รวบ "ร้อยเชิง สิงห์มาวิน" ล้มมวยเวทีราชดำเนิน ไฟต์แพ้ “ดาว ก.กัมปนาท” ตรวจเทปได้เปรียบคู่ต่อสู้ แต่ไม่ชกตอบโต้ เจ้าของค่ายแจง ติดการพนัน ตร.เร่งติดตามตัว “เซียนเอก”ผู้ว่าจ้าง
ที่กองบังคับการสืบสวนสอบสวน กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บก.สส.บช.น.) เมื่อเวลา 11.00 น.วันที่ 28 มกราคม พล.ต.ต.อิทธิพล อัจฉริยะประดิษฐ์ ผบก.สส.บช.น. พร้อมด้วย พ.ต.อ.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รองผบก.สส.บช.น. พ.ต.อ.ธีระชัย ชำนาญหมอ รองผบก.สส.บช.น. ร่วมกันจับกุม นายเอกลักษณ์ ชุมทอง อายุ 20 ปี ชาวจ.สงขลา นักมวยจากค่ายสิงห์มาวิน มีฉายาในวงการว่า “ร้อยเชิง สิงห์มาวิน” ตามหมายจับศาลอาญากรุงเทพใต้ที่ จ.50/2562 ลงวันที่ 27 มกราคม 2562 ในข้อหา “ห้ามมิให้นักมวยรับหรือยอมจะรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใด สำหรับตนเองหรือผู้อื่น เพื่อจูงใจให้นักมวยกระทำการล้มมวย”
พ.ต.อ.ธีระชัย กล่าวว่า สืบเนื่องจาก บก.สส.บช.น. ได้รับการร้องเรียนจาก หัวหน้าค่ายสิงห์มาวิน ว่าในการขึ้นชกมวยเมื่อวันที่ 20 ธันวาคม 2561 โดย นายเอกลักษณ์ หรือ “ร้อยเชิง สิงห์มาวิน” ขึ้นชกกับ “ดาว ก.กัมปนาท” ที่เวทีราชดำเนินในศึก ส.สมหมาย นั้น ได้มีขบวนการว่าจ้างให้นักมวยล้มมวย ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้นำไฟล์ภาพจากวีดีโอบันทึกเทปการแข่งขัน และตรวจสอบหาความเชื่อมโยง ทำให้พบว่ามีการล้มมวยในการแข่งขันดังกล่าวจริง เพราะในการชกครั้งนั้น “ร้อยเชิง สิงห์มาวิน” มีความได้เปรียบคู่ต่อสู้เป็นอย่างมาก แต่กลับไม่ยอมออกอาวุธชกกลับ ไม่มีการตอบโต้แต่อย่างใด ทั้งที่มีจังหวะสามารถทำคะแนนได้ จนทำให้พ่ายแพ้ไป
พ.ต.อ.ธีระชัย กล่าวต่อว่า จากแนวทางการสืบสวนพบว่า มีนักมวยนายสมมติ น. ซึ่งเป็นเด็กฝากจากเซียนมวย ได้นำมาฝากไว้กับทางหัวหน้าค่ายสิงห์มาวิน จากนั้นนาย น. ได้พยายามสอบถามนักมวยภายในค่ายสิงห์มาวินว่ามีใครที่รับจ้างล้มมวยหรือไม่ จนพบว่า “ร้อยเชิง สิงห์มาวิน” ได้รับจึงได้มีการตกลงเงินค่าจ้างให้ทำการล้มมวยจาก นายวรพันธ์ รัตน์สิรสมโภม หรือ “เซียนเอก” ซึ่งจะให้เงินก่อนการแข่งขันจำนวน 30,000 บาท และหลังการแข่งขันเสร็จสินและสามารถล้มมวยได้สำเร็จอีก 30,000 บาท รวมเป็น 60,000 บาท ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ได้ทำการรวบรวมพยานหลักฐานกระทั่งสามารถออกหมายจับ “ร้อยเชิง สิงห์มาวิน” นอกจากนี้ยังได้ทำการออกหมายจับ นายวรพันธ์ รัตน์สิรสมโภช หรือ “เซียนเอก” ตามหมายจับศาลอาญากรุงเทพใต้ จ.49/2561 ลงวันที่ 23 มกราคม 2562 ซึ่งอยู่ระหว่างการติดตามตัว
