กูรูคาด ‘สตาร์บัคส์’ เหยื่อศก.จีนชะลอรายต่อไป
บริษัทอเมริกันกำลังเผชิญความยากลำบากในตลาดจีนมากขึ้นเห็นได้กรณีหุ้นร่วงหนักของ “แอ๊ปเปิ้ล อิงค์” เมื่อต้นเดือนนี้ หลังบริษัทเตือนว่า ยอดขายไอโฟนในจีนต่ำกว่าคาด เนื่องจากภาวะชะลอตัวของเศรษฐกิจจีน ล่าสุด กูรูคาดว่า คิวต่อไปอาจเป็น "สตาร์บัคส์"
โกลด์แมน แซคส์ วาณิชธนกิจรายใหญ่ของสหรัฐ ได้ปรับลดความน่าเชื่อถือของหุ้นบริษัทสตาร์บัคส์ ซึ่งเป็นเชนร้านกาแฟรายใหญ่ที่สุดในโลก จาก “น่าซื้อ” มาอยู่ที่ “ปานกลาง” เมื่อวันศุกร์ (11 ม.ค.) โดยอ้างว่ามีสัญญาณเตือนหลายอย่างเกี่ยวกับตลาดจีน
“คำประกาศล่าสุดของแอ๊ปเปิ้ล อ้างถึงความกังวลเกี่ยวกับการค้าหรือเศรษฐกิจมหภาค (แม้จะมีปัจจัยกระตุ้นจากผลิตภัณฑ์ก็ตาม) และเมื่อปลายเดือนพ.ย. ที่ผ่านมาบริษัทแมคโดนัลด์ก็ยอมรับถึงแนวโน้มที่ซบเซาลงในภูมิภาคนี้” คาเรน โฮลต์เฮาส์ นักวิเคราะห์ของโกลด์แมน ระบุในประกาศถึงลูกค้า
โฮลต์เฮาส์ เสริมว่า ทีมงานมหภาคของโกลด์แมน แซคส์ยังคาดว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ของจีนจะชะลอตัวต่อไป ส่วนหนึ่งเป็นผลจากการบริโภคที่ซบเซา
นอกจากนั้น โกลด์แมนแซคส์ ยังปรับลดเป้าคาดการณ์ราคาหุ้นของสตาร์บัคส์มาอยู่ที่ 68 ดอลลาร์จาก 75 ดอลลาร์ ขณะที่หุ้นสตาร์บัคส์ร่วง 0.8% ในการซื้อขายเมื่อวันศุกร์ มาอยู่ที่ 63.73 ดอลลาร์ต่อหุ้น หลังโกลด์แมนประกาศหั่นเครดิตหุ้นยักษ์ใหญ่ร้านกาแฟรายนี้
ปัจจุบัน สตาร์บัคส์มีร้านค้าในจีนราว 3,600 สาขา และต้องการเพิ่มจำนวนสาขาอีก 2 เท่าภายใน 4 ปีข้างหน้า
แหล่งข่าวด้านนโยบายเผยกับสำนักข่าวรอยเตอร์ว่า รัฐบาลจีนจะปรับลดเป้าจีดีพีของประเทศสำหรับปี 2562 มาอยู่ที่ 6% จาก 6.5% ในการประชุมของรัฐบาลเดือนมี.ค.นี้ และคาดว่ารัฐบาลปักกิ่งจะใช้มาตรการทางการเงินและการคลังในการกระตุ้นเศรษฐกิจในปีนี้ ท่ามกลางความต้องการภายในประเทศที่ซบเซาลง และสงครามการค้ากับสหรัฐที่ยังดำเนินต่อไป
แม้การเจรจาการค้าระหว่าง 2 ประเทศมีแนวโน้มคืบหน้า แต่บรรดานักลงทุนยังคงจับตาสถานการณ์อย่างใกล้ชิดต่อไป จนกว่าจะมีการประกาศข้อตกลงอย่างเป็นทางการภายในเส้นตายวันที่ 2 มี.ค.นี้
ขณะเดียวกันยังไม่ชัดเจนว่าสงครามการค้าจะมีผลกระทบโดยตรงกับการจำหน่ายสินค้าแบรนด์สหรัฐในจีนอย่างไร แต่นักวิเคราะห์ในวอลล์สตรีทหลายคนเชื่อว่า ผลิตภัณฑ์ของแอ๊ปเปิ้ลกำลังเผชิญกับกระแส “คว่ำบาตรอย่างไม่เป็นทางการ” จากผู้บริโภคชาวจีนบางส่วน
โกลด์แมน ระบุว่า สตาร์บัคส์ มีผลตอบแทนเพิ่มขึ้น 2 เท่าจากดัชนีเอสแอนด์พี500 นับตั้งแต่บริษัทเพิ่มหุ้นในดัชนีนี้เมื่อปลายปี 2557 และขณะนี้เป็นเวลาที่เหมาะสมในการทำกำไรเพิ่ม ซึ่งสตาร์บัคส์จะรายงานผลประกอบการของตนในวันที่ 24 ม.ค.นี้