ตร.แจงคลิปยิงยางสกัดรถหลบหนี หลังโซเชียลวิจารณ์กระหึ่ม
รองโฆษก ตร. แจงคลิปตำรวจยิงยางสกัดรถหลบหนีการตรวจค้น เกิดเหตุในพื้นที่ฉะเชิงเทรา หลังโซเชียลวิจารณ์กระหึ่ม
เมื่อวันที่ 18 ม.ค. ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษก ตร. เปิดเผยถึงกรณีตามที่สื่อได้นำเสนอข่าวเจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวงขับรถยนต์ออกตรวจพื้นที่รับผิดชอบ และพบรถยนต์เก๋งคันสงสัยจึงเข้าไปเพื่อทำการตรวจสอบ แต่ผู้ขับขี่ได้ขับรถหลบหนี เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ขับรถติดตามและพยายามเรียกให้ผู้ขับขี่ทำการหยุดรถเพื่อ แต่ผู้ขับขี่รถคันสงสัยไม่ยอมให้ความร่วมมือ เจ้าหน้าที่จึงใช้อาวุธปืนยิงล้อยางรถเพื่อให้รถหยุด จนเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ในโลกโซเชียลมีเดียกันอย่างแพร่หลาย ว่า ได้รับรายงาน จาก กองกำกับการ 3 กองบังคับการตำรวจทางหลวง ว่า ในวันที่ 17 มกราคม 2562 เวลาประมาณ 00.05 น.
ขณะที่ ด.ต.อนันต์ เชี่ยวชาญ และ ด.ต.ปกาฐธ์พลน์ รุ่งเรืองเงิน เจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวง กก.3 บก.ทล. (บางปะกง) ได้ขับรถยนต์ออกตรวจพื้นที่รับผิดชอบ บริเวณถนนเทพรัตน(บางนา-ตราด) จากนั้นได้มาพบรถเก๋ง ฮอนด้า ซิตี้ สีขาว ทะเบียน กศ 3937 กรุงเทพมหานคร ที่จอดอยู่ใต้สะพานลอยหน้าบริษัทดับเบิ้ลเอ ถนนเทพรัตน (บางนา-ตราด) กม.41-42 ช่องคู่ขนาน ขาเข้าชลบุรี หมู่2 ต.บางวัว อ.บางปะกง จ.ฉะเชิงเทรา เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงเข้าไปแสดงตัวเพื่อสอบถามและทำการตรวจสอบ เมื่อเจ้าหน้าที่ลงจากรถเพื่อไปตรวจสอบ ทางรถคันดังกล่าวได้เข้าเกียร์ถอย แล้วพุ่งใส่ตัวเจ้าหน้าที่ตำรวจแล้วขับขี่รถยนต์หลบหนีไป
เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงขับรถติดตาม โดยในระหว่างการไล่ติดตามนั้นไม่ได้มีการใช้อาวุธปืนยิงล้อยางรถยนต์ต้องสงสัยแต่ประการใด ซึ่งระหว่างทางผู้ขับขี่ก็ได้ขับรถหลบหนี ตามถนนด้วยความเร็ว เจ้าหน้าที่ตำรวจก็ไล่ติดตามอย่างกระชั้นชิด จนรถเก๋งคันดังกล่าวไปเจอทางตันก่อนจะขับรถพุ่งลงแอ่งน้ำบริเวณหมู่ 1 ต.หนองจอก อ.บางปะกง เจ้าหน้าที่ตรวจจึงรีบลงจากรถยนต์และได้ใช้อาวุธปืนยิงสกัดบริเวณล้อยางรถยนต์เพื่อไม่ให้สามารถขับขี่ไปต่อได้ ในขณะเดียวกันผู้ขับขี่รถยนต์ต้องสงสัยได้หลบหนีไป ส่วนคนที่นั่งมาด้วยถูกตำรวจจับกุมตัวไว้ได้ ทราบชื่อภายหลังคือ นายศิริวุฒิ อายุ 27 ปี ซึ่งให้การว่าได้เสพยามาเมื่อไม่นาน ส่วนคนที่หลบหนีไปนั้นจากการตรวจสอบทราบชื่อคือ นายคมสันต์ อายุ 27 ปี อีกทั้งจากการตรวจค้นภายในรถไม่พบสิ่งผิดกฎหมาย และจากการตรวจสอบประวัตินายคมสันต์ฯ นั้นเคยถูกจับกุมดำเนินคดีเกี่ยวกับยาเสพติดมาแล้วจำนวน 2 ครั้ง จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำตัวนายศิริวุฒิฯ ไปส่งพนักงานสอบสวน สภ.บางปะกง เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
