รอผล "ดีเอ็นเอ" มัดหนุ่มรถตู้กระทำชำเราเด็กนักเรียน ด้านแม่เหยื่อเผยลูกสาวถูกลวนลามบ่อย หวั่นจิตใจลูกย่ำแย่
เมื่อวันที่ 30 พ.ย. พ.ต.อ.วราวัชร์ ธรรมสโรช ผกก สน.ราษฎร์บูรณะ เปิดเผยถึงความคืบหน้านายณัฐวุฒิ จำเริญ อายุ 29 ปี คนขับรถตู้รับ-ส่งนักเรียน ก่อเหตุกระทำอนาจารและกระทำชำเราเด็กหญิงเอ (นามสมมติ) อายุ 12 ปี และเด็กหญิงบี (นามสมมติ) 14 นักเรียนโรงเรียนแห่งหนึ่งย่านประชาอุทิศว่า ขั้นตอนการดำเนินคดีเป็นไปตามกระบวนการ โดยเมื่อช่วงเช้าพนักงานสอบสวนได้นำตัวนายณัฐวุฒิฝากขังต่อศาลอาญาธนบุรี ซึ่งในชั้นสอบสวนผู้ต้องหายังให้การปฏิเสธ แต่เจ้าหน้าที่ไม่ได้หนักใจ เนื่องจากพยานหลักฐานโดยเฉพาะทางนิติวิทยาศาสตร์ที่เจ้าหน้าที่รวบรวมแน่นหนาพอที่จะดำเนินคดีกับผู้ต้องหาได้ ทั้งนี้จากการสอบสวนยังไม่พบว่ามีผู้ตกเป็นเหยื่อของผู้ต้องหารายนี้ คดีนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจทำครบทุกขบวนการแล้วเหลือเพียงผลตรวจร่างกายของผู้เสียหายซึ่งอยู่ระหว่างรอผลจากโรงพยาบาลตำรวจ รวมถึงผลตรวจดีเอ็นเอของผู้ต้องหา รอผลตรวจรถจากกองพิสูจน์หลักฐาน เพื่อรวบรวมในสำนวนก่อนเสนออัยการ คาดว่าอีกไม่นานก็จะได้
ด้านแม่ของเด็กหญิงเอ (นามสมมติ) อายุ 12 ปี เล่าเหตุการณ์ว่า ลูกสาวมาเล่าให้ฟังว่า ช่วงกลางเดือนพ.ย. เวลาที่ผู้ต้องหาคนขับรถตู้มารับ ก็จะเรียกให้ไปนั่งที่เบาะหน้าทั้งที่ปกติแล้วลูกสาวจะนั่งที่เบาะหลัง และชอบทำเป็นเอามือมาจับที่หน้าอกหลายครั้งบางครั้งก็กอด จนลูกตนทนไม่ไหวจึงถามไปว่า “พี่ทำแบบนี้ทำไม” เขาก็บอกว่าไม่ตั้งใจงั้นเดี๋ยวพี่เลี้ยงขนมแล้วกัน ต่อมายังมาเซ้าซี้ถามลูกสาวอีกว่า “เป็นแฟนกับพี่มั๊ย เดี๋ยวพี่ให้เงินเดือนละ 1 พัน” และพยายามจะนัดให้ลูกสาวออกไปเจอข้างนอก ซึ่งลูกก็กลัวและปฏิเสธไปทุกครั้ง กระทั้งครั้งสุดท้ายที่ลูกโดนกระทำแบบเดิมอีก ก่อนลงจากรถจึงได้ถามไป “พี่โรคจิตเปล่าเนี่ย” จากนั้นลูกตนก็รีบวิ่งเข้าบ้าน
แม่ของเด็กหญิงเอ (นามสมมติ) อายุ 12 ปี เล่าต่อไปว่า หลังเกิดเหตุลูกสาวตนจึงได้ไปปรึกษาเด็กหญิงบี (นามสมมติ) 14 เนื่องจากบ้านอยู่ใกล้กันต้องนั่งรถกลับด้วยกัน เมื่อเด็กหญิงบี ได้ยินเรื่องราวก็บอกว่าพี่ก็โดนเหมือนกัน ทั้งคู่จึงพากันไปแจ้งให้ทางโรงเรียนทราบ จากนั้นทางโรงเรียนได้เรียกผู้ปกครองของเด็กหญิงบีให้ไปพบพร้อมกับบอกว่าให้ไปหาหลักฐานมาพิสูจน์ว่าตัวคนขับรถตู้กระทำอย่างที่เด็กบอก จากนั้นผู้ปกครองของเด็กหญิงบีก็ได้มาบอกเรื่องราวดังกล่าวกับตน ตนถึงรู้เรื่องราวว่าลูกสาวตัวเองก็โดนกระทำอนาจารด้วย จึงปรึกษากันก่อนจะเข้าขอความช่วยเหลือกับมูลนิธิปวีณา
แม่ของเด็กหญิงเอ (นามสมมติ) อายุ 12 ปี กล่าวอีกว่า เหตุการณ์ดังกล่าวอยากจะให้ทางโรงเรียนแสดงความรับผิดชอบ หลังจากเกิดเหตุลูกตนได้แจ้งเรื่องกับทางโรงเรียนแต่ทางโรงเรียนกลับไม่แจ้งให้ผู้ปกครองรับรู้ กลับปกปิดเรื่องดังกล่าวไว้ ผ่านไปจนกระทั่งเป็นข่าวเป็นคดีความขึ้น ในวันนี้ทางโรงเรียนถึงเพิ่งติดต่อมายังตนโดยถามว่าวันนี้ลูกจะไปโรงเรียนหรือไม่ ซึ่งหลังเกิดเหตุตนก็ให้ลูกสาวหยุดเรียนไปเลย นอกจากนี้ลูกสาวยังแคปข้อความในเฟซบุ๊คที่กลุ่มเพื่อนของลูกสาวในโรงเรียนพูดคุยกันถึงเรื่องดังกล่าวมาให้ตนดู ซึ่งหากให้น้องไปโรงเรียนกลัวว่าสภาพจิตใจของน้องจะย่ำแย่ ตนรู้สึกไม่โอเคกับสิ่งที่โรงเรียนทำ ตัวผู้ปกครองเองไม่รู้เรื่อง กลับปล่อยให้คนทั้งโรงเรียนรู้ เราเป็นแม่ของเด็ก ฝากลูกไว้ในความดูแลของคุณก็อยากให้คุณปกป้องลูกของเรามากที่สุด ไม่ใช่ไปปกป้องคนอื่นที่ไม่ใช่เด็กในโรงเรียน ทั้งที่ลูกเราก็ไว้ใจที่จะบอกเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับทางโรงเรียนก่อนจะบอกกับผู้ปกครองด้วยซ้ำ