"น้องของขวัญ" ร่ำไห้ขอโทษ "นัท โอนไว" อ้างแอบอ้างโปร์ไฟล์หลอกเงิน 3 ปีหาเงินเลี้ยงลูก 2 คน
เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 6 ธันวาคม ที่กองกํากับการวิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ กองบังคับการสืบสวนสอบสวน กองบัญชาการตํารวจนครบาล พล.ต.ต.อิทธิพล อัจฉริยะประดิษฐ์ ผบก.สส.บช.น. พร้อมด้วยพ.ต.อ.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบก.สส.บช.น. พ.ต.อ.พรศักดิ์ เลารุจิราลัย ผกก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สส.บช.น. พ.ต.ท.นพดล เจริญทรัพย์ พ.ต.ท.วีระวิทธ์ ผลประสิทธิ์ พ.ต.ท.สมรวย อินต๊ะนัย พ.ต.ท.สรรเพชร สุวรรณไตร พ.ต.ท.ธิติพงษ์ สียา รอง ผกก.วิเคราะห์ข่าวฯ พ.ต.ต.พิทักษ์ ศรีกะแจะ สว.วิเคราะห์ข่าวฯ ร.ต.อ.กิติพัฒน์ ใจอารีรอบ สว.วิเคราะห์ข่าวฯ ร.ต.อ.สิทธิเดช หาญจริง รอง สว.ฯ พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.วิเคราะห์ข่าวฯ ร่วมกันจับกุมตัวนางนันท์นลิล ภควัตสุวรรณ หรือผึ้ง อายุ 32 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลแขวงดุสิต ข้อหาฉ้อโกง โดยจับกุมได้ที่บริเวณลานจอดรถหน้าอาคาร 6 การเคหะร่มเกล้า ซอยการเคหะร่มเกล้า แขวงคลองสองต้นนุ่น เขตลาดกระบัง กรุงเทพฯ
สืบเนื่องจากมีผู้เสียหายได้รับความเสียหาย จากการถูกคนร้ายหลอกให้โอนเงิน และได้ทรัพย์สินไปเป็นจำนวนมาก ได้มีการประชาสัมพันธ์แจ้งเตือนภัย และติดตามหาคนร้ายรายนี้ โดยได้มีการขอความช่วยเหลือไปยังสื่อสังคมออนไลน์ รวมทั้งขอความช่วยเหลือไปยังผู้สื่อข่าวหลายสำนักนั้น ทาง ผบก.สส.บช.น. ได้ทราบเหตุดังกล่าว จึงได้สั่งการให้ กก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สส.บช.น. เร่งรัดจับกุมผู้ต้องหารายนี้โดยเร็วที่สุด เพื่อเป็นการยับยั้งไม่ให้ก่อเหตุ และบรรเทาความเดือดร้อนให้แก่ผู้เสียหาย ต่อมากก.วิเคราะห์ข่าวฯจึงได้สืบสวน ติดตามจับกุมผู้ต้องหาได้ จากนั้นจึงได้นำส่ง พงส.เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
