ทีมชาติฝรั่งเศสของสโมสร โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ที่ “เจ้าบุญทุ่ม” ยอมจ่ายเงินก้อนโตถึง 105 ล้านยูโร (ราว 4,075 ล้านบาท) เพื่อฝากความหวังว่าจะเป็นตัวแทนในเกมรุกของ เนย์มาร์ ได้
    อย่างไรก็ตามกระแสของแฟนๆทีม “เจ้าบุญทุ่ม” กลับออกมาต่อต้านแข้งทั้ง 2 รายว่ายังไม่เหมาะสมที่จะเป็นสมาชิกของทีม เริ่มจากรายแรกที่เคยล้มเหลวในฟุตบอลลีกยุโรปมาแล้วกับการค้าแข้งในทีม ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ ส่วนในรายหลังก็ยังไม่สามารถพิสูจน์ผลงานได้อย่างเป็นชิ้นเป็นอันเนื่องจากเพิ่งทำผลงานได้ดีแค่ปีเดียว แม้เมื่อซีซั่นที่แล้วจะพา “เสือเหลือง” คว้าแชมป์ เดเอฟเบ โพคาล มาครองได้ก็ตาม
    จากกระแสต่อต้านที่เกิดขึ้นทำให้ โจเซป บาร์โตเมว ประธานสโมสร ถูกทาง อากุสตี เบเนดิโต อดีตผู้สมัครลงชิงตำแหน่งบิ๊กบอสของ “อาซูลกรานา” ยื่นเรื่องขอลงคะแนนโหวตไม่ไว้วางใจ พร้อมเรียกร้องให้ก้าวลงจากตำแหน่ง แต่ข้อเสนอดังกล่าวถูกบอร์ดบริหารของทีมบอกปัด โดยระบุว่าต้องได้รับเสียงสนับสนุนจากสมาชิกสโมสรจำนวน 15% ขึ้นไป จึงจะดำเนินการในเรื่องดังกล่าวได้
    นอกจากนั้น ชาบี เอร์นานเดซ อดีตตำนานแข้งของทีมดังแห่งถิ่นคัมป์ นู ออกมาให้สัมภาษณ์ถึงสถานการณ์ของทีมในขณะนี้ว่า “ผมเป็นส่วนหนึ่งในยุคทองของ บาร์ซา และมันดูไม่เหมือนเดิมในเวลานี้ พวกเขายังคงเล่นฟุตบอลที่ดี แต่น่าจะเซ็นสัญญากับผู้เล่นได้ดีกว่านี้ เพราะเมื่อ 5-6 ปีก่อนพวกเขามีผู้เล่นที่ดีที่สุดในโลกที่เข้ากับระบบของ บาร์เซโลนา ได้อย่างเหมาะเจาะ แต่ตอนนี้กับระบบนั้น พวกเขา มีแค่ อิเนียสตา, อัลบา, เมสซี, ปิเก, ซัวเรซ และ บุสเกตต์ ที่เข้าระบบ ประเด็นคือ บาร์เซโลนา ต้องการนักเตะที่เข้าระบบ 11 คนในทีม แต่หลัง ๆ มานี้ บาร์เซโลนา เซ็นสัญญาแต่กับนักเตะที่ไม่เข้าระบบเข้ามา”

     สุดท้ายแล้วต้องมาติดตามดูกันว่า บาร์เซโลน่า ที่ไม่มี เนย์มาร์ จะทำผลงานได้ดีเพียงใด รวมถึงบอร์ดบริหารของทีมชุดนี้ นำโดย โจเซป บาร์โตเมว จะสามารถทำให้สถานการณ์ของทีมดีขึ้นได้หรือไม่ แต่สิ่งหนึ่งที่แน่ใจได้จากตลาดซื้อขายนักเตะครั้งนี้ คือ พวกเขาพบกับความล้มเหลว และไม่ใช่ “เจ้าบุญทุ่ม” เหมือนสมญานามอีกต่อไป