รวบ 'ศักดิ์ ผาสุก' ยิงอริหน้าผับเมืองระนอง
ตำรวจกองปราบฯตามรวบ “ศักดิ์ ผาสุก” ยิงอริหน้าผับเมืองระนอง
กรณีเหตุกลุ่มนักมวยใช้อาวุธปืนยิงนักเที่ยว บริเวณหน้าผับดังเสียชีวิต เหตุเกิดเมื่อเวลา 02.30 น. วันที่ 22 กรกฎาคม ต.เขานิเวศน์ อ.เมือง จ.ระนองต่อม าตำรวจขอศาลออกหมายจับนายภูมิพรรดิ์ ชาติประนอมไชย อายุ 48 ปี และนายเกรียงศักดิ์ ถิรไชย ในข้อหาร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา ยิงปืนในหมู่บ้านหรือทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควร และพกพาอาวุธปืนไปในเมืองฯ เนื่องจากนายเกรียงศักดิ์ได้ก่อเหตุร่วมกับนายภูมิพรรดิ์ ชาติประนอบไชย หรือ เป้ ทัพพระยายิม และพวก ซึ่งมีภาพวงจรปิดขณะเกิดเหตุเป็นหลักฐานว่า กลุ่มผู้ก่อเหตุถูกระบุว่าเป็นแก๊งนักมวยดัง ไม่พอใจถูกห้ามเปิดเพลงในรถเสียงดัง จากนั้น นายเกรียงศักดิ์และนายภูมิพรรดิ์ได้ชักปืนออกมายิงขึ้นฟ้าหน้าผับดังกลางเมืองระนอง ขณะเดียวกันมีกลุ่มการ์ดหน้าผับและวัยรุ่นได้เข้ามาห้าม แต่กลับถูกนายภูมิพรรดิ์ยิงศีรษะจนเสียชีวิต 1 คนนั้น
เมื่อเวลา 09.45 น.ที่ห้องประชุมชิวปรีชา กองบังคับการปราบปราม(บก.ป.) พล.ต.ต.อภิชาติ ศิริสิทธิ์ รอง ผบช.ก. พร้อมด้วยพ.ต.อ.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบก.ป. พ.ต.อ.วิจักขณ์ ตารมย์ ผกก.สนับสนุน บก.ป. และตำรวจบก.ป. ร่วมกันแถลงผลการจับกุมนายเกรียงศักดิ์ ถิรไชย หรือศักดิ์ ผาสุก อายุ 35 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดระนอง ข้อหาร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา ยิงปืนในเมืองหมู่บ้าน หรือทางสาธารณะ โดยไม่มีเหตุอันควรและพกพาอาวุธปืนไปในเมือง หมู่บ้านหรือทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควร ซึ่งเป็นคนร้ายที่ใช้อาวุธปืนจ่อยิงศีรษะวัยรุ่นเสียชีวิตหน้าสถานบันเทิงในจ.ระนอง นายวินัย ทองบาง อายุ 27 ปี อยู่ที่ 127 ม.8 ต.พันลาน อ.ชุมแสง จ.นครสวรรค์ นายยศธร ถิรไชย อายุ 40 ปี อยู่ที่ 121 ถ.นิพัทธ์ภักดี ต.หาดใหญ่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา นางชนิกา ถิรไชย อายุ 32 ปี อยู่ที่ 121 ถ.นิพัทธ์ภักดี ต.หาดใหญ่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา และน.ส.อุมาพร ชัยกายุทธ อายุ 27 ปี อยู่ที่ 121 ถ.นิพัทธ์ภักดี ต.หาดใหญ่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา
ข้อหา “ร่วมกันช่วยผู้อื่นซึ่งเป็นผู้กระทำความผิด หรือเป็นผู้ต้องหาว่ากระทำความผิดอันมิใช่ความผิดลหุโทษ เพื่อไม่ให้ต้องโทษโดยให้พำนักแก่ผู้นั้น โดยซ่อนเร้นหรือโดยช่วยผู้นั้น ด้วยประการใดเพื่อไม่ให้ถูกจับกุม” โดยสามารถจับได้ขณะขับรถยนต์ผ่านด่านตรวจบ้านพละ หมู่ 3 ต.เขาไชยราช อ.ปะทิว จ.ชุมพร
พล.ต.ต.อภิชาติ กล่าวว่า สืบเนื่องจากนายเกรียงศักดิ์และพวกใช้อาวุธปืนยิงผู้อื่นเสียชีวิต ที่จังหวัดระนอง ซึ่งเป็นเหตุอุกฉกรรจ์สะเทือนขวัญ และเป็นการกระทำที่ไม่เกรงกลัวต่อกฎหมาย หลังเกิดเหตุ ผู้ต้องหาถูกจับกุมได้แล้ว 3 ราย และยังหลบหนีอยู่ 3 ราย คือ นายเกรียงศักดิ์ ถิรไชย นายภูมิพรรดิ์ ชาติประนอมไชย และนายไพบูลย์ บริสุทธิ์ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร.จึงได้สั่งการให้ บก.ป. ดำเนินการสืบสวนติดตามจับกุมผู้ต้องหาให้ได้โดยเร็ว ซึ่ง ผบก.ป. ได้สั่งการให้ กก.สนับสนุน ร่วมกับ กก.1- กก.6 บก.ป. บูรณาการในการสืบสวนติดตามผู้ต้องหาทั้ง 3 รายนี้ จนเมื่อประมาณกลางเดือน พ.ย.61 เจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.ป. สืบทราบมาว่าหลังจากเกิดเหตุนายเกรียงศักดิ์ กับพวก ได้หลบหนีไปกบดานอยู่ที่ค่ายมวยแห่งหนึ่ง ในจังหวัดเชียงราย และได้หลบหนีเข้าไปในประเทศเพื่อนบ้าน เจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.ป. จึงได้ทำการประสานงานหน่วยงานระหว่างประเทศ ขอความช่วยเหลือให้ทำการติดตามตัวผู้ต้องหามาดำเนินคดีในประเทศไทย
