'บิ๊กโจ๊ก' โชว์จับแก๊งเงินกู้นอกระบบ 3 จุดทั่วกรุงฯ
"สุรเชษฐ์" นำทีมบุกจับแก๊งปล่อยเงินกู้นอกระบบ 3 จุดทั่วกรุงฯ รวบผู้ต้องหาได้ 12 ราย พบเงินหมุนเวียน 4 ล้านบาท
เมื่อวันที่ 19 พ.ย. 2561 พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล รรท.ผบช.สตม. พล.ต.ต.คัชชา ธาตุศาสตร์ รรท.รองผบช.ย. พล.ต.ต.ดาวลอย เหมือนเดช รรท.รองผบช.น. พ.ต.ท.เขมรินทร์ พิสมัย หน.ชุด 8 ศปอส.ตร ร่วมกันแถลงผลการจับกุมแก๊งปล่อยเงินกู้นอกระบบ หรือแก๊งหมวกกันน็อค จากการตรวจค้น 3 จุดในกรุงเทพฯ โดยปล่อยเงินกู้ในอัตราร้อยละ 20 ต่อ 24 วัน จับกุมผู้ต้องหา 12 ราย คือ นางกรรณิการ์ ฉลองจะนทร์ อายุ 42 ปี หรือเจ๊เจี๊ยบ นายทุน และลูกน้อง ตรวจยึดของกลางเป็นบัญชีลูกหนี้ บัญชีการเงิน รถจักรยานยนต์ 14 คัน และรถเก๋งหรู 3 คัน โดยจับกุมได้ที่สำนักงานไม่มีเลขที่ ภายในซอยนิมิตรใหม่ 8 ถนนนิมิตรใหม่ แขวงมีนบุรี เขตมีนบุรี กรุงเทพฯ
พล.ต.ต.ดาวลอย กล่าวว่า จากการสืบสวนความเคลื่อนไหวของคนที่เคยกระทำความผิดพบว่าคดีของนายไพโจรน์ นพรัตน์ อายุ 47 ปี ผู้ต้องหาคดีปล่อยเงินกู้ ซึ่งขณะนี้ถูกจำคุกตั้งแต่ปี 2559 ทางเจ้าหน้าที่สืบทราบว่าธุรกิจดังกล่าวถูกสานต่อโดยภรรยาคือนางกรรณิการ์ และยังขยายธุรกิจปล่อยเงินกู้นอกระบบไปทั่วประเทศ พฤติการคือเช่าพื้นที่ในซอยนิมิตรใหม่ 8 เดือนละ 4,000 บาท ซึ่งเป็นพื้นที่ห่างไกลหลบเลี่ยงสายตาคน ตั้งเป็นสำนักงานปล่อยเงินกู้ โดยแตกสาขาย่อยออกไปเรียกสาขาว่า โต๊ะ แต่ละโต๊ะจะได้เงินออกไปปล่อยประมาณ 500,000 บาทขึ้นไป กระจายโต๊ะไปทั่วพื้นที่กรุงเทพฯและปริมณฑล แต่จะไม่ปล่อยในพื้นที่ใกล้สำนักงาน
พล.ต.ต.ดาวลอย กล่าวต่อว่า หลังจากนำกำลังตำรวจเข้าตรวจค้นพบกลุ่มผู้ต้องหาจำนวน 11 คน และนางกรรณิการ์ อยู่ในสำนักงานจึงทำการจับกุม พบหลักฐานสำคัญคือบัญชีรายชื่อลูกหนี้กว่า 500 ราย และบัญชีตัวเลขยอดเงินทั้งหมด จากการสอบสวนทราบว่ากลุ่มผู้ต้องหาเป็นชายทั้ง 11 คน ทำงานอยู่โต๊ะเดียวกัน แบ่งหน้าที่กันหาลูกหนี้รายใหม่ และตามเก็บเงิน ส่วนนางกรรณิการ์ มีหน้าที่เก็บดอกเบี้ยรวมจากทั้งหมดประมาณ 9 โต๊ะ ได้วันละ 200,000 - 300,000 บาท และมีเงินหมุนเวียนประมาณ 4 ล้านบาท
ด้าน พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า วันนี้ค้นทั้งหมด 3 จุดด้วยกัน แต่จะทำการขยายผลต่อไปอีก ปัจจุบันยังพบว่าการปล่อยเงินกู้นอกระบบ และพฤติกรรมการทวงหนี้อย่างรุนแรง ทางเจ้าหน้าที่จึงต้องใช้กฎหมายอย่างเข้มงวดเพื่อจัดการกับคนพวกนี้ การปล่อยเงินกู้นอกระบบส่วนใหญ่มีการเก็บดอกเบี้ย 30% ต่อเดือน ซึ่งกฎหมายให้แค่ 15% ต่อปี เบื้องต้นแจ้งข้อหาเรียกเก็บดอกเบี้ยเกินอัตราที่กฎหมายกำหนดไว้ก่อน ในส่วนของวันนี้สามารถยึดเอกสารได้มากพอสมควรจึงจะทำการสอบสวนว่ามีการใช้ความรุนแรงในการทวงหนี้ มีการยึดทรัพย์ หรือมีการกระทำผิดอื่นๆเพิ่มเติมหรือไม่ และจะขยายผลเพิ่มเติมต่อไป