ไตรมาสแรก บังคับคดียอดขายพุ่ง35.60%
"กรมบังคับคดี" เผยยอดผลักดันทรัพย์ไตรมาสแรกปี 62 ขายทอดตลาดแล้วกว่า 4 หมื่นล้าน ด้าน "วิษณุ" ไฟเขียวเพิ่มอัตรากำลังรองรับงาน เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์คดีปกครอง อายัดหนี้หน่วยงานรัฐ-อปท. กว่าแสนล้านบาท
เมื่อวันที่ 16 ม.ค.62 น.ส.รื่นวดี สุวรรณมงคล อธิบดีกรมบังคับคดี แถลงผลการดำเนินงานไตรมาสที่ 1 ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2562 โดยการเร่งผลักดันทรัพย์สินออกจากระบบ ได้กำหนดค่าเป้าหมายในการผลักดันทรัพย์สินในปีงบประมาณ 2562 ไว้ที่ 130,000 ล้านบาท โดยขยับให้สูงกว่าเป้าในปีงบประมาณ 2561 ซึ่งในไตรมาสแรกสามารถผลักดันทรัพย์สินได้จำนวน 46,274,145,932 บาท คิดเป็นร้อยละ 35.60 ของเป้าหมาย เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีงบประมาณ พ.ศ.2561 สามารถผลักดันทรัพย์สินได้สูงกว่า คิดเป็นร้อยละ 44.59 โดยทรัพย์ประเภทห้องชุดขายทอดตลาดได้มากขึ้น ทำให้ขณะนี้มีทรัพย์ประเภทห้องชุดอยู่ในระบบเพียงร้อยละ 8 โดยผลของการขายทอดตลาด, การงดการบังคับคดี และการถอนการบังคับคดีไตรมาสแรกของปี 2562 สูงกว่าในช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน อันเป็นผลจากการทำงานเชิงรุกทั่วประเทศและขยายกลุ่มเป้าหมายให้กว้างยิ่งขึ้น มีทรัพย์รอการขายทอดตลาดทั้งที่ดินว่างเปล่า และที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้าง และห้องชุด รวมมูลค่า 243 ล้านบาท
น.ส.รื่นวดี กล่าวด้วยว่า ส่วนการไกล่เกลี่ยข้อพิพาทในชั้นบังคับคดี มีเรื่องเข้าสู่การไกล่เกลี่ย จำนวน 5,847 เรื่อง สามารถไกล่เกลี่ยสำเร็จ 5,257 เรื่อง คิดเป็นร้อยละ 89.91 ทุนทรัพย์ที่ไกล่เกลี่ยสำเร็จ 2 พันกว่าล้านบาท เมื่อเทียบกับไตรมาสที่หนึ่งของปีงบประมาณ 2561 สามารถไกล่เกลี่ยได้สำเร็จสูงกว่า คิดเป็นร้อยละ 88.09 และทุนทรัพย์ไกล่เกลี่ยสำเร็จสูงกว่าคิดเป็นร้อยละ 96.87 โดยการจัดไกล่เกลี่ยข้อพิพาทชั้นบังคับคดีหนี้ ก.ย.ศ. ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนใต้ จังหวัดยะลา ปัตตานี และนราธิวาส ก.ย.ศ.ได้กำหนดเงื่อนไขใหม่ลดค่าเบี้ยปรับค้างชำระหนี้ ทำให้ลูกหนี้มีศักยภาพในการชำระหนี้ได้มากขึ้น โดยเดือนธ.ค.61 มีลูกหนี้ ก.ย.ศ. เข้าร่วมมหกรรมจำนวนทั้งสิ้น 7,329 ราย ทั้งนี้ ต้นเดือนก.พ.กรมบังคับคดีจะลงพื้นที่เดินสำรวจพื้นที่ที่ประสบภัยพายุปาปึกในจ.พัทลุง, อ.ปากพนัง จ.นครศรีธรรมราช และอ.จะนะ จ.สงขลา เพื่อสอบถามครอบครัวที่ประสบภัยรายใดต้องการเข้าสู่การไกล่เกลี่ยหรือไม่ อย่างไรก็ตาม ผลการดำเนินงานที่ดีขึ้นทำให้กรมบังคับคดีได้รับความเชื่อมั่นจากประชาชนสูงขึ้นเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา
อธิบดีกรมบังคับคดี กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการตามร่างพ.ร.บ.วิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (การบังคับทางปกครอง) เพื่อปรับปรุงหลักเกณฑ์ในการบังคับทางปกครอง(เฉพาะหนี้การเงิน) ให้ชัดเจน โดยมีสาระสำคัญคือรัฐบาลต้องการให้กรมบังคับคดีเป็นเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ในคดีทางปกครองที่เกี่ยวข้องกับการเงินกับหน่วยงานราชการส่วนกลางและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น คาดว่าร่างพ.ร.บ.ดังกล่าวจะมีผลบังคับใช้หลังจากนี้อีก 6 เดือน โดยที่ผ่านมามีหน่วยงานของรัฐเป็นหนี้และต้องถูกบังคับชำระคืนรัฐ มูลค่ากว่าแสนล้านบาท ซึ่งต้องรอให้กรมบัญชีกลางประเมินตัวเองให้ชัดเจนว่าหน่วยงานรัฐส่วนกลางและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นมียอดหนี้เท่าไหร่ แต่เบื้องต้นนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ได้ประสานกับ ก.พ. เพื่อพิจารณาอัตรากำลังพล โครงสร้าง และงบประมาณ เพื่อเตรียมความพร้อมเพื่อรองรับการปฏิบัติงาน เนื่องจากปัจจุบันภารกิจของกรมบังคับคดีมีงานหลายหน้า