พล.ต.ต.อภิชาติ กล่าวว่า ต่อมา ตำรวจบก.ป. รับแจ้งจากหน่วยงานระหว่างประเทศว่า นายเกรียงศักดิ์ หลบหนีกลับเข้ามายังประเทศไทย โดยการช่วยเหลือของนางอุมาพร แฟนสาวนายเกรียงศักดิ์ นายยศธร และนางชนิกา ซึ่งเป็นญาติของนายเกรียงศักดิ์ เจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.ป. จึงได้ทำการสืบสวนติดตาม จนกระทั่งทราบว่าได้มาพักอาศัยอยู่ในอพาร์ตเม้นแห่งหนึ่งย่านทุ่งสองห้อง โดยการช่วยเหลือของนายวินัย ต่อมาเมื่อคืนวันที่ 3 ธ.ค.61 ตำรวจ บก.ป. ได้ทำการปิดล้อมพื้นที่เพื่อหาตัวนายเกรียงศักดิ์ แต่นายเกรียงศักดิ์ กับพวกสามารถหลบหนีไปได้ โดยผลการตรวจสอบทำให้ ทราบข้อมูลเกี่ยวกับรถยนต์ซึ่งพานายเกรียงศักดิ์หลบหนี จึงได้ทำการติดตามอย่างต่อเนื่อง และประสานข้อมูลไปยังตำรวจภูธรจังหวัดชุมพร และกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 รวมถึงได้แจ้งข้อมูล ว่าในการหลบหนีผู้ต้องหาจะมีการใช้รถนำเพื่อตรวจสอบว่า ในเส้นทางมีเจ้าหน้าที่ตำรวจทำการตั้งด่านเพื่อตรวจบุคคลหรือรถอยู่หรือไม่เพื่อไม่ให้ถูกจับกุม
รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลางกล่าวอีกว่า วันที่ 4 ธ.ค.61 เวลาประมาณ 09.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บ้านมาบอำมฤต จ.ชุมพร ตรวจพบรถยนต์คันที่พานายเกรียงศักดิ์หลบหนี จึงเรียกให้หยุดและตรวจสอบบุคคล พบนายยศธร และนางชนิกา อยู่บนรถคันดังกล่าว และจากการซักถาม ทำให้ทราบว่า นายเกรียงศักดิ์ และ น.ส.อุมาพรใช้รถยนต์ฮอนด้าบริโอ้ขับหลบหนีออกไป เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้กระจายกำลังกันค้นหา จนกระทั่งไปพบนายเกรียงศักดิ์ และน.ส.อุมาพร พร้อมรถยนต์ คันที่หลบหนีอยู่ภายในวัดพ่อตาหินช้าง จ.ชุมพร จึงได้ควบคุมตัวนายเกรียงศักดิ์ พร้อมบุคคลซึ่งพานายเกรียงศักดิ์ หลบหนีการจับกุมของเจ้าหน้าที่ไปสืบสวนขยายผลต่อไป
ทั้งนี้ ตำรวจ บก.ป. ได้นำตัวนายวินัยไปฟ้องต่อศาลแล้ว ในข้อหา “ร่วมกันช่วยผู้อื่นซึ่งเป็นผู้กระทำความผิด หรือเป็นผู้ต้องหาว่ากระทำความผิดอันมิใช่ความผิดลหุโทษ เพื่อไม่ให้ต้องโทษโดยให้พำนักแก่ผู้นั้น โดยซ่อนเร้นหรือโดยช่วยผู้นั้น ด้วยประการใดเพื่อไม่ให้ถูกจับกุม” โดยศาลได้พิพากษาลงโทษ นายวินัยให้จำคุก 4 เดือน โดยไม่รอลงอาญา เนื่องจากศาลเห็นว่าเป็นการช่วยเหลือผู้ต้องหาที่กระทำความผิดอย่างร้ายแรงให้พ้นจากการถูกจับกุมและถูกลงโทษ
จากการตรวจสอบประวัติ พบว่านายเกรียงศักดิ์หนีหมายศาลคดีขับรถไล่ยิงอ้วน เซียนตึ้ง นักเลงคู่อริชื่อดังกลางเมืองหาดใหญ่ เมื่อต้อปีที่ผ่านมา หลังจากมีการท้าทายกันผ่านทางเฟซบุ๊ก ติดคุกมา 10 กว่าปี ในคดีฆ่าผู้อื่น ออกมาได้ไม่ถึงปีก็มาก่อเหตุอีก ส่วนนายภูมิพรรดิ์ มือปืนที่ยิงยังหลบหนี เมื่อตรวจสอบประวัติพบว่ามีหมายจับหลายคดี ทั้งคดียาเสพติด คดีทำร้ายร่างกาย และคดีฆ่าผู้อื่น เข้าออกคุกมาอย่างโชกโชน ถือเป็นบุคคลอันตราย ซึ่งตำรวจยังคงติดตามดูความเคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่อง