'กฤษฎา' ขานรับมาตรการกำจัดการใช้ สารเคมีกำจัดศัตรูพืช
"กฤษฎา" ขานรับมาตรการกำจัดการใช้ สารเคมีกำจัดศัตรูพืช สั่งห้ามขึ้นทะเบียนผู้ค้าหรือผู้ครอบครองรายใหม่ทันที ลั่นประกาศเลิกใช้ภายใน 2 ปี ตามมติคณะกรรมการวัตถุอันตราย
นายกฤษฎา บุญราช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่า การประชุมแนวทางการดำเนินงานของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เกี่ยวกับสารพาราควอต ไกลโฟเสท และคลอไพริฟอส ได้สั่งการถึงมาตรการ จํากัดการใช้วัตถุอันตรายทั้ง 3 ชนิด โดยขอให้อธิบดีกรมที่เกี่ยวข้องช่วยกันทำให้สำเร็จตามแผนจำกัดการใช้ของกระทรวงฯ ภายใน 24 เดือนหรือ 2 ปีจะมีการประกาศเลิกใช้ทันทีโดยจะมีการขับเคลื่อนในระดับจังหวัดใช้โครงสร้างของผู้ว่าราชการจังหวัดและเกษตรจังหวัดเกษตรอำเภอประชาสัมพันธ์ทำความเข้าใจกับเกษตรกร รวมทั้งมีการสำรวจผู้ค้าและผู้ที่ครอบครองสารเคมีดังกล่าว
ล่าสุดกรมวิชาการเกษตรรายงานว่าปัจจุบันมี 200 กว่าบริษัท ที่ยังใช้สารเคมีทั้ง 3 ชนิดอยู่และมีอยู่จำนวนทั้งสิ้น 23,000 ตันซึ่งหลังจากนี้จะมีการประกาศกระทรวงฯ เพื่อกำหนดการลดละเลิก ซึ่งร่างไว้แล้วตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2561 แต่ยังไม่ได้ประกาศเพราะต้องรอฝ่ายกฎหมายดำเนินการ แต่ในระหว่างที่รอประกาศกระทรวงฯ ให้มีการสำรวจผู้ค้าและผู้ที่ครอบครองสารเคมีดังกล่าวอีกครั้งหนึ่งและไม่รับขึ้นทะเบียนใหม่สำหรับผู้ค้าหรือผู้ครอบครองสารเคมีทั้ง 3 ชนิดใหม่ ตั้งแต่นาทีนี้เป็นต้นไปโดยใช้อำนาจของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์สั่งการ
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ บอกอีกว่าหากต้องการให้กระทรวงฯ ยกเลิกสารเคมีชนิดใดชนิดหนึ่งอีกช่องทางหนึ่งคือให้เอาผู้ที่ได้รับผลกระทบไปรับการรักษาที่โรงพยาบาลพร้อมกับขอใบรับรองแพทย์ว่าผู้ป่วยโดนสารเคมีชนิดใดจากบริษัทอะไรแล้วนำใบรับรองแพทย์มาแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจหลังจากนั้นให้นำใบรับรองแพทย์และใบแจ้งความไปยื่นให้กับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ก็จะประกาศยกเลิกการใช้ทันที แต่ขั้นตอนที่ว่ามานั้นก็เป็นการแก้ปัญหาด้วยปลายเหตุ
ส่วนอีกประเด็นหนึ่งก็คือการหาผลิตภัณฑ์หรือสารทดแทนการใช้สารเคมีกำจัดศัตรูพืช ซึ่งปัจจุบันยังไม่ได้ข้อสรุปว่ามีสารทดแทนหรือไม่ กำลังอยู่ระหว่างการคิดค้น แต่รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ วิวัฒน์ ศัลยกำธร บอกว่าจำเป็นต้องมีมาตรการขยายพื้นที่เกษตรอินทรีย์กับเกษตรปลอดภัยอย่างจริงจังซึ่งปัจจุบันประเทศไทยมีพื้นที่ในการทำเกษตรทั้งหมด 149 ล้านไร่แต่มีพื้นที่เกษตรอินทรีย์หรือเกษตรปลอดภัยเพียง 7 แสนไร่ หรืออาจจะมีพื้นที่มากกว่านั้นขอให้ไปทำการสำรวจตรวจสอบเพิ่มเติม โดยในปีงบประมาณ 2563 จะเพิ่มงบสำหรับการสนับสนุนพื้นที่เกษตรอินทรีย์และเกษตรปลอดภัยที่เกิดขึ้นจริง