ดัชนีภาพลักษณ์ทุจริตของสหรัฐยุค"ทรัมป์"แย่ลง
องค์กรความโปร่งใสนานาชาติชี้ ระบบตรวจสอบและถ่วงดุลสหรัฐยุคทรัมป์เสื่อมถอย ส่งผลอันดับความโปร่งใสลดลง
องค์กรความโปร่งใสนานาชาติ (ทีไอ) ซึ่งมีฐานปฏิบัติการในกรุงเบอร์ลินของเยอรมนี เผยแพร่รายงานดัชนีภาพลักษณ์ทุจริตโลกประจำปี 2561 วานนี้ (29 ม.ค.) พบว่า สหรัฐอยู่ในอันดับ 22 จาก 180 ประเทศทั่วโลก คะแนนลดลง 4 คะแนน มาอยู่ที่ 71 เต็ม 100 หลุดอันดับท็อป 20 เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2554
รายงานระบุว่า สหรัฐได้คะแนนต่ำในช่วงที่ระบบตรวจสอบและถ่วงดุลกำลังเจอภัยคุกคาม ปทัสถานจริยธรรมของอำนาจสูงสุดถูกบั่นทอน
ปี 2561 เป็นปีที่ 2 ที่นายทรัมป์เป็นประธานาธิบดี ถิือเป็นอีกหนึ่งปีแห่งความผันผวน เริ่มตั้งแต่การสอบสวนความสัมพันธ์ระหว่างทีมหาเสียงของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์กับรัสเซียเมื่อปี 2559 และคนที่เขาสนับสนุนให้เป็นผู้พิพากษาศาลฎีกาก็ถูกกล่าวหาว่าข่มขืนหญิง
ตัวผู้นำสหรัฐที่มักกล่าวหาสื่อว่าเขียนแต่ข่าวเฟคนิวส์ ก็ถูกกล่าวหาว่ามีผลประโยชน์ทับซ้อนและเอื้อประโยชน์ให้พวกพ้องด้วย โดยเดือนก่อน นายทรัมป์ตัดสินใจปิดองค์กรการกุศลส่วนตัว หลังจากอัยการนิวยอร์กเผยว่า องค์กรนี้ไม่ต่างจากสมุดเช็กรองรับผลประโยชน์ทางการเมืองและธุรกิจให้นายทรัมป์
นางโซ รีเตอร์ รักษาการตัวแทนทีไอประจำสหรัฐ กล่าวว่า การเป็นประธานาธิบดีของนายทรัมป์ฉายให้เห็นข้อบกพร่องในระบบสหรัฐ ที่ต้องสร้างหลักประกันว่ารัฐบาลจะต้องรับผิดชอบต่อผลประโยชน์สาธารณะ
“แต่ประธานาธิบดีทรัมป์คืออาการของโรคไม่ใช่สาเหตุ ปัญหานี้มีมาตั้งแต่ก่อนเขาเข้าสู่ตำแหน่ง ตัวอย่างเช่น สำนักงานจริยธรรมรัฐบาลไม่มีเขี้ยวเล็บจัดการกับผลประโยชน์ทับซ้อนในระดับสูงสุดของอำนาจ”
ดัชนีภาพลักษณ์ทุจริตวัดจากความโปร่งใสภาครัฐ คะแนนเต็ม 100 คะแนนในปีที่ผ่านมาเดนมาร์กโปร่งใสเป็นอันดับ 1 ที่ 88 คะแนน ตามด้วยนิวซีแลนด์ 87 คะแนน อันดับ 3 ตกเป็นของสิงคโปร์ 85 คะแนน ส่วนโซมาเลียอยู่ท้ายตารางอีกครั้งได้ 10 คะแนน ดีขึ้นมาเล็กน้อยคือซีเรีย 13 คะแนนเท่ากับซูดานใต้ ถัดไปเป็นเกาหลีเหนือและเยเมนได้ 14 คะแนนเท่ากัน
ทีไอ กล่าวด้วยว่า การที่ตุรกีและฮังการีอันดับร่วง เพราะหลักนิติธรรมและสถาบันประชาธิปไตยเสื่อมถอย พื้นที่สำหรับภาคประชาสังคมและสื่ออิสระลดลงอย่างรวดเร็ว