นายธัชนน คชาสุวรรณ เจ้าของค่ายมวยสิงห์มาวิน อดีตนักมวยฉายา “หนึ่ง สิงห์มาวิน” เปิดเผยว่า ตนได้เปิดค่ายมวยมาประมาณ 3 ปี ซึ่ง”ร้อยเชิง สิงห์มาวิน” เป็นนักมวยคนแรกของค่ายเนื่องจากเป็นบ้านเดียวกันคือจ.สงขลา ตนรักเหมือนลูกเหมือนหลานดูแลดีมาตลอด แต่ช่วง 3-4 เดือนหลังตนรู้สึกว่า “ร้อยเชิง สิงห์มาวิน” มีพฤติกรรมที่ผิดแปลกไปชอบเก็บตัวอยู่คนเดียวไม่สนใจใครอีกทั้งยังมีพฤติกรรมติดการพนันอย่างหนัก ซึ่งช่วงหลังได้มีหลายคนมาทักว่าให้ตนดูนักมวยในค่ายดีๆ มีการรับจ้างล้มมวย แต่ตนก็ยังไม่ได้ติดใจกระทั่งตนได้ย้อนไปดูคลิปเมื่อวันที่ 20 ธันวาคม 2561 รอบขึ้นชกของ “ร้อยเชิง สิงห์มาวิน” ขึ้นชกกับ “ดาว ก.กัมปนาท” ที่เวทีราชดำเนินในศึก ส.สมหมาย มีความผิดปกติเนื่องจากยก 4 และ ยก 5 “ร้อยเชิง สิงห์มาวิน” ไม่มีการออกอาวุธ ทั้งนี้ชั้นเชิงมวยมีความได้เปรียบกว่ามาก นอกจากนี้ต้องยังมีเพื่อนที่รู้จักส่งไลน์มาให้อ่านมีใจความว่า “ร้อยเชิงวันนี้ สวนได้เลยเดี๋ยวจัดการเอง” ตนจึงปักใจเชื่อว่ามีการล้มมวยจริง จึงตัดสินใจเข้าแจ้งความที่สน.นางเลิ้ง
นายธัชนน กล่าวต่อว่า สำหรับค่าตัวของ “ร้อยเชิง สิงห์มาวิน” จะมีค่าตัวราคา 55,000 บาท ซึ่งตามกฎหมายแล้วหากชกชนะจะต้องแบ่งค่าตัวคนละครึ่ง แต่ตนได้ตกลงกับ “ร้อยเชิง สิงห์มาวิน”ไว้ว่าหากชนะตนให้ทั้งหมด เนื่องจาก “ร้อยเชิง สิงห์มาวิน” มีปัญหาเรื่องเงินมาเป็นเวลานานแล้วและเป็นใช้เงินเกินตัว ตนก็พยายามช่วยทุกอย่าง แต่ไม่คิดว่าจะมาโดนกระทำแบบนี้ ซึ่งก็รู้สึกเสียใจแต่ตนเชื่อว่าเด็กทุกคนไม่ได้มีพฤติกรรมแบบนี้ทุกคนคนดีก็ยังมีอยู่
พ.ต.อ.นพศิลป์ กล่าวว่า ขอฝากไปยังพี่น้องประชาชน รวมถึงผู้ที่เกี่ยวข้องในวงการกีฬาทุกวงการ ควรตระหนักถึงปัญหาเหล่านี้ เนื่องจากการกระทำดังกล่าวเป็นการทำให้วงการกีฬาเกิดความเสื่อมเสีย โดยเฉพาะวงการมวยไทยอันเป็นกีฬาประจำชาติ และเป็นกีฬาที่แสดงถึงเอกลักษณ์ของความเป็นไทย ทุกคนควรอนุรักษ์ และสืบสานศิลปะการต่อสู้ดังกล่าวให้อยู่คู่ประเทศชาติของเราต่อไป อย่างไรก็ตามหากบุคคลใดที่ยังมีพฤติการณ์ในการจ้างล้มมวย รวมไปถึงกีฬาชนิดอื่นๆให้ยุติการกระทำทันที แต่หากตรวจพบก็จะเข้าไปดำเนินคดีทุกรายเช่นกันโดยผู้ที่มีเบาะแสหรือพยานหลักฐานอย่างใด ให้แจ้งมาได้ที่เพจ ดฟสบุ๊กของ บก.สส.บช.น. หรือ วิเคราะห์ข่าวนครบาล เพื่อเป็นการช่วยกันพัฒนาวงการกีฬาของไทยให้เจริญก้าวหน้า และมีความน่าเชื่อถือ สร้างภาพลักษณ์ที่ดีต่อประเทศไทย และต่างชาติต่อไป อย่างไรก็ตามหลักจากนี้จะทำการสอบสวนผู้ต้องหาอย่างละเอียดเพื่อขยายผลไปยังผู้ร่วมขบวนการ ก่อนควบคุมตัวส่งพนักงานสอบสวนสน.นางเลิ้งดำเนินคดีตามกฏหมายต่อไป