ในส่วนของนายคมสันต์ฯ นั้น เบื้องต้นพนักงานสอบสวนจะรวบรวมพยานหลักฐานต่อศาลอนุมัติหมายจับในข้อหาความผิดฐาน “ขัดคำสั่งเจ้าพนักงานที่ปฏิบัติตามหน้าที่ และ ขับรถโดยปะมาทไม่คำนึงถึงความปลอดภัยและความเดือนร้อนของผู้อื่น” และดำเนินการติดตามจับกุมเพื่อมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
“สำหรับประเด็นที่มีการวิพากษ์วิจารณ์ ถึงการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจในการยิงสกัดบริเวณล้อยางรถยนต์ของรถคันสงสัยดังกล่าวนั้น ต้องขอเรียนว่า ขณะเกิดเหตุผู้ขับขี่รถคันต้องสงสัยได้ขับรถหลบหนีการเรียกให้หยุดเพื่อทำการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่ตำรวจ แต่ผู้ขับขี่รถยนต์คันดังกล่าวกลับไม่ยอมปฏิบัติตามและได้ขัดคำสั่งของเจ้าหน้าที่ตำรวจ จึงมีพิรุธ น่าสงสัย อันเชื่อได้ว่าผู้ขับขี่รถยนต์คันดังกล่าวได้กระทำความผิดมาก่อนหน้านี้หรือมีสิ่งผิดกฎหมายไว้ในครอบครอง ประกอบกับการหลบหนีการตรวจนี้ดังกล่าว ทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจปฏิบัติหน้าที่ได้ยาก อันอาจเกิดอันตรายต่อชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนและเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ ซึ่งการยับยั้งผู้ขับขี่ตามยุทธวิธีตำรวจในการเรียกรถยนต์ต้องสงสัยให้หยุดรถนั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจต้องคำนึงถึงความปลอดภัยเป็นสำคัญ” รอง โฆษก ตร. กล่าว
รอง โฆษก ตร. กล่าวต่ออีกว่า ตนได้รายงานให้ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. รับทราบแล้ว ท่านมีความห่วงใยและได้ให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ตำรวจทุกนายในการออกปฏิบัติหน้าที่ต่อสถานการณ์ที่มีความเสี่ยง พร้อมได้กำชับเจ้าหน้าที่ตำรวจให้คำนึงถึงความปลอดภัยของตัวเจ้าหน้าที่เองและประชาชนเป็นสำคัญ ซึ่ง ผบ.ตร. ได้เน้นย้ำหลักการแก่เจ้าหน้าที่ตำรวจมาโดยตลอด ให้ยึดหลักตามยุทธวิธีตำรวจ ที่ได้ผ่านการฝึก อบรม ทบทวน ในการแก้ไขปัญหาสถานการณ์ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการ ตั้งจุดตรวจ-จุดสกัด , การตรวจค้นบุคคล-ยานพาหนะ , การจับกุม , การเผชิญเหตุต่างๆ ประกอบกับการตัดสินใจใช้อาวุธปืนในภาวะวิกฤติ ตามที่ได้รับการฝึกหัดทักษะในวิชาชีพตำรวจ มาปรับใช้ในการปฏิบัติหน้าที่ พร้อมหมั่นฝึกทบทวนอยู่เป็นประจำ เพื่อให้เกิดความเคยชินลดการสูญเสีย ในกรณีที่ปฏิบัติหน้าที่อยู่แล้วพบเห็นความผิดปกติของรถที่ขับขี่มาในลักษณะที่ไม่ปลอดภัยหรือเป็นอันตรายต่อผู้ปฏิบัติหน้าที่ ขอให้หลบหนีเข้าที่กำบังหรือจุดที่ปลอดภัย และให้จดจำลักษณะของรถ สี ยี่ห้อ หมายเลขทะเบียนคันที่ต้องสงสัยเพื่อติดตามมาดำเนินคดีในภายหลังต่อไป เพื่อเป็นการสร้างความเชื่อมั่นให้กับพี่น้องประชาชน โดยจะต้องยึดหลัก กระทำการตามอำนาจหน้าที่ อยู่ภายใต้กรอบของกฎหมาย และใช้หลักยุทธวิธีตำรวจควบคู่กันไป