สำหรับคนร้ายรายนี้ ได้สมัครแอพพลิเคชันจูโม่ (JAUMO) ซึ่งเป็นแอพที่สร้างโปร์ไฟล์ เพื่อทำการหาคู่ในสื่อสังคมออนไลน์ เมื่อผู้เสียหายเห็นรูปโปร์ไฟล์ ที่ทางคนร้ายได้นำภาพของบุคคลอื่นมาตั้งเป็นรูปของตนเองหลงเชื่อ จากนั้นได้มีการติดต่อเพื่อสนทนากันผ่านแอพพลิเคชันไลน์ ต่อมาทางคนร้ายได้หลอกผู้เสียหายให้โอนเงินไปให้ โดยอ้างเหตุผลต่าง ๆ นานา จนผู้เสียหายหลงเชื่อ โอนเงินไปหลายครั้ง เป็นเงินรวม 89,330 บาท จากนั้นคนร้ายได้ปิดช่องทางการติดต่อสื่อสารกับทางผู้เสียหาย เมื่อทางผู้เสียหาย รู้ตัวว่าถูกหลอก จึงเข้าแจ้งความกับ พนักงานสอบสวน สภ.เมืองจันทบุรี เพื่อดำเนินคดีกับคนร้ายรายนี้ ต่อมา มีผู้เสียหายอีกรายที่ถูกคนร้ายนำรูปของตนเองมาใช้ทำให้ชื่อเสียงได้รับความเสียหาย ได้เข้าแจ้งความต่อพนักงานสอบสวน สน.หัวหมาก การกระทำดังกล่าวของคนร้ายทำให้มีผู้ได้รับความเดือดร้อน ทั้งที่ได้แจ้งความแล้ว และ ยังไม่แจ้งความ ทาง บก.สส.บช.น. จึงได้ทำการรวบรวมข้อมูลของคนร้าย และสืบสวนติดตามจับกุมจนสามารถจับกุมคนร้ายรายนี้ได้
จากการสอบถามผู้ต้องหาให้การว่าทำลักษณะนี้มา 6-7 ครั้ง เวลา 3 ปี โดยจะสมัครแอพพลิเคชั่นหาเพื่อน เพื่อทำความรู้จัก เมื่อทำความรู้จักและสนิทก็จะแลกไอดีไลน์ จากนั้นมีการส่งรูปและพูดคุยเพื่อยืมเงิน อ้างของเงินเติมน้ำมันรถ ซื้อน้ำหอม เดือดร้อนทางการเงิน โดยใช้ภาพของบุคคลอื่นที่ได้ตามโซเชียลมาใช้หลอกลวงผู้เสียหายหลายรายหลงเชื่อโอนเงินมาให้ จากนั้นก็จะเปลี่ยนเบอร์โทรศัพท์และไม่สามารถติดต่อได้ มูลค่าความเสียหายหลายแสนบาท
นางนันท์นลิล ภควัตสุวรรณ ผู้ต้องหา รับทั้งน้ำตาว่า สาเหตุที่ก่อเหตุ เพราะไม่มีเงิน และต้องเลี้ยงลูก 2 คน ก่อนหน้านี้เคยเล่นมาแล้วหลายแอพ แต่ไม่สำเร็จ จนมาเจอแอพนี้ และก่อเหตุมา 6-7 ครั้ง ในระยะเวลา 3 ปี ซึ่งคนที่เสียเงินมากที่สุดคือ 1 แสนบาท แต่ผู้เสียหายยังไม่ได้แจ้งความ และอยากขอโทษผู้เสียหายทั้ง 2 รายทำให้เดือดร้อน ส่วนภาพที่เลือกนั้นเพราะเป็นเพื่อนในเฟซบุ๊กกับผู้เสียหาย
ด้านพล.ต.ต.อิทธิพลกล่าวว่า ในโลกสังคมปัจจุบัน การติดต่อสื่อสารกับบุคคลอื่นนั้นเป็นเรื่องที่ง่าย และมีความสะดวก รวดเร็ว เป็นอย่างมาก จึงควรใช้ความระมัดระวังเป็นพิเศษ ขนาดคำกล่าวที่ว่า “รู้หน้า ไม่รู้ใจ” ยังว่าดูยากแล้ว แต่สำหรับเคสนี้ “รู้หน้า ก็ยังไม่รู้ ว่าเป็นใคร” นั้นดูยากยิ่งกว่า เพราะพี่น้องประชาชนอาจตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพที่แฝงตัวมา เพื่อประสงค์ต่อชีวิต และทรัพย์สินของท่าน เหมือนอย่างเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ ในส่วนของผู้ที่ได้รับความเสียหาย หากผู้เสียหายรายใดยังไม่แจ้งความร้องทุกข์ ขอให้ไปแจ้งความร้องทุกข์ในท้องที่เกี่ยวข้อง เพื่อดำเนินคดีกับผู้ต้องหาในคดีนี้ เพื่อจะได้อายัดตัวผู้ต้องหานี้ตามกฎหมายต่อไป ทั้งนี้หากมีเบาะแส หรือ มีข้อสงสัยว่าจะถูกหลอกลวง สามารถให้ เบาะแส หรือ ขอคำปรึกษาได้ที่ เฟซบุ๊ก “วิเคราะห์ข่าว นครบาล ” ซึ่งเป็น เฟซบุ๊กของกองกำกับการวิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ กองบังคับการสืบสวนสอบสวน กองบัญชาการตำรวจนครบาล เพื่อจะได้ให้ความช่วยเหลือและคำปรึกษาต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าการแถลงข่าวครั้งนี้มีนายสรฉัตร ผลวัฒนา หรือ เจ้าของฉายา “นัท โอนไว” และน.ส.อริยพัช มีแก้ว อายุ 37 ปี หญิงสาวผู้เสียหายอีกรายที่อยู่ในรูปโปรไฟล์ของน้องขวัญ ที่ถูกนำภาพตัวเองไปใช้หลอกลวงผู้เสียหายรายอื่น เข้ามาร่วมฟังการแถลงข่าวในครั้งนี้ด้วย โดยนางนันท์นนิล ผู้ต้องหาได้ยกมือไหว้ขอโทษผู้เสียหายทั้งสองราย พร้อมทั้งร้องไห้ก่อนเจ้าหน้าที่จะพาตัวเข้าไปสอบปากคำต่อ
นายสรฉัตร เปิดเผยว่า รู้สึกดีใจมากที่ตำรวจจับคนร้ายได้ ส่วนตัวได้ไปไหว้พระ 9 วัดที่ภาคอีสาน เพราะไม่อยากให้คนร้ายไปก่อเหตุลักษณะนี้กับใครอีก และหลังจากที่เกิดเหตุก็มีผู้หญิงทักมาให้โอนเงินให้ เช่น เติมเงินโทรศัพท์ แต่ก็ไม่ได้โอนให้ใคร ซึ่งจะโอนให้เฉพาะคนที่สนิทเพียงเท่านั้น หลังจากที่คนร้ายยกมือไหว้ขอโทษ ก็ยกโทษและอภัยให้ ซึ่งไม่อยากให้ไปทำแบบนี้กับใครอีก ส่วนเงินที่โอนไปให้ ก็ทำใจไว้แล้วว่าอาจจะไม่ได้คืน
ขณะที่น.ส.อริยพัช มีแก้ว อายุ 37 ปี อาชีพแม่ค้าขายของออนไลน์ และเป็นผู้ที่ถูกคนร้ายใช้รูปไปหลอกลวงผู้อื่น เปิดเผยว่า อยากให้คนร้ายกลับตัวกลับใจ ตนก็ไม่อยากเดือดร้อน ที่ต้องมาเกี่ยวข้องกับคดี ซึ่งเมื่อคนร้ายขอโทษ ตนก็พร้อมยกโทษให้ ซึ่งหลังจากนี้ก็จะขายของออนไลน์ต่อไป
ด้าน พ.ต.อ.พรศักดิ์ เลารุจิราลัย ผกก.กองวิเคราะห์ข่าว เปิดเผยว่า การจับกุมในครั้งนี้เป็นการจับตามหมายของ สน.พระราชวัง ซึ่งก่อเหตุในลักษณะเดียวกัน โดยคนร้ายรับว่า เอาเงินไปใช้ส่วนตัว โดยก่อนหน้านี้เคยใช้บัญชีธนาคารของตนเองแต่กลัวตำรวจจับได้ จึงเปลี่ยนเลขบัญชีเป็นของมารดา ซึ่งตำรวจต้องเอาไปตรวจสอบ ว่ามีส่วนรู้เห็นหรือไม่ และต้องประสานธนาคารเพื่อตรวจสอบบัญชี หลังจากนี้ตำรวจจะนำตัวส่งสน.พระราชวัง และหากมีผู้เสียหายเพิ่มเติมก็จะอายัดตัวเพื่อดำเนินคดีต่อไป